สวัสดีค่ะ
อยากจะมาเล่าประสบการณ์การร่วมงานศพในประเทศสวิสเซอร์แลนด์ค่ะ ขอเล่าแยกเป็นพาร์ทไปนะคะ
ตัวผู้เขียน
ตัดสินใจแต่งงานย้ายมาอยู่กับสามีชาวสวิสเซอร์แลนด์ที่นี่ พึ่งมาได้ไม่นานค่ะ กำลังปรับตัวและเรียนรู้ทั้งทางด้านภาษาและการใช้ชีวิตในสังคมที่ค่อนข้างหลากหลายวัฒนธรรม
สถานที่
เมือง Biel เป็นเมืองหนึ่งของคันโตน (รัฐ) Bern อยู่ค่อนไปทางตะวันตกของประเทศ ซึ่งเมืองนี้มีความหลากหลายของชนชาติที่อาศัยอยู่เป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ
ใช้ทั้งภาษาเยอรมัน (สวิสเยอรมัน) และภาษาฝรั่งเศสควบคู่กัน
ตัวผู้เสียชีวิต (ขออนุญาตกล่าวถึงจากมุมมองของผู้เขียน)
ชื่อย่อ MT
เป็นเพื่อนสนิทของสามีค่ะ
เป็นลูกครึ่งเยอรมันและฝรั่งเศส
มีความพร้อมด้านปัจจัยทางการเงินจากครอบครัว
มีพี่น้องทั้งหมด 4 คน เป็นคนสุดท้อง
ทุกคนใครอบครัวรวมถึงพ่อและแม่สามารถพูดได้ทั้ง 2 ภาษา
เป็น นักเดินเรือ, นักร้องเพลงประสานเสียง, เป็นนักดนตรีคลาสสิก ( ดับเบิ้ลเบส),เป็นครูสอนฟิสิกส์, เป็นช่างไม้ เป็นคนเก่งและมีความสามารถคนนึงที่มีโอกาสได้ทำความรู้จัก เป็นคนใสใจเรื่องละเอียดอ่อน รวมถึงทึ่ไปที่มาของสิ่งต่างๆ, เป็นคนสมถะ ไม่มีรถยนต์ ไม่ฟุ้งเฟ้อ และพยายามดำรงชีวิตพร้อมการค้นหาความหมายของปัจเจกแห่งตน พร้อมทั้งจรรโลงสรรพสิ่งเท่าที่ศักยภาพจะอำนวย
สาเหตุการเสียชีวิต
จบชีวิตตนเองลง
เริ่มต้นเนื่องจากเมื่อประมาณปลายปี 2565
MT เริ่มมีอาการนอนไม่หลับติดต่อกันเป็นเวลานาน ส่งผลให้เกิดปัญหาต่างๆ ตามมาค่ะ
เขาตัดสินใจเข้ารับการรักษา แผนกผู้ป่วยใน ในโรงพยาบาลจิตเวชเป็นเวลา 1 สัปดาห์
ดูเหมือนจะดีขึ้น แต่อาจจะดีขึ้นเพราะในช่วงระหว่างการรักษาได้รับยานอนหลับ และมีการพักผ่อนที่ดีและเพียงพอ
กลับเข้าสู่วัฎจักรการทำงาน
เริ่มมีความหดหู่เกิดขึ้นในจิตใจ แรงจูงใจต่างๆ เริ่มถดถอยแต่ก็พยายามประคับประคองการใช้ชีวิตและการทำงานเรื่อยมา
เริ่มมีการกล่าวถึงความโดดเดี่ยวในจิตใจที่ก่อขึ้น แม้จะอยู่ท่ามกลางกลุ่มเพื่อนฝูง
