คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 180
ขอบคุณทุกๆท่านที่เข้ามาอ่านและให้กำลังใจนะครับ ผมอ่านทุกคอมเม้นท์เลยครับ ขอบคุณจากใจครับ
สำหรับคำถามต่างๆที่บางคอมเม้นท์ได้ถามไว้ ผมอนุญาติรวบรวมมาไว้ในทีนี้นะครับ
1. ลงทุนทั้งหมดเท่าไร ขาดทุนเท่าไร
ตอบ : shelf ชั้นวางของต่างๆ ประมาณ 150,000 บาท (หนึ่งแสนห้าหมื่นบาท)
ค่าสินค้าที่ลงล็อตแรกประมาณ ไม่เกิน 200,000 บาท (สองแสนบาท)
เผื่อใครหาเป็นข้อมูลนะครับ ในงบเท่านี้จะได้สินค้าคือ ถ้วยและชามใส่อาหาร ของเล่นแมว แชมพูอาบน้ำสัตว์ และสินค้าจิปาถะอื่นๆคาดว่าประมาณ 30-40 รายการครับ
สำหรับอาหารสัตว์ชนิดเม็ดจะมีแค่ของหมา และแมว ครับ หมามี 3 ยี่ห้อ ส่วนแมว 7 ยี่ห้อครับ เน้นแบรนด์เด่นๆของตลาด (บอกเป็นข้อมูลยอดขายเผื่อใครสนใจเพิ่ม หน้าร้านขายดีคือ Whiskas ออนไลน์ขายดีคือ Friskies, Whiskas, Me-O) และก็ยังมีอาหารเปียกอีก 6 แบรนด์ครับ
โดยรวมแล้ว เป็น lot การสั่งครั้งแรก ไม่ลงเยอะให้เจ็บตัวถ้าผิดพลาด มีทุนแล้วก็ค่อยขยายเพิ่ม สินค้าไหนขายดี หมดก็สั่งเข้ามาใหม่ อันไหนขายไม่ดีก็สั่งน้อย บางอันก็หมดอายุครับ
เมื่อเปิดร้านไปสักพัก ความหลากหลายของสินค้าก็เพิ่มขึ้นครับ เช่น ภายหลังก็เอากระสอบ 10 กิโลกรัม เข้ามาขาย (แต่ตัวนี้ก็เจอปัญหาคือ หนูกัดถุงกระสอบครับ เสียหายทีหลายบาทครับ)
พอปิดกิจการ ตัวเลขขาดทุนจริงๆไม่เกิน 40,000 บาท (สี่หมื่นบาท) อันนี้ประเมินสูงๆเลยนะครับ เพราะว่าสินค้าต่างๆเอามาลดราคา ลดต่ำกว่าทุน ขายเอาทุนคืนครับ เลยไม่เจ็บมาก
(คำถามต่อไป อยู่คอมเม้นท์ย่อย)
สำหรับคำถามต่างๆที่บางคอมเม้นท์ได้ถามไว้ ผมอนุญาติรวบรวมมาไว้ในทีนี้นะครับ
1. ลงทุนทั้งหมดเท่าไร ขาดทุนเท่าไร
ตอบ : shelf ชั้นวางของต่างๆ ประมาณ 150,000 บาท (หนึ่งแสนห้าหมื่นบาท)
ค่าสินค้าที่ลงล็อตแรกประมาณ ไม่เกิน 200,000 บาท (สองแสนบาท)
เผื่อใครหาเป็นข้อมูลนะครับ ในงบเท่านี้จะได้สินค้าคือ ถ้วยและชามใส่อาหาร ของเล่นแมว แชมพูอาบน้ำสัตว์ และสินค้าจิปาถะอื่นๆคาดว่าประมาณ 30-40 รายการครับ
สำหรับอาหารสัตว์ชนิดเม็ดจะมีแค่ของหมา และแมว ครับ หมามี 3 ยี่ห้อ ส่วนแมว 7 ยี่ห้อครับ เน้นแบรนด์เด่นๆของตลาด (บอกเป็นข้อมูลยอดขายเผื่อใครสนใจเพิ่ม หน้าร้านขายดีคือ Whiskas ออนไลน์ขายดีคือ Friskies, Whiskas, Me-O) และก็ยังมีอาหารเปียกอีก 6 แบรนด์ครับ
