เรื่องราวมันมีอยู่ว่าเรากับสามีคบกันมาเป็นระยะเวลา 10 ปีมีลูกด้วยกันมันเหมือนกับว่าช่วงตลอดเวลาที่ผ่านมาอายุของพวกเราเปลี่ยนแปลงไปทัศนคติหลายอย่างเราเปลี่ยนไปบุคลิกของทั้งเราและเขาก็เปลี่ยนไปเรารู้สึกไม่ชอบอะไรหลายๆอย่างในตัวเขา เราก็รู้สึกได้ถึงสายตาที่เขาไม่ชอบอะไรหลายๆอย่างในตัวเราแต่ด้วยคำที่ว่ารักกันมันก็ทำให้เราพยายามทำดีต่อกันตลอดเวลาที่ผ่านมาเป็น 10 ปีสามีของเราไม่เคยนอกใจเราเลยจนกระทั่งเมื่อล่าสุดที่ผ่านมา ไปเที่ยวเชียงใหม่กับครอบครัวซึ่งมีเรากับลูก 2 คนไปด้วย ต้องขอเล่าย้อนว่าแฟนเก่าของเขาคนที่ก่อนจะตัดสินใจมาคบมาสร้างครอบครัวกับเราเป็นสาวเหนือเชียงใหม่ผิวขาวผมยาวหุ่นดีซึ่งเป็นสเปคที่เขาคลั่งรักเอามากๆในตอนนั้น ปรากฏว่าตอนที่ต่อแถวกำลังจะเช็คอินตั๋วมีผู้หญิงลักษณะเดียวกันซึ่งกำลังจะไปเชียงใหม่เดินทางมาคนเดียวต่อแถวอยู่ข้างหน้าสามีเลยเราเห็นว่าสามีมองผู้หญิงคนนั้นตั้งใจมองโดยลืมไปเลยเหมือนกับว่าเราไม่ได้อยู่ตรงนั้นแล้วเหมือนเขาเองก็ไม่รู้ตัวเองเหมือนกันว่านั่นมันดูคล้ายอาการปิ๊ง หลังจากนั้นก็ไปเจอผู้หญิงคนนั้นอีกเพราะว่าต้องโหลดกระเป๋าแล้วก็เขาก็ทำหน้าตาแบบดีใจที่บังเอิญเจอแล้วก็หันมามองเราว่าเฮ้ยผู้หญิงคนนี้ไงที่ต่อแถวข้างหน้าเราตอนเช็คอิน เราเลยถามว่าแล้วยังไงหรอพวกเราไปเที่ยวด้วยกันมาตั้งนานเป็นร้อยๆทริปก็ไม่เห็นเธอเคยสนใจคนที่ต่อแถวข้างหน้าเราเลย เขาก็ทำหน้าเหมือนตกใจตัวเองแล้วก็ตั้งสติได้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ ผ่านไปไปจนถึงที่เกทก็ผู้หญิงคนนั้นก็มานั่งที่เก้าอี้ใกล้ๆ นั้นเรายืนตรงหน้าของสามีเราเลยแต่เขากลับมองเลยเราไปเราทำท่าดีใจเหมือนแบบเอ้ยคนนั้นนี่เจออีกแล้ว ทำท่าอยากทักเลยนะ ตอนนั้นเราเริ่มโมโหแล้วเราก็เลยมองหน้าว่าจะให้เดินไปทักให้ไหม
ทำไมเหรอหรือพรมลิขิต ให้ขอเบอร์ให้เลยไหมหรืออยากจะเดินเข้าไปทักเลยไหมคือปิ๊งใช่ไหมลืมตัวหรือเปล่าว่าคือมากับภรรยาแล้วก็ลูกๆ สามีเหมือนตั้งสติได้ พาลูกไปซื้อน้ำที่ตู้ขายอัตโนมัต จากที่ความโกรธผ่านไปตอนที่นั่งเครื่องบินเราก็คิดได้ว่าถ้าทางของสามีตอนนั้นน่ะมันดูเป็นธรรมชาติมากๆเหมือนผู้ชายคนหนึ่งที่เห็นผู้หญิงคนนึงแล้วมีความสุข ซึ่งมันไม่ได้เกิดสายตานี้กับเรามานานแล้วและเขาก็แสดงออกมาต่อหน้าเราโดยที่เหมือนเขาลืมตัวว่ามากับเมีย อาการเขาเหมือนเราเป็นเพื่อนผู้หญิงแบบเพื่อนสนิทแล้วเจอคนที่ปิ๊งแล้วก็สะกิดให้กูดูอะไรแบบนี้ และนั่นทำให้เรารู้สึกว่าหรือในสายตาเขาฉันคือเพื่อนสนิท?