ผ่านมาประมาณ 1 ปี ช่วงไตรมาสสุดท้ายปี 2566 ถูกจ้างออกจากงาน ด้วยเหตุผลของประสิทธิภาพการทำงานและอาการป่วยทางจิตเวช
ช่วงนี้เองตัว MT ก็พยายามเติมไฟให้ชีวิตโดยการสมัครไปเป็นลูกเรือ ล่องเรือใบแบบดั้งเดิมโดยไม่มีเครื่องยนต์ใดๆ จากฝรั่งเศส ไปยังนอร์เวย์ ช่วงนี้เองก็ดูสนุกสนานและมีความสุข ทางเจ้าของเรือเองก็ถึงกับเอ่ยปากให้ MT มาร่วมงานประจำ
หลังจากจบทริปก็ไปเยี่ยมเยียนครอบครัวที่ประเทศเยอรมันและรีบมาร่วมงานแต่งงานที่สวิสเซอร์แลนด์ของผู้เขียน ในฐานะเพื่อนคนสำคัญของสามี
เป็นงานแต่งเรียบง่ายที่ไม่มีเวที ไม่มีชุดเจ้าสาว ไม่มีช่างภาพ ช่างแต่งหน้า ไม่มีดอกไม้ แขกหาเนื้อมาย่างบาร์บิคิวทานกันเองตามสะดวก ทางผู้เขียนได้เตรียมสลัด,เครื่องดื่มและสถานที่เป็นกระท่อมกลางป่าไว้
แขกทั้งหมด 19 คน
นัดพบกันที่กระท่อมกลางป่าประมาณ เที่ยงวัน ทานอาหารร่วมกัน หลังจากนั้นก็ทำกิจกรรมร่วมกัน มีเปตอง, การ์ดเกม และเกมอื่นที่เราเตรียมกันไว้
เราแต่งงานกันเดือนตุลาคม 2566
สามีเราได้นัดเจอกับ MT อีก 3 ครั้ง
ครั้งล่าสุดก่อนเกิดเหตุประมาณ 3 วัน
MT เป็นคนรักสามีเราออกไปดื่มกาแฟวันเสาร์ เล่าให้ฟังว่าได้งานใหม่แล้ว กำลังจะเซ็นสัญญาวันจันทร์นี้
ดูตื่นเต้นพร้อมกังวลกับการเริ่มต้นใหม่
วันจันทร์ MT เข้าไปเซ็นสัญญา
วันพฤหัสบดี สามีเราส่งข้อความไปถามข่าวคราว
วันเสาร์ เราทั้งคู่ได้รู้ข่าวจากเพื่อนอีกคน พี่ชาย MT ติดต่อหาเพื่อนคนนั้นและสรุปได้ว่าไม่มีใครติดต่อ MT ได้ 2-3 วันแล้ว จึงได้แจ้งตำรวจ และเราก็ได้รับข่าวร้ายว่า MT จบชีวิตตัวเองลง ช่วงประมาณ วันอังคาร-วันพุธ กลางเดือนมกราคม 2567
งานศพ (ขออนุญาตเล่าในรูปแบบของการแบ่งปันจากความเป็นคนไทยที่ไม่เคยมาร่วมงานศพในสวิส)
จัดขึ้นที่สุสานประจำเมือง ภายในอาคารที่ไว้รองรับผู้มาร่วมแสดงความเสียใจโดยเฉพาะ
ไม่มีการตั้งศพเพราะครอบครัวได้ทำการเผาศพและจะนำเถ้ากระดูกกลับบ้านเกิดที่ประเทศเยอรมัน
จัดขึ้นตอน 11 น.