โดยรวมแล้ว เป็น lot การสั่งครั้งแรก ไม่ลงเยอะให้เจ็บตัวถ้าผิดพลาด มีทุนแล้วก็ค่อยขยายเพิ่ม สินค้าไหนขายดี หมดก็สั่งเข้ามาใหม่ อันไหนขายไม่ดีก็สั่งน้อย บางอันก็หมดอายุครับ
เมื่อเปิดร้านไปสักพัก ความหลากหลายของสินค้าก็เพิ่มขึ้นครับ เช่น ภายหลังก็เอากระสอบ 10 กิโลกรัม เข้ามาขาย (แต่ตัวนี้ก็เจอปัญหาคือ หนูกัดถุงกระสอบครับ เสียหายทีหลายบาทครับ)
พอปิดกิจการ ตัวเลขขาดทุนจริงๆไม่เกิน 40,000 บาท (สี่หมื่นบาท) อันนี้ประเมินสูงๆเลยนะครับ เพราะว่าสินค้าต่างๆเอามาลดราคา ลดต่ำกว่าทุน ขายเอาทุนคืนครับ เลยไม่เจ็บมาก
(คำถามต่อไป อยู่คอมเม้นท์ย่อย)
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 4
ผลสุดท้ายเลยต้องยอมปิดตัวลงครับ ผมแพ้เขาทุกทางเลย สินค้ารับมาทุนก็สูงกว่าเขา เจอเจ้าตลาดกดราคา กำไรก็น้อยอยู่ไม่ได้ ซวยไปอีก บางทีขาดทุนจากเหตุการณ์ที่เล่าฟัง
ใครอ่านมาถึงตรงนี้ ผมอยากเตือนนะครับ สำหรับคนที่คิดจะทำ Pet Shop ให้คิดเยอะๆ คิดซ้ำๆ ส่วนหนึ่งที่คุณจะไม่รู้เลยคือราคาส่ง เพราะถ้าคุณไม่ได้เปิดร้าน ไม่มีใครเขาบอกราคาส่งให้คุณรู้หรอกครับ เช่นแบรนด์ต่างๆ เขาจะขอใบจดทะเบียนการค้า ก่อนที่เขาจะส่ง contact เซลส์มาให้คุณติดต่อ ดังนั้นก่อนมาทำตรงนี้ ผมเองก็ไม่รู้ครับ ว่าในส่วนของต้นทุนสินค้า มันจะโหดจน margin ต่ำขนาดนี้
ส่วนใครที่ยังทำอยู่และยืนระยะได้ ยินดีด้วยครับ คุณเก่งมาก
ใครอ่านมาถึงตรงนี้ ผมอยากเตือนนะครับ สำหรับคนที่คิดจะทำ Pet Shop ให้คิดเยอะๆ คิดซ้ำๆ ส่วนหนึ่งที่คุณจะไม่รู้เลยคือราคาส่ง เพราะถ้าคุณไม่ได้เปิดร้าน ไม่มีใครเขาบอกราคาส่งให้คุณรู้หรอกครับ เช่นแบรนด์ต่างๆ เขาจะขอใบจดทะเบียนการค้า ก่อนที่เขาจะส่ง contact เซลส์มาให้คุณติดต่อ ดังนั้นก่อนมาทำตรงนี้ ผมเองก็ไม่รู้ครับ ว่าในส่วนของต้นทุนสินค้า มันจะโหดจน margin ต่ำขนาดนี้
ส่วนใครที่ยังทำอยู่และยืนระยะได้ ยินดีด้วยครับ คุณเก่งมาก
ความคิดเห็นที่ 2
ฝั่งขาย
การขายสมัยนี้ทำได้ 2 ทางครับ (1)ขายหน้าร้าน (2)ขายออนไลน์
จุดนี้ผมอยากบอกคนที่สนใจจะทำธุรกิจให้ดูดีๆนะครับ
หากคิดจะขายหน้าร้าน ในแต่ละพื้นที่ มันจะมีเจ้าตลาดอยู่ครับ และเจ้าตลาดส่วนใหญ่มันก็คือร้านขายส่งนั่นแหละครับ สมมติสินค้าชิ้นเดิม ร้านขายส่ง ส่งให้ผม 90 บาท แต่ราคาที่เขาขายปลีกหน้าร้านคือ 100 บาท