ที่ลงเรือลำเดียวกันมันไม่ใช่ความรักมานานแล้วหรือเปล่า แล้วบอกตรงๆว่าเรายอมรับว่าเมื่อระยะเวลาผ่านไปเราเริ่มรู้ว่าเราไม่ได้มีคุณสมบัติหลายอย่างตามที่เขาเคยอยากได้มาเป็นคู่ชีวิตแต่มีหลายอย่างที่เข้ากันได้ แล้วเราก็ไม่สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงได้เช่นทำอาหารเป็นแม่บ้านแม่เรือน แต่เราเป็นแม่ที่ดีมากๆนะ ครั้งนี้มันเหมือนกับเขามาเจอผู้หญิงในแบบที่เขาถูกใจขึ้นมาแล้วก็แสดงอาการโดยที่ซื่อๆต่อหน้าเราเลย
ทริปนั้นเราก็ไปเที่ยวกันเป็นระยะเวลา 7 วัน ที่อึดอัดในใจมากแล้วเราก็ลองบอกตัวเองว่านี่ไม่ใช่สามีฉันนี่คือเพื่อนสนิทเราก็รักษาระยะห่างไม่มีการเดินจูงมือ กอด หอม แต่ก็มีคุยเล่นหัวเราะเฮฮาตลกปกติแล้วเราก็รู้สึกว่าทำไมเราสบายใจขนาดนี้ ทริปจบเรากลับมาบ้านคืนนี้ เราเลยคิดว่าวันพรุ่งนี้เราจะคุยกับเขาว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นน่ะมันเกิดขึ้นโดยที่เขาไม่ได้มีเล่ห์เหลี่ยมคือทำลับหลังเรามันเป็นการบอกให้เรารู้ถึงความรู้สึกของเขาที่มีต่อเรา และเขาชอบคนอื่น ถามว่าเรารักสามีของเราไหมก็ต้องรักสิแล้วก็รักมากด้วยแต่เราเคยให้สัญญากับตัวเองว่าฉันจะเลิกรักถ้าผู้ชายคนนั้นชอบคนอื่น
ซึ่งถ้าเขามองเห็นเราเป็นแค่เพื่อนสนิทแต่ด้วยความผูกพันอันซับซ้อนยาวนานทำให้ยังบอกว่าต้องรักผู้หญิงคนนี้อยู่ มันคือการหลอกตัวเอง แต่หลังจากเหตุการณ์นี้ทำให้ได้รู้ว่าเฮ้ยมันมีผู้หญิงในแบบที่เขาอยากได้จริงๆมาเป็นภรรยาแล้วเมื่อเขาแสดงออกว่าชอบคนอื่นได้แล้ว
ฉันก็ไม่อยากที่จะรักเขาต่อไป
เราก็ควรที่จะถอยสถานะมาเป็นเพื่อนกันเพราะว่าเราก็คงไม่สามารถออกไปจากชีวิตเขาได้เพราะว่าเรามีลูกด้วยกัน เราก็สามารถที่จะถอยสถานะออกมาโดยที่ไม่ได้มีความเกลียดชังกันแต่เข้าใจถึงความเปลี่ยนแปลงของความรู้สึกที่มันเกิดขึ้นเราไม่อยากอยู่ทั้งที่มีสัญญาณจากเหตุการณ์นี้แล้วรอให้วันนึงกลายเป็นเราถูกนอกใจพูดง่ายๆก็คือตัดไฟตัดต้นลมถ้าพวกคุณเป็นฉันเจอเหตุการณ์แบบนี้คุณจะทำเป็นไม่สนใจ,ทะเลาะกันหรือไม่สนใจสัญญาณของเหตุการณ์ครั้งนี้หรือเปล่าคุณคิดว่ายังไงคะ
ไม่รู้ว่าเราทำถูกไหมที่เปลี่ยนสถานะความสัมพันธ์จากสามีมาเป็นแค่เพื่อน?
ทำไมเหรอหรือพรมลิขิต ให้ขอเบอร์ให้เลยไหมหรืออยากจะเดินเข้าไปทักเลยไหมคือปิ๊งใช่ไหมลืมตัวหรือเปล่าว่าคือมากับภรรยาแล้วก็ลูกๆ สามีเหมือนตั้งสติได้ พาลูกไปซื้อน้ำที่ตู้ขายอัตโนมัต จากที่ความโกรธผ่านไปตอนที่นั่งเครื่องบินเราก็คิดได้ว่าถ้าทางของสามีตอนนั้นน่ะมันดูเป็นธรรมชาติมากๆเหมือนผู้ชายคนหนึ่งที่เห็นผู้หญิงคนนึงแล้วมีความสุข ซึ่งมันไม่ได้เกิดสายตานี้กับเรามานานแล้วและเขาก็แสดงออกมาต่อหน้าเราโดยที่เหมือนเขาลืมตัวว่ามากับเมีย อาการเขาเหมือนเราเป็นเพื่อนผู้หญิงแบบเพื่อนสนิทแล้วเจอคนที่ปิ๊งแล้วก็สะกิดให้กูดูอะไรแบบนี้ และนั่นทำให้เรารู้สึกว่าหรือในสายตาเขาฉันคือเพื่อนสนิท?ที่ลงเรือลำเดียวกันมันไม่ใช่ความรักมานานแล้วหรือเปล่า แล้วบอกตรงๆว่าเรายอมรับว่าเมื่อระยะเวลาผ่านไปเราเริ่มรู้ว่าเราไม่ได้มีคุณสมบัติหลายอย่างตามที่เขาเคยอยากได้มาเป็นคู่ชีวิตแต่มีหลายอย่างที่เข้ากันได้ แล้วเราก็ไม่สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงได้เช่นทำอาหารเป็นแม่บ้านแม่เรือน แต่เราเป็นแม่ที่ดีมากๆนะ ครั้งนี้มันเหมือนกับเขามาเจอผู้หญิงในแบบที่เขาถูกใจขึ้นมาแล้วก็แสดงอาการโดยที่ซื่อๆต่อหน้าเราเลย
ทริปนั้นเราก็ไปเที่ยวกันเป็นระยะเวลา 7 วัน ที่อึดอัดในใจมากแล้วเราก็ลองบอกตัวเองว่านี่ไม่ใช่สามีฉันนี่คือเพื่อนสนิทเราก็รักษาระยะห่างไม่มีการเดินจูงมือ กอด หอม แต่ก็มีคุยเล่นหัวเราะเฮฮาตลกปกติแล้วเราก็รู้สึกว่าทำไมเราสบายใจขนาดนี้ ทริปจบเรากลับมาบ้านคืนนี้ เราเลยคิดว่าวันพรุ่งนี้เราจะคุยกับเขาว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นน่ะมันเกิดขึ้นโดยที่เขาไม่ได้มีเล่ห์เหลี่ยมคือทำลับหลังเรามันเป็นการบอกให้เรารู้ถึงความรู้สึกของเขาที่มีต่อเรา และเขาชอบคนอื่น ถามว่าเรารักสามีของเราไหมก็ต้องรักสิแล้วก็รักมากด้วยแต่เราเคยให้สัญญากับตัวเองว่าฉันจะเลิกรักถ้าผู้ชายคนนั้นชอบคนอื่น
ซึ่งถ้าเขามองเห็นเราเป็นแค่เพื่อนสนิทแต่ด้วยความผูกพันอันซับซ้อนยาวนานทำให้ยังบอกว่าต้องรักผู้หญิงคนนี้อยู่ มันคือการหลอกตัวเอง แต่หลังจากเหตุการณ์นี้ทำให้ได้รู้ว่าเฮ้ยมันมีผู้หญิงในแบบที่เขาอยากได้จริงๆมาเป็นภรรยาแล้วเมื่อเขาแสดงออกว่าชอบคนอื่นได้แล้ว
ฉันก็ไม่อยากที่จะรักเขาต่อไป
เราก็ควรที่จะถอยสถานะมาเป็นเพื่อนกันเพราะว่าเราก็คงไม่สามารถออกไปจากชีวิตเขาได้เพราะว่าเรามีลูกด้วยกัน เราก็สามารถที่จะถอยสถานะออกมาโดยที่ไม่ได้มีความเกลียดชังกันแต่เข้าใจถึงความเปลี่ยนแปลงของความรู้สึกที่มันเกิดขึ้นเราไม่อยากอยู่ทั้งที่มีสัญญาณจากเหตุการณ์นี้แล้วรอให้วันนึงกลายเป็นเราถูกนอกใจพูดง่ายๆก็คือตัดไฟตัดต้นลมถ้าพวกคุณเป็นฉันเจอเหตุการณ์แบบนี้คุณจะทำเป็นไม่สนใจ,ทะเลาะกันหรือไม่สนใจสัญญาณของเหตุการณ์ครั้งนี้หรือเปล่าคุณคิดว่ายังไงคะ