ชั้นล่างแย่งเก้าอี้เป็น 2 ฝั่งซ้ายและขวา เส้นตรงกลางเป็นทางเดิน ชั้นลอยมีเก้าอี้อีก 2-3 แถว มีเปียโนและเครื่องดนตรีประเภทอื่นอยู่ด้วย
ตรงกลางโถงมีรูป MT กำลังเล่นดับเบิ้ลเบส
ดอกไม้ และจุดเทียนไว้ด้านล่างรูปภาพ
จำนวนคนมาประมาน 100 คน
มีครอบครัว,เพื่อนร่วมงาน,เพื่อนนักดนตรี,เพื่อนนักร้องวงประสานเสียง,นักเรียน,เพื่อนบ้าน และเพื่อนๆ อันเป็นที่รัก
คนที่มาใส่เสื้อผ้าสีเขียว,แดง,ฟ้า,ชมพู และทุกสีที่ไม่ได้กล่าวถึง
ทุกคนได้รับเทียนคนละเล่มเมิ่อเดินเข้าตัวอาคาร
เริ่มแรก บาทหลวง ที่เป็นสุภาพสตรีได้กล่าวถึงอัตชีวประวัติของ MT
หลังจากนั้นเพื่อนๆ นักร้องจากวงประสานเสียงที่นั่งอยู่บนชั้นลอยก็ร่วมกันร้องเพลงประสานเสียงแด่ผู้จากลา
ระหว่างนั้นทุกคนก็เดินไปจุดเทียน ตั้งหน้ารูปภาพ
มีการบรรเลงเพลงจากวงดนตรีคลาสสิกที่ MT ฝึกซ้อมอยู่เป็นประจำ
บาทหลวงได้กล่าวสดุดี
พี่ชายทั้ง 3 ได้ผลัดกันขึ้นไปกล่าวถึงน้องชายอันเป็นที่รัก
จากนั้นเพื่อนนักดนตรี 3 คนได้ขึ้นไปร้องเพลงที่แต่งถึงคนไกล
บาทหลวงได้กล่าวปิดท้ายสั้นๆ ว่าถึงตัว MT จะไม่ได้อยู่ที่นั่นแล้ว แต่ใช่ว่าเขาจะจากไปจากจิตใจของเรา
ครอบครัว พ่อ แม่ และพี่ชายทั้ง 3 ยืนขึ้นพร้อมกัน และแสดงความขอบคุณอย่างซาบซึ้งแด่ทุกคนในต่างแดนที่รักลูกชายและน้องชายของพวกเขา
พิธีทั้งหมดใช้เวลาไป 90 นาที
ไม่มีเสียงโทรศัพท์ดังแทรก ไม่มีคนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่น
เรา,สามีและหลายๆคนหลั่งน้ำตาแห่งความเสียใจ
หลังจากทุกคนออกมาจากอาคาร บางส่วนก็กลับไปทำงานต่อ บางส่วนก็เข้าไปร่วมกันร้องเพลงและก่อไฟในป่าใกล้ๆกับสุสาน
รอบกองไฟ ก็มีเค้กกับแซนวิชชีสเล็กๆ เครื่องดื่มง่ายๆ ให้คนที่มาร่วมได้ทานกัน
เรากับสามีก็ตามไปที่กองไฟและร่วมร้องเพลงแด่นักเดินเรือผู้จากลา
มีหลายคนที่นำการ์ดเขียนแสดงถึงความเสียใจและรูปภาพของ MT มาให้ครอบครัวก่อนกลับ
เรากับสามีบอกลาเพื่อนๆ
เราทั้งคู่ไม่ได้เข้าไปพูดคุยหรือแสดงความเสียใจกับครอบครัว
เพียงแค่เรารู้สึกว่าเราไม่อยากไปแสดงตัวตนแก่คนที่เราไม่ได้รู้จักแม้แต่น้อยในวันแห่งความทุกข์ระทมของพวกเขา
ฝากถึงทุกคนนะคะ
จากมุมคนนอก เขาเป็นคนที่เพียบพร้อมแต่เราไม่รู้ว่า MT ต้องเผชิญอยู่กับอะไรบ้าง