มันก็จะมีเพดานราคาที่ 100 บาท ให้เราขายสูงกว่านี้ไม่ได้ครับ อย่าลืมนะครับว่าเขาเป็นเจ้าตลาดในพื้นที่ที่เราขาย ลูกค้าผมส่วนใหญ่ที่เดินเข้ามาใน Pet Shop เขาก็มักจะซื้อแต่อาหารตัวเดิมที่เขาเคยซื้อให้หมาแมวเขากินครับ ดังนั้นเขาก็จะมีราคาในใจที่เขาเคยซื้อเป็นตัวเปรียบเทียบอยู่แล้ว ถ้าขายแพงกว่าเจ้าตลาดที่เขาซื้อประจำ เขาก็เดินออกจากร้านครับ ถ้าขายเท่ากันกับเจ้าตลาด ก็แทบอยู่ยากแล้วครับ เพราะกำไรมันน้อย จะไม่พอค่าใช้จ่าย ถ้าขายตัดราคา ขายให้ถูกกว่าไปอีก ยิ่งอยู่ไม่ได้ไปใหญ่ครับ
งั้นเปลี่ยนไปขายออนไลน์สิ
ใครที่ทำธุรกิจอยู่ น่าจะเข้าใจ สมัยนี้ในออนไลน์เขากดราคากันเองครับ บางทีแบรนด์เองลงมาขาย มาช่วยกดราคาด้วย ร้านส่งเองยังแทบแย่ ต้องขายแข่งกับแบรนด์ แล้วเราที่เป็นร้านเล็ก รับมาจากร้านส่งอีกทีจะสู้อย่างไงครับ เพราะออนไลน์ เขาตัดกันที่ราคาอย่างเดียวครับ เมื่อสินค้ามันเหมือนกัน เช่นต้องการซื้อ Me-O รสปลาทู เขาก็แค่เทียบ ร้านไหนขายถูกสุด จำนวนยอดขายเยอะ รีวิวดี แล้วร้านใหม่จะสู้อย่างไงครับ เจอแบบนี้
การขายสมัยนี้ทำได้ 2 ทางครับ (1)ขายหน้าร้าน (2)ขายออนไลน์
จุดนี้ผมอยากบอกคนที่สนใจจะทำธุรกิจให้ดูดีๆนะครับ
หากคิดจะขายหน้าร้าน ในแต่ละพื้นที่ มันจะมีเจ้าตลาดอยู่ครับ และเจ้าตลาดส่วนใหญ่มันก็คือร้านขายส่งนั่นแหละครับ สมมติสินค้าชิ้นเดิม ร้านขายส่ง ส่งให้ผม 90 บาท แต่ราคาที่เขาขายปลีกหน้าร้านคือ 100 บาท
มันก็จะมีเพดานราคาที่ 100 บาท ให้เราขายสูงกว่านี้ไม่ได้ครับ อย่าลืมนะครับว่าเขาเป็นเจ้าตลาดในพื้นที่ที่เราขาย ลูกค้าผมส่วนใหญ่ที่เดินเข้ามาใน Pet Shop เขาก็มักจะซื้อแต่อาหารตัวเดิมที่เขาเคยซื้อให้หมาแมวเขากินครับ ดังนั้นเขาก็จะมีราคาในใจที่เขาเคยซื้อเป็นตัวเปรียบเทียบอยู่แล้ว ถ้าขายแพงกว่าเจ้าตลาดที่เขาซื้อประจำ เขาก็เดินออกจากร้านครับ ถ้าขายเท่ากันกับเจ้าตลาด ก็แทบอยู่ยากแล้วครับ เพราะกำไรมันน้อย จะไม่พอค่าใช้จ่าย ถ้าขายตัดราคา ขายให้ถูกกว่าไปอีก ยิ่งอยู่ไม่ได้ไปใหญ่ครับ
งั้นเปลี่ยนไปขายออนไลน์สิ
ใครที่ทำธุรกิจอยู่ น่าจะเข้าใจ สมัยนี้ในออนไลน์เขากดราคากันเองครับ บางทีแบรนด์เองลงมาขาย มาช่วยกดราคาด้วย ร้านส่งเองยังแทบแย่ ต้องขายแข่งกับแบรนด์ แล้วเราที่เป็นร้านเล็ก รับมาจากร้านส่งอีกทีจะสู้อย่างไงครับ เพราะออนไลน์ เขาตัดกันที่ราคาอย่างเดียวครับ เมื่อสินค้ามันเหมือนกัน เช่นต้องการซื้อ Me-O รสปลาทู เขาก็แค่เทียบ ร้านไหนขายถูกสุด จำนวนยอดขายเยอะ รีวิวดี แล้วร้านใหม่จะสู้อย่างไงครับ เจอแบบนี้
ความคิดเห็นที่ 7
ดูรายการเกี่ยวกับลงทุนธุรกิจ
มาเกือบ20ปี ทุกช่องทาง ทีวี สื่อออนไลน์
ที่ได้จากที่ดูคือ
1.ห้ามเช่าที่แพง ที่ตัวเองจะดีที่สุด
2.ทุนต้องหนา ห้ามมีหนี้เยอะ
3.ทำเลต้องดี
4.ก่อนจะทำอะไรสำรวจให้หมดในพื้นรอบมีร้านขายอะไรบ้างคนทำงานประเภทไหนชุมชนใหญ่หมู่บ้านใหญ่ร้านค้าใหญ่ๆมีไหม
5.ไม่ว่าจะธุรกิจอะไรสิ่งสำคัญ สำรวจ วืจัย วิเคราะห์ด้วยตัวเอง อย่างน้อย 1-2 ปี เพราะโลกเดินเร็วมาก
มาเกือบ20ปี ทุกช่องทาง ทีวี สื่อออนไลน์
ที่ได้จากที่ดูคือ
1.ห้ามเช่าที่แพง ที่ตัวเองจะดีที่สุด
2.ทุนต้องหนา ห้ามมีหนี้เยอะ
3.ทำเลต้องดี
4.ก่อนจะทำอะไรสำรวจให้หมดในพื้นรอบมีร้านขายอะไรบ้างคนทำงานประเภทไหนชุมชนใหญ่หมู่บ้านใหญ่ร้านค้าใหญ่ๆมีไหม
5.ไม่ว่าจะธุรกิจอะไรสิ่งสำคัญ สำรวจ วืจัย วิเคราะห์ด้วยตัวเอง อย่างน้อย 1-2 ปี เพราะโลกเดินเร็วมาก
ความคิดเห็นที่ 3
ทีนี้เมื่อยอดขายมันไม่ดี แต่สินค้ามันมีหมดอายุ นานวันเข้า สินค้าเริ่มทยอยหมดอายุ นั่นเท่ากับยอดขาดทุนที่ร้านเริ่มเจอขึ้นเรื่อยๆ หรือบางทีหนักอีก หนูกัดถุงอาหารครับ บางถุงราคาหลายร้อย แล้วพวกหนูมันร้ายนะครับ มันกัดหลายถุง แต่กินถุงล่ะไม่กี่เม็ด ผมเคยกระทั่งว่า ถุงไหนที่มันกัด ผมไม่ขยับนะครับ วางไว้ที่เดิมนั่นแหละ เผื่อว่ามันจะกลับมากินถุงเดิม แต่ไม่ใช่ครับ ไอ้พวกนี้มันไปกัดถุงใหม่ ถุงเดิมมันไม่แตะ hereมากๆ ช่วงที่เจอหนูถล่ม ผมแทบหมดหวัง คิดในใจว่ากูจะหมดตัวไหมว่ะ
แรกๆก็แก้ปัญหา ใช้กรงดัก ก็ดักได้ช่วง 1 เดือนแรก หลังๆเหมือนมันรู้ครับ เริ่มไม่วิ่งเข้ากรง ก็เลยใช้วิธีเป็นกาวดักหนู กลายเป็นกาวไม่แน่น คุณภาพเฮงซวยมากครับ หนูมันวิ่งย้ำบนกาวกันมันส์เลย สุดท้ายเลยต้องขั้นโหด วางยาเบื่อ ทีนี้ได้ผลครับ มันหายไป แต่หายไปแค่เดือนกว่าๆ แก๊งนี้ไป แก๊งใหม่มาครับ ต้องทำใจ เพราะขายอาหารสัตว์ ที่ใดมีอาหาร ที่นั่นมีหนู หนูกลุ่มใหม่ก็มา กัดถุงอาหารเสียหาย วนลูบขาดทุนครับ
กลายเป็นว่า หากไม่ขาดทุนจากการหมดอายุ ก็ขาดทุนจากถุงอาหารสัตว์โดนกัดเสียหาย
แรกๆก็แก้ปัญหา ใช้กรงดัก ก็ดักได้ช่วง 1 เดือนแรก หลังๆเหมือนมันรู้ครับ เริ่มไม่วิ่งเข้ากรง ก็เลยใช้วิธีเป็นกาวดักหนู กลายเป็นกาวไม่แน่น คุณภาพเฮงซวยมากครับ หนูมันวิ่งย้ำบนกาวกันมันส์เลย สุดท้ายเลยต้องขั้นโหด วางยาเบื่อ ทีนี้ได้ผลครับ มันหายไป แต่หายไปแค่เดือนกว่าๆ แก๊งนี้ไป แก๊งใหม่มาครับ ต้องทำใจ เพราะขายอาหารสัตว์ ที่ใดมีอาหาร ที่นั่นมีหนู หนูกลุ่มใหม่ก็มา กัดถุงอาหารเสียหาย วนลูบขาดทุนครับ
กลายเป็นว่า หากไม่ขาดทุนจากการหมดอายุ ก็ขาดทุนจากถุงอาหารสัตว์โดนกัดเสียหาย
ความคิดเห็นที่ 10
กระทู้ดีครับ
ล่าสุดผมลองกลับไปซื้ออาหารแมวจากร้านประจำเป็นร้านใหญ่ในเมือง จ่ายเงินสดแต่สิ่งที่ได้ๆของใกล้หมดอายุ
ยังไม่หมดอายุก็จริงแต่ความใหม่เก่าผลิตมานานเกือบปีแมวผมรับรู้ได้
เข้าใจว่าเค้าสั่งมาเยอะแล้วขายไม่ดีเก็บไว้นาน ผมเลือกถุงในๆไม่ได้เด็กร้านตามประกบหยิบให้เลย
ตั้งใจว่าไม่ไปซื้อแล้วร้านนี้ ราคาก็พอๆกับในห้าง ดีไม่ดีห้างจัดโปรลดราคาถูกกว่าครับ
ออนไลน์ขายถูกแต่มีค่าส่งรวมๆแล้วก็ถูกกว่าไม่มาก แล้ววัดดวงของที่มาใกล้หมดอายุ
ดังนั้นเดี๋ยวนี้ผมไปเลือกซื้อในห้างดีกว่าทั้งแมคโครโลตัส เลือกดูวันหมดอายุที่ยังอีกนานๆครับ
ล่าสุดผมลองกลับไปซื้ออาหารแมวจากร้านประจำเป็นร้านใหญ่ในเมือง จ่ายเงินสดแต่สิ่งที่ได้ๆของใกล้หมดอายุ
ยังไม่หมดอายุก็จริงแต่ความใหม่เก่าผลิตมานานเกือบปีแมวผมรับรู้ได้
เข้าใจว่าเค้าสั่งมาเยอะแล้วขายไม่ดีเก็บไว้นาน ผมเลือกถุงในๆไม่ได้เด็กร้านตามประกบหยิบให้เลย
ตั้งใจว่าไม่ไปซื้อแล้วร้านนี้ ราคาก็พอๆกับในห้าง ดีไม่ดีห้างจัดโปรลดราคาถูกกว่าครับ
ออนไลน์ขายถูกแต่มีค่าส่งรวมๆแล้วก็ถูกกว่าไม่มาก แล้ววัดดวงของที่มาใกล้หมดอายุ
ดังนั้นเดี๋ยวนี้ผมไปเลือกซื้อในห้างดีกว่าทั้งแมคโครโลตัส เลือกดูวันหมดอายุที่ยังอีกนานๆครับ
แสดงความคิดเห็น
ธุรกิจผมเจ๊งแล้วครับ กระทู้นี้จะเล่าให้ฟังว่าไปไงมาไง
ใช่ครับ เวลาสื่อเขาออกข่าวเกี่ยวกับอุตสาหกรรม ว่าฝั่งไหนกำลังรุ่ง หรือร่วง เขาไม่ได้เล่าทุกมุม และเช่นเดียวกัน ถึงแม้ว่าอุตสาหกรรมสัตว์เลี้ยงมันกำลังรุ่ง คนเลี้ยงสัตว์เยอะขึ้น แต่นี่คือ dark side ของคนทำธุรกิจนี้ครับ
Pet Shop พื้นฐานก็คือธุรกิจซื้อมาขายไป ดังนั้นเรามาดูความโหดของทั้งฝั่งซื้อ และฝั่งขายกันครับ เพื่อเป็นอุทธาหรณ์ให้กับคนอื่นที่คิดจะเข้ามาทำธุรกิจนี้ ให้คิดดีๆ คิดซ้ำไปซ้ำมาให้รอบคอบก่อน
ต่อในคอมเม้นท์