8 เรื่องเตือน ก่อนไปทำงานที่ดูไบ

ดูไบเมืองที่ใครหลายคนคิดว่า ‘เจริญ’ เป็นเมืองสวรรค์ของนักท่องเที่ยวต่างชาติแต่ก็เป็นนรกของแรงงานข้ามชาติในเวลาเดียวกัน เมื่อพูดถึงการทำงานต่างแดนของเมืองที่นี่  ซึ่งบางคนอาจมีโจทย์ในใจและวลีสำหรับคนที่คิดว่าอยากมาทำงานที่ดูไบว่า มันดีจริงหรือจกตา หากอยากอ่านด้านดีๆของดูไบก็อยากให้ไปเสริชหาในกูเกิ้ลดู เพราะรับรองว่ามีเป็นตับ แต่น้อยคนนักที่จะมาบอกเราว่าดูไบก็มีด้านมืดคล้ายๆกับหลายประเทศเช่นกัน
เมื่อค่อนเดือนตุลาคม 2566 เรื่องจริงจากคนไทยที่ไปทำงานในดูไบเล่าว่า เธอได้วีซ่าทำงานอย่างถูกกฎหมายที่ดูไบเป็นงานแสดงสินค้าที่ Global Village เธอจึงอยากแชร์ 8 ด้านมืดสู่กันฟัง เพราะเธอเชื่อว่าโอกาสดีๆ ใครก็อยากได้ แต่จะดีจริงหรือจกตา เราต้องรู้ให้เท่าทันในทำนองป้องกันไว้ดีกว่าแก้ไข 
#ด้านมืดที่ 1 คือ นายหน้า ที่เราคุ้นหูกันดีว่า เอเจนซี่ หรือ ออแกไนซ์ ก็ตาม หากเราเจอนายหน้าที่ไม่มีชื่อจดทะเบียนกับกรมแรงงาน หรือไม่ทราบแม้แต่ชื่อและบริษัทของนายหน้า ให้พึงระวังไว้เลย
#ด้านมืดที่ 2 ”สัญญาจ้าง” ที่เธออยากฝากเตือนภัย! อยากให้ดูสัญญาให้ดีๆ ดูให้รอบครอบว่าจะรับผลที่จะเกิดขึ้นได้หรือไม่เมื่อเซ็นต์สัญญาไปแล้ว เธอเล่าอย่างเศร้าใจว่า เมื่อชีวิตคนเราในบางคราอาจตกอยู่ในภาวะที่ไม่มีทางเลือกก็อาจเป็นได้ จึงเลือกที่จะเสี่ยงเพื่อความเป็นอยู่ หรือมีเหตุผลอะไรก็ตามที่จำเป็น แต่หากใครมีทางเลือกหรือโชคที่เข้าข้างก็ดีไป โดยจากสัญญาที่ระบุการทำงานที่ไม่มีวันหยุด, เวลาทำงานที่มากกว่า 8 ชม., นายจ้างออกค่าตั๋วเดินทางและวีซ่าให้ตามกฎหมาย ให้ดูเงื่อนไขให้ดีๆ หรือหากเจอสัญญาที่ไม่มีคู่ฉบับ ให้พึงระวังเลย ถ้ามีปัญหาตามมาภายหลังจะแก้ไขอย่างไรมันคือสภาพจำยอมเพราะสัญญาที่เราเซ็นต์ไป
#ด้านมืดที่ 3 “นายจ้าง” เมื่อนายจ้างต้องเสียค่าใช้จ่ายในการจ้างงานที่เยอะให้กับลูกจ้าง ให้พึงเตรียมใจไว้เลยว่าจะเจอนายจ้างที่ปฏิบัติกับลูกจ้างอย่างไร ซึ่งเธอนึกไม่ถึงและโชคไม่ดีที่เจอกับนายจ้างที่ไม่ดีทำให้เธอรู้สึกแย่ โดยนายจ้างรายนี้เป็นคนจีน ได้แสดงออกทางวาจากับทางสีหน้าท่าทางด้วยการใส่อารมณ์ใช้คำพูดที่แย่ๆ ที่ทำร้ายจิตใจ ที่เชิงดูถูกกับลูกจ้าง การทำงานก็ไม่มีการสอนงาน หากโชคดีที่ไม่ถึงขั้นลงมือทำร้ายลูกจ้าง