เราอดคิดไม่ได้ว่าการกระทำครั้งนี้ผ่านการไตร่ตรองจากตัวเขาเองอย่างแน่วแน่แล้ว
เหมือนที่เราอาจจะเคยได้ยิน
คนทำไม่พูด คนพูดไม่ทำ
พวกเราเสียใจต่อความเจ็บปวดของ MT ที่เราไม่มีโอกาสได้รับรู้มากกว่าการจากลา
ความเจ็บป่วยจากภายในที่ไม่สามารถมองเห็นจากทางกายภาพเองก็ยังไม่ได้รับความเข้าใจที่เพียงพอจากผู้คนในสังคม
ใส่ใจซึ่งกันและกันเสมอเมื่อมีโอกาส
ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคน
เรื่องเล่าจากความซึมเศร้า จากลา และงานศพ
อยากจะมาเล่าประสบการณ์การร่วมงานศพในประเทศสวิสเซอร์แลนด์ค่ะ ขอเล่าแยกเป็นพาร์ทไปนะคะ
ตัวผู้เขียน
ตัดสินใจแต่งงานย้ายมาอยู่กับสามีชาวสวิสเซอร์แลนด์ที่นี่ พึ่งมาได้ไม่นานค่ะ กำลังปรับตัวและเรียนรู้ทั้งทางด้านภาษาและการใช้ชีวิตในสังคมที่ค่อนข้างหลากหลายวัฒนธรรม
สถานที่
เมือง Biel เป็นเมืองหนึ่งของคันโตน (รัฐ) Bern อยู่ค่อนไปทางตะวันตกของประเทศ ซึ่งเมืองนี้มีความหลากหลายของชนชาติที่อาศัยอยู่เป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ
ใช้ทั้งภาษาเยอรมัน (สวิสเยอรมัน) และภาษาฝรั่งเศสควบคู่กัน
ตัวผู้เสียชีวิต (ขออนุญาตกล่าวถึงจากมุมมองของผู้เขียน)
ชื่อย่อ MT
เป็นเพื่อนสนิทของสามีค่ะ
เป็นลูกครึ่งเยอรมันและฝรั่งเศส
มีความพร้อมด้านปัจจัยทางการเงินจากครอบครัว
มีพี่น้องทั้งหมด 4 คน เป็นคนสุดท้อง
ทุกคนใครอบครัวรวมถึงพ่อและแม่สามารถพูดได้ทั้ง 2 ภาษา
เป็น นักเดินเรือ, นักร้องเพลงประสานเสียง, เป็นนักดนตรีคลาสสิก ( ดับเบิ้ลเบส),เป็นครูสอนฟิสิกส์, เป็นช่างไม้ เป็นคนเก่งและมีความสามารถคนนึงที่มีโอกาสได้ทำความรู้จัก เป็นคนใสใจเรื่องละเอียดอ่อน รวมถึงทึ่ไปที่มาของสิ่งต่างๆ, เป็นคนสมถะ ไม่มีรถยนต์ ไม่ฟุ้งเฟ้อ และพยายามดำรงชีวิตพร้อมการค้นหาความหมายของปัจเจกแห่งตน พร้อมทั้งจรรโลงสรรพสิ่งเท่าที่ศักยภาพจะอำนวย
สาเหตุการเสียชีวิต
จบชีวิตตนเองลง
เริ่มต้นเนื่องจากเมื่อประมาณปลายปี 2565
MT เริ่มมีอาการนอนไม่หลับติดต่อกันเป็นเวลานาน ส่งผลให้เกิดปัญหาต่างๆ ตามมาค่ะ
เขาตัดสินใจเข้ารับการรักษา แผนกผู้ป่วยใน ในโรงพยาบาลจิตเวชเป็นเวลา 1 สัปดาห์
ดูเหมือนจะดีขึ้น แต่อาจจะดีขึ้นเพราะในช่วงระหว่างการรักษาได้รับยานอนหลับ และมีการพักผ่อนที่ดีและเพียงพอ
