เราชื่อ เอ เรามีคำถามมากมายในหัวที่ต้องการทั้งคำตอบ และพลังบวก และ กระทู้นี้ จะเรียกได้ว่าเป็นการแชร์ประสบการณ์ชีวิต เกือบ 35 ปี ของเราเลยก็ได้ เอาละนะ เริ่ม... ตัวเราเกิดในครอบครัวที่เรียกว่าฐานะยากจนในระดับนึงเลยล่ะ เพราะพ่อแม่มีลูกหลายคน และพื้นเพเป็นคน ตจว. ครอบครัวนึงที่ผู้นำครอบครัว(พ่อแม่เรา)ก็มีฝันเหมือนคนอื่นๆ ที่อยากมีโอกาสทำกินเลี้ยงปากท้อง เลี้ยงลูกๆ และตั้งแต่จำความได้ เราก็เห็นว่าครอบครัวเป็นราชาเงินผ่อน(สมัยนั้นที่บ้านสนิทกับบังมากมุ้งเอยชุดนอนเอย ไหนจะเซลขายวีดิโอสารคดี จัดทุกม้วน มีเยอะมาก รักพ่อมากดีใจมากที่ได้ดู) และก็ทุกวันที่ 1 กับ 16 ก็ต้อง ลุ้นหวย หวังโชค น่าจะเป็นกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษเลยก็ว่าได้ แต่พ่อก็ขยันทำงานทุกอย่างเลยนะ พ่อรับจ้างทั่วไป ทำตั้งแต่ตัดหญ้า ยันสร้างบ้าน ต่อเติมอาคาร แต่ก็นะ ทั้งโดนลูกน้องโกงเบิกเงินละหาย ลูกค้าจ่ายไม่ครบ ถูกคนเอารัดเอาเปรียบก็เยอะ เจอคนน่ารักใจดีก็แยะ ผู้คนหลากหลายมาก อาจจะเพราะด้วยความที่เราเป็น ตจว.รึป่าวก็ไม่รู้ บางคนที่จะเอาเปรียบก็ใจร้ายเกิน และเราก็เติบโตมาแบบชนิดที่พ่อให้ทำทุกอย่างเหมือนเด็กผู้ชาย ช่วยงานอะไรได้ก็ทำหมด และก็เติบโตขึ้นจนวันนึงเริ่มเปลี่ยนแปลง
เมื่อพี่ๆ เราโต เมื่อเริ่มเรียนจบ เมื่อเริ่มทำงาน และแต่ละคนก็เริ่มมีครอบครัว เริ่มแยกย้าย แต่มันควรจะเป็นการแยกย้ายที่ดีสิ แต่ป่าวเลย ทุกคน เหมือนจะไปได้ดีแต่แปลกทุกคนมีเรื่องราวให้ต้องกังวลให้เกิดปัญหาอยู่ตลอด และเมื่อไหร่ที่ใครก็ตามทีปัญหาคนที่เหลือก็จะพยายามจัดการช่วยเหลือประคับประคองกันมาตลอด เป็นแบบนี้มาเรื่อยๆ จนเรามารู้ตัวอีกทีตอนอายุ 26 ว่าพวกเรามันไม่มีใครไปได้ดีไปได้สุดจริงๆ สักคนเลยหรอ ทำไมเรายังผลัดกันล้มผลัดกันลุกแบบนี้ละ และด้วยสิ่งแวดล้อมต่างๆ ที่โตมาการจัดการปัญหาแทนกัน ช่วยกันมาตลอดแบบนี้ มันก็ทำให้เราเองไม่อยากที่จะมีครอบครัว ไม่กล้าที่จะมีลูก ไม่อยากต้องเจอปัญหา และเป็นคนไม่เล่นการพนันเลย ไม่ซื้อล็อตเตอรี่ด้วยซ้ำ เพราะไม่อยากผิดหวัง ไม่อยากเป็นหนี้ค่าหวยเหมือนที่เราเห็นมาตลอดชีวิต เพราะตลอดช่วงอายุนั้นพี่ๆ และครอบครัวก็มีปัญหาเรื่องเงินมาให้เราต้องปวดหัวด้วยตลอด จนเราไม่คิดที่จะสร้างครอบครัว ไม่คิดจะสร้างหนี้