#ด้านมืดที่ 4 การยึดพาสปอร์ตของนายจ้างหรือนายหน้า ให้พึงระวังเลยอาจมีอะไรสักอย่างใน เนื้องานหรือความไม่เป็นธรรมเกิดขึ้น
#ด้านมืดที่ 5 ค่าใช้จ่ายแฝง แน่นอนเมื่อเราไปทำงานในทุกๆที่ย่อมต้องมีค่าใช้จ่ายในการกินอยู่ และยิ่งในต่างแดนที่อาจมีค่าครองชีพสูง ในค่าอาหารการกินอาจแพงกว่าในการทำงานที่ประเทศไทยเรา หากเจ็บป่วยก่อนที่จะได้รับสวัสดิการคงไม่ต้องกล่าวถึงค่าใช้จ่ายที่สูงตามมาอีก พอหักลบจากเงินเดือนที่ได้รับแล้วอาจไม่ต่างกับการทำงานที่ประเทศไทยมากนัก
#ด้านมืดที่ 6 ทักษะภาษา  หากเราสนใจไปทำงานต่างประเทศแล้วข้อนี้ถือเป็นสิ่งแรกเลยที่เราต้องมีทักษะการสื่อสารของภาษาในประเทศนั้นๆ หากนายจ้างไม่ได้กำหนดเรื่องระดับของภาษา ทั้งในการพูด การฟัง หรือ การอ่าน การเขียนได้ยิ่งดี หรืออย่างน้อยต้องได้ภาษาอังกฤษพื้นฐานบ้างเพื่อผลประโยชน์ของเราเอง ซึ่งที่ดูไบใช้ภาษาอาหรับกับภาษาอังกฤษ หากทักษะภาษาไม่มีจงพึงระวังไว้เลยอาจมีปัญหาแน่นอน 
#ด้านมืดที่ 7 สัญชาติ ให้พึงนึกหลักความจริงไว้เลยในการทำงานต่างแดนที่เราไม่ใช่พลเมืองของประเทศเค้าและยิ่งถ้าเราไม่มีทักษะพิเศษตามที่ประเทศนั้นๆ ต้องการ มันเป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะได้เงินเดือนที่มากเกินควร หากไม่เทียบกับค่าเงินของประเทศนั้นๆ กับประเทศไทยเรา ซึ่งเธอมองว่าค่าแรงงานที่ดูไบ ไม่ได้ให้ต่างมากนักกับค่าแรงงานที่ประเทศไทยเมื่อเทียบกับประเทศอื่น
#ด้านมืดที่ 8 ค่าปรับ ในกรณีนี้เธอได้กล่าวถึงความไม่เป็นธรรมจากการที่เธอต้องเสียค่าปรับในการอยู่เกินวีซ่าแบบที่เธอไม่รู้กับอิมมิเกรชั่น ที่เค้าเรียกกันว่า Overstay การออกนอกประเทศที่เมืองดูไบหากเกินกำหนดที่แจ้งไว้ในวีซ่า เป็นเวลาเกิน 7 วัน คุณอาจโดนค่าปรับที่ต้องชำระให้กับอิมมิเกรชั่น ณ สนามบิน ซึ่งเธอไม่รู้ว่าหากเวลานั้นเธอไม่มีเงินเพียงพออะไรจะเกิดขึ้นกับเธอบ้าง เธอไม่ทราบเลยว่าระหว่างการรอการยกเลิกวีซ่าของนายหน้าหรือออแกไนซ์ที่จัดหางานจะทำให้เธอตกอยู่ในสถานะ overstay  
เรื่องนี้เตือนใจเราให้ตระหนักว่าทุกวงการมีทั้งด้านมืดและด้านสว่าง เราต้องรู้เท่าทันอย่าให้ใครมาเอาเปรียบได้
#ชีวิตต่างแดน #แชร์ประสบการทำงานต่างประเทศ #แรงงานต่างชาติ #ทำงานดูไบ #global village dubai
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่