กลับเข้าสู่วัฎจักรการทำงาน
เริ่มมีความหดหู่เกิดขึ้นในจิตใจ แรงจูงใจต่างๆ เริ่มถดถอยแต่ก็พยายามประคับประคองการใช้ชีวิตและการทำงานเรื่อยมา
เริ่มมีการกล่าวถึงความโดดเดี่ยวในจิตใจที่ก่อขึ้น แม้จะอยู่ท่ามกลางกลุ่มเพื่อนฝูง
ผ่านมาประมาณ 1 ปี ช่วงไตรมาสสุดท้ายปี 2566 ถูกจ้างออกจากงาน ด้วยเหตุผลของประสิทธิภาพการทำงานและอาการป่วยทางจิตเวช
ช่วงนี้เองตัว MT ก็พยายามเติมไฟให้ชีวิตโดยการสมัครไปเป็นลูกเรือ ล่องเรือใบแบบดั้งเดิมโดยไม่มีเครื่องยนต์ใดๆ จากฝรั่งเศส ไปยังนอร์เวย์ ช่วงนี้เองก็ดูสนุกสนานและมีความสุข ทางเจ้าของเรือเองก็ถึงกับเอ่ยปากให้ MT มาร่วมงานประจำ
หลังจากจบทริปก็ไปเยี่ยมเยียนครอบครัวที่ประเทศเยอรมันและรีบมาร่วมงานแต่งงานที่สวิสเซอร์แลนด์ของผู้เขียน ในฐานะเพื่อนคนสำคัญของสามี
เป็นงานแต่งเรียบง่ายที่ไม่มีเวที ไม่มีชุดเจ้าสาว ไม่มีช่างภาพ ช่างแต่งหน้า ไม่มีดอกไม้ แขกหาเนื้อมาย่างบาร์บิคิวทานกันเองตามสะดวก ทางผู้เขียนได้เตรียมสลัด,เครื่องดื่มและสถานที่เป็นกระท่อมกลางป่าไว้
แขกทั้งหมด 19 คน
นัดพบกันที่กระท่อมกลางป่าประมาณ เที่ยงวัน ทานอาหารร่วมกัน หลังจากนั้นก็ทำกิจกรรมร่วมกัน มีเปตอง, การ์ดเกม และเกมอื่นที่เราเตรียมกันไว้
เราแต่งงานกันเดือนตุลาคม 2566
สามีเราได้นัดเจอกับ MT อีก 3 ครั้ง
ครั้งล่าสุดก่อนเกิดเหตุประมาณ 3 วัน
MT เป็นคนรักสามีเราออกไปดื่มกาแฟวันเสาร์ เล่าให้ฟังว่าได้งานใหม่แล้ว กำลังจะเซ็นสัญญาวันจันทร์นี้
ดูตื่นเต้นพร้อมกังวลกับการเริ่มต้นใหม่
วันจันทร์ MT เข้าไปเซ็นสัญญา
วันพฤหัสบดี สามีเราส่งข้อความไปถามข่าวคราว
วันเสาร์ เราทั้งคู่ได้รู้ข่าวจากเพื่อนอีกคน พี่ชาย MT ติดต่อหาเพื่อนคนนั้นและสรุปได้ว่าไม่มีใครติดต่อ MT ได้ 2-3 วันแล้ว จึงได้แจ้งตำรวจ และเราก็ได้รับข่าวร้ายว่า MT จบชีวิตตัวเองลง ช่วงประมาณ วันอังคาร-วันพุธ กลางเดือนมกราคม 2567
งานศพ (ขออนุญาตเล่าในรูปแบบของการแบ่งปันจากความเป็นคนไทยที่ไม่เคยมาร่วมงานศพในสวิส)
จัดขึ้นที่สุสานประจำเมือง ภายในอาคารที่ไว้รองรับผู้มาร่วมแสดงความเสียใจโดยเฉพาะ
ไม่มีการตั้งศพเพราะครอบครัวได้ทำการเผาศพและจะนำเถ้ากระดูกกลับบ้านเกิดที่ประเทศเยอรมัน
จัดขึ้นตอน 11 น.