แต่ฐานะโดยรวมที่บ้านในตอนนั้นก็อยู่ในสถานะพอมีพอใช้ไม่อดอยากเลย ถึงบ้านจะหลังเล็กแต่ของกินไม่ขาด หลานๆได้กินอิ่มกินอร่อย ของใช้อำนวยความสะดวกต่างๆ ถือว่าไม่ลำบากมากเหมือนตอนรุ่นแม่ๆและน้ายังเด็ก
จนพอเราอายุ จะ 28 เราก็เจอกับความสูญเสีย พ่อเสียเพราะมะเร็ง เรามีเวลารู้และดูแลพ่อแค่ 2 อาทิตย์ เพราะที่ผ่านมาพ่อดื้อมากไม่เคยยอมไปหาหมอ ไม่เคยยอมตรวจสุขภาพเลย พอมารู้ว่าเป็นขนาดนี้ก็ระยะแพร่กระจายแล้ว ณ ตอนนั้นก่อนที่พ่อจะเสียชีวิต พ่อกับแม่ย้ายกลับไป ตั้งรกรากที่ ตจว.ได้หลายปีละ เราเองทำงานอยู่ในกรุงเทพ ช่วงที่รู้ว่าพ่อป่วยเจ้านายเราก็ใจดีมากซื้อตั๋วให้บินกลับ ตจว. ไปดูแลพ่อเลย แต่อาทิตย์ที่2 ของการรักษาพ่อไม่ไหว หมอบอกอยากให้คนไข้กลับไปเสียที่บ้านมั้ย เพราะรักษาไม่ได้ มันลามหมดแล้ว
สุดท้ายพ่อเราจากเราไป ณ เวลานั้นที่ต้องคอยมองพ่อสิ้นใจลงเรื่อยๆ ก่อนพ่อจะจากไปเราเปิดธรรมะให้พ่อฟังและพ่อเพ้อออกมาว่า หลวงพ่อผมยังไม่อยากตาย เราได้แต่ร้องไห้และบีบมือพ่อให้พ่อคิดถึงได้สิ่งดีๆ คิดถึงธรรมะ พอพ่อสิ้นลมลง แม่และพี่ๆ ร้องไห้ กันหนักมาก เรา(เป็นน้องคนสุดท้อง) ได้แต่จุกอยู่ในอก เสียใจแต่ก็ต้องฟังเสียงคนเฒ่าคนแก่บอกให้ไปเอาดอกไม้ เอาน้ำ เอาอะไรมาเตรียมอาบน้ำให้พ่อครั้งสุดท้ายและก็ทำพิธีอื่นๆ ตามวิธีของทางบ้าน ตจว. เรา ในตอนนั้นเลยคิดว่าทุกคนกำลังเสียใจ เราต้องเข้มแข็งไว้นะ เราต้องจัดการธุระต่างๆ พอผ่านไปถึงวันจะเผา ต้องย้ายศพไปที่วัด เราเป็นคนถือรูปขึ้นรถนำขบวนไป คุณรู้มั้ยน้ำตามหาศาลมาก น้ำตาที่เราเก็บกดมาตลอด 3 วัน เราโคตรคิดถึงพ่อเลย
พอเสร็จเรื่องงานขาวดำพ่อ เราก็ต้องกลับมาทำงานที่กรุงเทพ เรานอนร้องไห้ทุกวัน และช่วงนั้นเราก็เริ่มไม่นอนจากที่เดิมเป็นคนนอนดึก กลายเป็นไม่นอนเลย 3 วันติด พอไม่นอนหลายวันติดเราก็เริ่มป่วยเพิ่มขึ้น คิดโทษตัวเองที่ชีวิตไม่มีอะไร ไม่ประสบความสำเร็จในชีวิต ช่วยครอบครัวให้สุขสบายไม่ได้จนสุดท้ายพ่อก็ไม่ทันอยู่เห็นความสำเร็จอะไรเลย พ่อไม่มีโอกาสได้อยู่บ้านสบายๆ ด้วยซ้ำ เรารู้สึกเริ่มเกลียดตัวเอง รู้สึกอยากหายไปจากโลก แต่ทุกความรู้สึกมีแม่ที่ยังให้เราห่วงอยู่ เราเลยเลือกจะไปพบแพทย์ เรื่องอาการนอนไม่หลับ ตอนแรกหมอก็บอกว่าเครียด และอาจมีภาวะซึมเศร้า พอกลับมากินยาคลายเครียดก็เหมือนจะช่วยให้นอนได้ และดันช่วงนั้นงานเราเครียดอีก เพราะต้องบริหารจัดการคน มันรู้สึกกดดันกว่าเมื่อก่อนมากในสถานการณ์ของความรู้สึกตัวเองตอนนั้น รอบนี้กลายเป็นนอนไม่หลับ 1 สัปดาห์ กลายเป็นว่าเริ่มเห็นภาพในหัวมีแต่เลือดมีแต่อวัยวะภายในทุกครั้งที่พยายามหลับตา รอบนี้ไปหาหมอเลยได้ยาเกี่ยวกับอาการซึมเศร้ามาจำได้ว่าเม็ดฟ้าๆ พอกินแล้วหลับตายไปเลย 24 ชม.
ตื่นอีกทีคือข้ามวัน
จากเหตุการช่วงนั้นก็พยายามแคร์ความรู้สึกตัวเองขึ้นและก็ใช้ชีวิตต่อ 1ปีกว่าๆผ่านไปที่เสียพ่อก็เริ่มสะดุดมากขึ้นปัญหาภาระก็มากขึ้น ก็เริ่มมาทางหวังหวยหวังโชคลาภ หลุดออกจากกรอบที่ตั้งใจไว้ และงานก็เริ่มกดดันมากขึ้นอีก เพราะบวกกับมาเจอสถานการณ์โควิด พอต้อง WFH มีประกาศล็อคดาวน์เราก็เลยตัดสินใจไป WFH ที่ ตจว. บ้านแม่ ช่วง 2 เดือนที่นั่นมันทำให้เรามีความสุขและไม่อยากกลับมาทำงานในเมืองเลย และชะตาก็ส่งบททดสอบ เพื่อนสมัยเด็กเสนองานสบายไม่เครียดมาให้ เป็นงานแอดมินทางภาคเหนือ คุยไปคุยมาคืองานแอดมินเว็บฯ เราลังเลเพราะเราไม่อยากยุ่งกับสายเทา แต่พอไปนึกภาพตัวเองได้อยู่ภาคเหนืออากาศสบายใจ ก็ดันไปตกลงซะนี่ สุดท้ายก็ลาออกจากการทำงานในระดับ Senior ไปเป็นพนักงานแอดมินเงินเดือนหายไปครั้งนึงก็โอเคเพราะไม่อยากคิดมากกับงานอยากผ่อนคลาย แต่ก็นะ ชะตาเล่นตลก ไปถึงก็ได้เป็นหัวหน้าต้องดูแลพนักงานอีกแล้ว แต่เงินเดือนมากว่าตอนอยู่กรุงเทพ บวกมาอีก 5พัน แต่งานสบายกว่าอยู่กรุงเทพเยอะมาก
แต่พอทำไปทำมา ทางบ้านต้องใช้เงินแสน และเราก็เห็นว่าบางคนเค้าดวงดีเค้าก็ได้กันนี่นา ลองดูมั่งสิ๊จะได้มั้ยจะได้หาเงินไปจ่ายสหกรณ์ให้แม่ สุดท้ายโดนอะกอริทั่มเล่นงานเลยทีนี้ มันให้มาและพอมันรู้ว่าเราโลภมันเอากลับไปหลายเท่าตัวมาก จากที่ไม่มีให้แม่ตอนหลังกลายเป็นหนี้ ตอนนั้นคิดเวรกรรมแท้ๆ เลยลาออกจากงานนั้นและกลับมาทำงานกรุงเทพ กลายเป็นชีวิตเริ่มต้นที่เงินเดือน 15,000 ในวัน30+ โคตรเศร้า และหลังจากนั้นก็กลายเป็นมนุษย์ที่อยู่กับความหวัง หวังถูกหวย หวังได้เงินจากสล็อตคืนมา หวังให้หมดหนี้ แต่ยิ่งหวังยิ่งเพิ่มหนี้ อุส่ามีโชคพอถูกหวยก็ดันไปเสียหวยเพิ่ม เพิ่มจนดิ้นไม่หลุด ปัจจุบันหมายศาลเต็มบ้าน เพราะเคยเป็นคนมีเครดิต มีครบทุกธนาคารเลยมั้ง ทุกวันนี้สงสารแม่มาก ตอนนี้กลายเป็นคนจัดการตัวเองไม่ได้ยิ่งกว่าเดิมอีก
ลืมเล่าช่วงนึงไปปีที่แล้วมีแฟน แฟนคนนี้คือดีมาก ช่วยซัพพอตเยอะในระดับนึง เข้าใจเราเวลาเราต้องช่วยครอบครัว แต่วาสนาผู้ชายไม่รู้เวรกรรมอะไรของแฟนที่มาเจอเราตอนภาระเยอะ(สงสารแฟนมาก) ต้องรับผิดชอบครอบครัว แถมยังติดหวย ติดพึ่งโชค ตอนอายุเกิน 32 ไม่มีวุฒิ มีแค่ประสบการณ์ (ซึ่งหางานยากมาก โอกาสที่จะกลับไปเงินเดือน 35K+ ในวัยนี้ นั้นเป็นเรื่องเศร้า ) แถมยังมีโรคประจำตัวอีก ธัยรอย ภูมิแพ้ ไมเกรน รอเบาหวานอีกเพราะแม่ก็เป็น หึหึ ครบ
ยาวมากกกกกกเลย ต้องขออภัยค่ะ
ลืมบอก ตอนนี้เลิกเล่นพนันออนไลน์แล้วค่ะ เต็มที่คือจะซื้อแค่ล็อตเตอรี่ คิดจะเลิกตอนที่หนี้ท่วมหัวไปแล้ว
ในระบบไม่เท่าไหร่ นอกระบบรี่เกือบ 3 แสน ชีวิต อย่าพลาดพาตัวเองไปรู้จักเล่นค่ะการพนัน ถ้าคุณเล่นแล้วเสียตั้งแต่ครั้งแรกถือว่าโชคดี เพราะอย่างน้อยคุณก็ไม่มีหวัง ไม่เชื่อไม่เสี่ยงอีก เพราะถ้าได้ครั้งที่ 1 2 3 มาแล้ว คุณจะคิดว่าคุณดวงดี สู้กับอะกอริทึ่มได้ และยิ่งถ้าคุณไปเล่นตอนที่คาดหวังว่าต้องมีเงินไปทำนั่นทำนี่คุณจะยิ่งไม่มีสติ หมดจริงๆ ค่ะ บอกเลย มีเท่าไหร่หมดเท่านั้น ของมีค่าก็จะจำนำบ้างขายบ้างหมดแน่ๆค่ะ
มันเริ่มจากตรงไหนกันนะ?
เมื่อพี่ๆ เราโต เมื่อเริ่มเรียนจบ เมื่อเริ่มทำงาน และแต่ละคนก็เริ่มมีครอบครัว เริ่มแยกย้าย แต่มันควรจะเป็นการแยกย้ายที่ดีสิ แต่ป่าวเลย ทุกคน เหมือนจะไปได้ดีแต่แปลกทุกคนมีเรื่องราวให้ต้องกังวลให้เกิดปัญหาอยู่ตลอด และเมื่อไหร่ที่ใครก็ตามทีปัญหาคนที่เหลือก็จะพยายามจัดการช่วยเหลือประคับประคองกันมาตลอด เป็นแบบนี้มาเรื่อยๆ จนเรามารู้ตัวอีกทีตอนอายุ 26 ว่าพวกเรามันไม่มีใครไปได้ดีไปได้สุดจริงๆ สักคนเลยหรอ ทำไมเรายังผลัดกันล้มผลัดกันลุกแบบนี้ละ และด้วยสิ่งแวดล้อมต่างๆ ที่โตมาการจัดการปัญหาแทนกัน ช่วยกันมาตลอดแบบนี้ มันก็ทำให้เราเองไม่อยากที่จะมีครอบครัว ไม่กล้าที่จะมีลูก ไม่อยากต้องเจอปัญหา และเป็นคนไม่เล่นการพนันเลย ไม่ซื้อล็อตเตอรี่ด้วยซ้ำ เพราะไม่อยากผิดหวัง ไม่อยากเป็นหนี้ค่าหวยเหมือนที่เราเห็นมาตลอดชีวิต เพราะตลอดช่วงอายุนั้นพี่ๆ และครอบครัวก็มีปัญหาเรื่องเงินมาให้เราต้องปวดหัวด้วยตลอด จนเราไม่คิดที่จะสร้างครอบครัว ไม่คิดจะสร้างหนี้
แต่ฐานะโดยรวมที่บ้านในตอนนั้นก็อยู่ในสถานะพอมีพอใช้ไม่อดอยากเลย ถึงบ้านจะหลังเล็กแต่ของกินไม่ขาด หลานๆได้กินอิ่มกินอร่อย ของใช้อำนวยความสะดวกต่างๆ ถือว่าไม่ลำบากมากเหมือนตอนรุ่นแม่ๆและน้ายังเด็ก
จนพอเราอายุ จะ 28 เราก็เจอกับความสูญเสีย พ่อเสียเพราะมะเร็ง เรามีเวลารู้และดูแลพ่อแค่ 2 อาทิตย์ เพราะที่ผ่านมาพ่อดื้อมากไม่เคยยอมไปหาหมอ ไม่เคยยอมตรวจสุขภาพเลย พอมารู้ว่าเป็นขนาดนี้ก็ระยะแพร่กระจายแล้ว ณ ตอนนั้นก่อนที่พ่อจะเสียชีวิต พ่อกับแม่ย้ายกลับไป ตั้งรกรากที่ ตจว.ได้หลายปีละ เราเองทำงานอยู่ในกรุงเทพ ช่วงที่รู้ว่าพ่อป่วยเจ้านายเราก็ใจดีมากซื้อตั๋วให้บินกลับ ตจว. ไปดูแลพ่อเลย แต่อาทิตย์ที่2 ของการรักษาพ่อไม่ไหว หมอบอกอยากให้คนไข้กลับไปเสียที่บ้านมั้ย เพราะรักษาไม่ได้ มันลามหมดแล้ว
สุดท้ายพ่อเราจากเราไป ณ เวลานั้นที่ต้องคอยมองพ่อสิ้นใจลงเรื่อยๆ ก่อนพ่อจะจากไปเราเปิดธรรมะให้พ่อฟังและพ่อเพ้อออกมาว่า หลวงพ่อผมยังไม่อยากตาย เราได้แต่ร้องไห้และบีบมือพ่อให้พ่อคิดถึงได้สิ่งดีๆ คิดถึงธรรมะ พอพ่อสิ้นลมลง แม่และพี่ๆ ร้องไห้ กันหนักมาก เรา(เป็นน้องคนสุดท้อง) ได้แต่จุกอยู่ในอก เสียใจแต่ก็ต้องฟังเสียงคนเฒ่าคนแก่บอกให้ไปเอาดอกไม้ เอาน้ำ เอาอะไรมาเตรียมอาบน้ำให้พ่อครั้งสุดท้ายและก็ทำพิธีอื่นๆ ตามวิธีของทางบ้าน ตจว. เรา ในตอนนั้นเลยคิดว่าทุกคนกำลังเสียใจ เราต้องเข้มแข็งไว้นะ เราต้องจัดการธุระต่างๆ พอผ่านไปถึงวันจะเผา ต้องย้ายศพไปที่วัด เราเป็นคนถือรูปขึ้นรถนำขบวนไป คุณรู้มั้ยน้ำตามหาศาลมาก น้ำตาที่เราเก็บกดมาตลอด 3 วัน เราโคตรคิดถึงพ่อเลย
พอเสร็จเรื่องงานขาวดำพ่อ เราก็ต้องกลับมาทำงานที่กรุงเทพ เรานอนร้องไห้ทุกวัน และช่วงนั้นเราก็เริ่มไม่นอนจากที่เดิมเป็นคนนอนดึก กลายเป็นไม่นอนเลย 3 วันติด พอไม่นอนหลายวันติดเราก็เริ่มป่วยเพิ่มขึ้น คิดโทษตัวเองที่ชีวิตไม่มีอะไร ไม่ประสบความสำเร็จในชีวิต ช่วยครอบครัวให้สุขสบายไม่ได้จนสุดท้ายพ่อก็ไม่ทันอยู่เห็นความสำเร็จอะไรเลย พ่อไม่มีโอกาสได้อยู่บ้านสบายๆ ด้วยซ้ำ เรารู้สึกเริ่มเกลียดตัวเอง รู้สึกอยากหายไปจากโลก แต่ทุกความรู้สึกมีแม่ที่ยังให้เราห่วงอยู่ เราเลยเลือกจะไปพบแพทย์ เรื่องอาการนอนไม่หลับ ตอนแรกหมอก็บอกว่าเครียด และอาจมีภาวะซึมเศร้า พอกลับมากินยาคลายเครียดก็เหมือนจะช่วยให้นอนได้ และดันช่วงนั้นงานเราเครียดอีก เพราะต้องบริหารจัดการคน มันรู้สึกกดดันกว่าเมื่อก่อนมากในสถานการณ์ของความรู้สึกตัวเองตอนนั้น รอบนี้กลายเป็นนอนไม่หลับ 1 สัปดาห์ กลายเป็นว่าเริ่มเห็นภาพในหัวมีแต่เลือดมีแต่อวัยวะภายในทุกครั้งที่พยายามหลับตา รอบนี้ไปหาหมอเลยได้ยาเกี่ยวกับอาการซึมเศร้ามาจำได้ว่าเม็ดฟ้าๆ พอกินแล้วหลับตายไปเลย 24 ชม. ตื่นอีกทีคือข้ามวัน
จากเหตุการช่วงนั้นก็พยายามแคร์ความรู้สึกตัวเองขึ้นและก็ใช้ชีวิตต่อ 1ปีกว่าๆผ่านไปที่เสียพ่อก็เริ่มสะดุดมากขึ้นปัญหาภาระก็มากขึ้น ก็เริ่มมาทางหวังหวยหวังโชคลาภ หลุดออกจากกรอบที่ตั้งใจไว้ และงานก็เริ่มกดดันมากขึ้นอีก เพราะบวกกับมาเจอสถานการณ์โควิด พอต้อง WFH มีประกาศล็อคดาวน์เราก็เลยตัดสินใจไป WFH ที่ ตจว. บ้านแม่ ช่วง 2 เดือนที่นั่นมันทำให้เรามีความสุขและไม่อยากกลับมาทำงานในเมืองเลย และชะตาก็ส่งบททดสอบ เพื่อนสมัยเด็กเสนองานสบายไม่เครียดมาให้ เป็นงานแอดมินทางภาคเหนือ คุยไปคุยมาคืองานแอดมินเว็บฯ เราลังเลเพราะเราไม่อยากยุ่งกับสายเทา แต่พอไปนึกภาพตัวเองได้อยู่ภาคเหนืออากาศสบายใจ ก็ดันไปตกลงซะนี่ สุดท้ายก็ลาออกจากการทำงานในระดับ Senior ไปเป็นพนักงานแอดมินเงินเดือนหายไปครั้งนึงก็โอเคเพราะไม่อยากคิดมากกับงานอยากผ่อนคลาย แต่ก็นะ ชะตาเล่นตลก ไปถึงก็ได้เป็นหัวหน้าต้องดูแลพนักงานอีกแล้ว แต่เงินเดือนมากว่าตอนอยู่กรุงเทพ บวกมาอีก 5พัน แต่งานสบายกว่าอยู่กรุงเทพเยอะมาก
แต่พอทำไปทำมา ทางบ้านต้องใช้เงินแสน และเราก็เห็นว่าบางคนเค้าดวงดีเค้าก็ได้กันนี่นา ลองดูมั่งสิ๊จะได้มั้ยจะได้หาเงินไปจ่ายสหกรณ์ให้แม่ สุดท้ายโดนอะกอริทั่มเล่นงานเลยทีนี้ มันให้มาและพอมันรู้ว่าเราโลภมันเอากลับไปหลายเท่าตัวมาก จากที่ไม่มีให้แม่ตอนหลังกลายเป็นหนี้ ตอนนั้นคิดเวรกรรมแท้ๆ เลยลาออกจากงานนั้นและกลับมาทำงานกรุงเทพ กลายเป็นชีวิตเริ่มต้นที่เงินเดือน 15,000 ในวัน30+ โคตรเศร้า และหลังจากนั้นก็กลายเป็นมนุษย์ที่อยู่กับความหวัง หวังถูกหวย หวังได้เงินจากสล็อตคืนมา หวังให้หมดหนี้ แต่ยิ่งหวังยิ่งเพิ่มหนี้ อุส่ามีโชคพอถูกหวยก็ดันไปเสียหวยเพิ่ม เพิ่มจนดิ้นไม่หลุด ปัจจุบันหมายศาลเต็มบ้าน เพราะเคยเป็นคนมีเครดิต มีครบทุกธนาคารเลยมั้ง ทุกวันนี้สงสารแม่มาก ตอนนี้กลายเป็นคนจัดการตัวเองไม่ได้ยิ่งกว่าเดิมอีก
ลืมเล่าช่วงนึงไปปีที่แล้วมีแฟน แฟนคนนี้คือดีมาก ช่วยซัพพอตเยอะในระดับนึง เข้าใจเราเวลาเราต้องช่วยครอบครัว แต่วาสนาผู้ชายไม่รู้เวรกรรมอะไรของแฟนที่มาเจอเราตอนภาระเยอะ(สงสารแฟนมาก) ต้องรับผิดชอบครอบครัว แถมยังติดหวย ติดพึ่งโชค ตอนอายุเกิน 32 ไม่มีวุฒิ มีแค่ประสบการณ์ (ซึ่งหางานยากมาก โอกาสที่จะกลับไปเงินเดือน 35K+ ในวัยนี้ นั้นเป็นเรื่องเศร้า ) แถมยังมีโรคประจำตัวอีก ธัยรอย ภูมิแพ้ ไมเกรน รอเบาหวานอีกเพราะแม่ก็เป็น หึหึ ครบ
ยาวมากกกกกกเลย ต้องขออภัยค่ะ
ลืมบอก ตอนนี้เลิกเล่นพนันออนไลน์แล้วค่ะ เต็มที่คือจะซื้อแค่ล็อตเตอรี่ คิดจะเลิกตอนที่หนี้ท่วมหัวไปแล้ว ในระบบไม่เท่าไหร่ นอกระบบรี่เกือบ 3 แสน ชีวิต อย่าพลาดพาตัวเองไปรู้จักเล่นค่ะการพนัน ถ้าคุณเล่นแล้วเสียตั้งแต่ครั้งแรกถือว่าโชคดี เพราะอย่างน้อยคุณก็ไม่มีหวัง ไม่เชื่อไม่เสี่ยงอีก เพราะถ้าได้ครั้งที่ 1 2 3 มาแล้ว คุณจะคิดว่าคุณดวงดี สู้กับอะกอริทึ่มได้ และยิ่งถ้าคุณไปเล่นตอนที่คาดหวังว่าต้องมีเงินไปทำนั่นทำนี่คุณจะยิ่งไม่มีสติ หมดจริงๆ ค่ะ บอกเลย มีเท่าไหร่หมดเท่านั้น ของมีค่าก็จะจำนำบ้างขายบ้างหมดแน่ๆค่ะ