[รีวิว] The Beekeeper - คนเลี้ยงผึ้งที่ลุยเดี่ยวแบบโหดจึ้ง ลุยม้วนเดียวจบแบบหยุดไม่อยู่

“คนเลี้ยงผึ้ง” อาชีพที่ดูไม่น่ามีพิษมีภัย แถมยังมีความสำคัญต่อระบบนิเวศอย่างลึกซึ้ง จากการที่เหล่าผึ้งมีส่วนช่วยในการผสมเกสรขณะที่ดูดน้ำหวานจากดอกไม้ เรียกว่า ผึ้งและคนเลี้ยงผึ้งต่างก็เป็นผู้สร้างสรรค์อย่างแท้จริง แต่เมื่อ “คนเลี้ยงผึ้ง” คือ สิ่งที่อันตรายที่สุด แล้วอะไรจะหยุดเขาจากการทำลายล้างสุดระห่ำที่เกิดขึ้นจากเรื่องเพียงหยิบมือ

จะว่าก็ว่าตัวพล็อตของ The Beekeeper หรือในชื่อไทยว่า “นรกเรียกพ่อ” (ซึ่งเป็นชื่อไทยที่ไม่ค่อยจะสื่อแก่นเรื่องเท่าไหร่) นี้ ก็ไม่ได้ต่างอะไรจากภาพยนตร์ในแนวเดียวกัน ที่ต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดเข้ากับสำนวนว่า “น้ำผึ้งหยดเดียว” อย่างพอดิบพอดี ทั้ง John Wick (2014) หรือ Nobody (2021) พ่วงด้วยความสามารถของตัวเอกที่แทบจะไร้คู่ต่อกร กับตัวตนในอดีตที่พอพูดชื่อให้ศัตรูได้ยินก็ขนลุกซู่แล้ว

The Beekeeper จึงพยายามเสริมมิติให้กับตัวเรื่องเพื่อไม่ให้ไปทับรอยกับภาพยนตร์รุ่นพี่ในแนวเดียวกันที่ประสบความสำเร็จไปแล้ว โดยการอุปมาประเทศเป็นดั่งรวงหรือรังผึ้งที่มี “ผึ้ง” คอยทำงาน และเมื่อใดที่ผู้คุมรังหรือ “นางพญา” อ่อนแอหรือทำให้รังเสียสมดุล เมื่อนั้นผึ้งที่ได้รับมอบหมายก็จะต้องกำจัดนางพญาตัวนั้นออกไป ซึ่งก็ดูจะเป็นโวหารที่ดีในการสร้างภาพจำให้กับภาพยนตร์เรื่องนี้

แต่ถึงอย่างนั้นเรื่องราวของคนเลี้ยงผึ้งอย่าง อดัม เคลย์” (รับบทโดย เจสัน สเตธัม) ก็ยังไม่ได้ถูกเผยออกมามากนัก รู้แต่เพียงว่านี่คือชายหัวโล้นผู้ที่สามารถถล่มหน่วยรบพิเศษได้ด้วยตัวคนเดียวแบบสูทแทบไม่มีรอยยับ (หนักกว่า John Wick กับ Nobody อีก) ความสนุกอย่างเดียวของเรื่อง กลับกลายเป็นการลุ้นว่า จะมีใครที่พอจะหยุดมัจจุราชน้ำผึ้งคนนี้ได้บ้าง(หรืออาจจะต้องเป็นอเวนเจอร์เลยถึงจะเอาอยู่) เมื่อไม่มีใครจะหยุดเขาได้ เราจึงได้เห็นเหล่าผู้ร้ายที่อ่อนแอและน่าสงสาร ถูกจัดการไปทีละคนสองคน เหมือนนั่งดูไฟที่ค่อยๆ ลามไปตามทุ่งหญ้าทีละน้อย จนกว่าจะสาวไปถึงตัวการใหญ่ที่สุดได้และปิดงานแบบหล่อๆ (หวังว่านี่คงไม่ใช่การสปอย)

ประเด็นที่ทำให้ The Beekeeper ที่ดูจะหลุดโลกนี้ยึดโยงกับผู้ชมได้ดีพอสมควร นั่นคือ การใช้เรื่องราวของแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ มาเป็นจุดเริ่มเรื่อง ก็น่าเศร้าไม่น้อยที่ภัยคุกคามเหล่านี้เป็นภัยร้ายแรงแต่แทบไม่มีการจัดการได้เลย เหยื่อต้องทนทุกข์และตรอมใจ ทางออกจึงต้องใช้วิธีศาลเตี้ยแบบที่ อดัม เคลย์ ทำ เพื่อถอนรากถอนโคนแก๊งค์ชั่วให้หมดไป ตรงนี้คงมีใครหลายคนเห็นว่าหากเป็นเรื่องจริงก็คงจะดีมากแน่ๆ

เพื่อสะท้อนถึงเรื่องนี้ผู้กำกับ “เดวิด เอเยอร์” (David Ayer) จึงตั้งคำถามผ่านตัวละครอย่าง “เจ้าหน้าที่ปาร์คเกอร์” FBI สาว (รับบทโดย Emmy Raver-Lampman) ที่แม้จะเป็นเหยื่อของแก๊งค์ชั่วนี้จากการเสียแม่ไป และอดัม เคลย์ ก็กำลังจะล้างบางพวกมันอยู่ แต่ตัวเธอก็ต้องตามล่าเขาเพื่อทำตาม “กฏหมาย” ในขณะที่อดัม เคลย์นั้นยึดมั่นใน “ความยุติธรรม” มากกว่า จึงเป็นการชั่งใจว่า ระหว่างจะปล่อยให้กฏหมายทำหน้าที่ของมันไปหรือจะปล่อยให้ศาลเตี้ยอย่างคนเลี้ยงผึ้งจัดการดี เธอควรจะเลือกอย่างไหน

สรุป The Beekeeper หากไม่ต้องคิดอะไรซับซ้อนก็เป็นภาพยนตร์ที่มอบความบันเทิงได้สมกับชื่อของนักแสดงนำอย่าง “เจสัน สเตธัม” ที่เห็นแล้วก็ต้องรู้ว่าเก่งแน่ๆ กับฉากแอคชั่นมันส์ๆ โหดบ้างบางที ไล่กระทืบตัวร้ายไปเรื่อยๆ จนจบเรื่อง จนบางทีก็แอบเห็นใจฝั่งตรงข้ามว่า นี่..กำลังสู้กับคนหรือยอดมนุษย์กันแน่วะเนี่ย

Story Decoder
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่