ชั้นล่างแย่งเก้าอี้เป็น 2 ฝั่งซ้ายและขวา เส้นตรงกลางเป็นทางเดิน ชั้นลอยมีเก้าอี้อีก 2-3 แถว มีเปียโนและเครื่องดนตรีประเภทอื่นอยู่ด้วย
ตรงกลางโถงมีรูป MT กำลังเล่นดับเบิ้ลเบส
ดอกไม้ และจุดเทียนไว้ด้านล่างรูปภาพ
จำนวนคนมาประมาน 100 คน
มีครอบครัว,เพื่อนร่วมงาน,เพื่อนนักดนตรี,เพื่อนนักร้องวงประสานเสียง,นักเรียน,เพื่อนบ้าน และเพื่อนๆ อันเป็นที่รัก
คนที่มาใส่เสื้อผ้าสีเขียว,แดง,ฟ้า,ชมพู และทุกสีที่ไม่ได้กล่าวถึง
ทุกคนได้รับเทียนคนละเล่มเมิ่อเดินเข้าตัวอาคาร
เริ่มแรก บาทหลวง ที่เป็นสุภาพสตรีได้กล่าวถึงอัตชีวประวัติของ MT
หลังจากนั้นเพื่อนๆ นักร้องจากวงประสานเสียงที่นั่งอยู่บนชั้นลอยก็ร่วมกันร้องเพลงประสานเสียงแด่ผู้จากลา
ระหว่างนั้นทุกคนก็เดินไปจุดเทียน ตั้งหน้ารูปภาพ
มีการบรรเลงเพลงจากวงดนตรีคลาสสิกที่ MT ฝึกซ้อมอยู่เป็นประจำ
บาทหลวงได้กล่าวสดุดี
พี่ชายทั้ง 3 ได้ผลัดกันขึ้นไปกล่าวถึงน้องชายอันเป็นที่รัก
จากนั้นเพื่อนนักดนตรี 3 คนได้ขึ้นไปร้องเพลงที่แต่งถึงคนไกล
บาทหลวงได้กล่าวปิดท้ายสั้นๆ ว่าถึงตัว MT จะไม่ได้อยู่ที่นั่นแล้ว แต่ใช่ว่าเขาจะจากไปจากจิตใจของเรา
ครอบครัว พ่อ แม่ และพี่ชายทั้ง 3 ยืนขึ้นพร้อมกัน และแสดงความขอบคุณอย่างซาบซึ้งแด่ทุกคนในต่างแดนที่รักลูกชายและน้องชายของพวกเขา
พิธีทั้งหมดใช้เวลาไป 90 นาที
ไม่มีเสียงโทรศัพท์ดังแทรก ไม่มีคนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่น
เรา,สามีและหลายๆคนหลั่งน้ำตาแห่งความเสียใจ
หลังจากทุกคนออกมาจากอาคาร บางส่วนก็กลับไปทำงานต่อ บางส่วนก็เข้าไปร่วมกันร้องเพลงและก่อไฟในป่าใกล้ๆกับสุสาน
รอบกองไฟ ก็มีเค้กกับแซนวิชชีสเล็กๆ เครื่องดื่มง่ายๆ ให้คนที่มาร่วมได้ทานกัน
เรากับสามีก็ตามไปที่กองไฟและร่วมร้องเพลงแด่นักเดินเรือผู้จากลา
มีหลายคนที่นำการ์ดเขียนแสดงถึงความเสียใจและรูปภาพของ MT มาให้ครอบครัวก่อนกลับ
เรากับสามีบอกลาเพื่อนๆ
เราทั้งคู่ไม่ได้เข้าไปพูดคุยหรือแสดงความเสียใจกับครอบครัว
เพียงแค่เรารู้สึกว่าเราไม่อยากไปแสดงตัวตนแก่คนที่เราไม่ได้รู้จักแม้แต่น้อยในวันแห่งความทุกข์ระทมของพวกเขา
ฝากถึงทุกคนนะคะ
จากมุมคนนอก เขาเป็นคนที่เพียบพร้อมแต่เราไม่รู้ว่า MT ต้องเผชิญอยู่กับอะไรบ้าง
เราอดคิดไม่ได้ว่าการกระทำครั้งนี้ผ่านการไตร่ตรองจากตัวเขาเองอย่างแน่วแน่แล้ว
เหมือนที่เราอาจจะเคยได้ยิน
คนทำไม่พูด คนพูดไม่ทำ
พวกเราเสียใจต่อความเจ็บปวดของ MT ที่เราไม่มีโอกาสได้รับรู้มากกว่าการจากลา
ความเจ็บป่วยจากภายในที่ไม่สามารถมองเห็นจากทางกายภาพเองก็ยังไม่ได้รับความเข้าใจที่เพียงพอจากผู้คนในสังคม
ใส่ใจซึ่งกันและกันเสมอเมื่อมีโอกาส
ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคน