เพิ่งหัดแต่งเป็นเรื่องแรก ช่วยกันเม้นได้แต่อย่าด่าแรงนะคะ
บทนำ
เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2554 พิมพิมล พนักงานสาวออฟฟิศในบริษัทแห่งนึง ได้ร่วมงานกับบริษัทแห่งนี้มาสักระยะนึงแล้ว เธอมีกลุ่มเพื่อนที่อาศัยอยู่ในระแวกเดียวกันกับเธอสามคน ได้แก่สาวร่างท้วมชื่ออุ๋ม สาวแว่นร่างเล็กชื่อแก้ว และสาวมาดเซอร์ชื่อปราง ทั้งสี่มักจะกลับบ้านพร้อมกันโดยอาศัยพาหนะสุดเฉี่ยว ของเจ๊บี ในการเดินทาง ซึ่งเธอก็ยินดีที่จะมีเพื่อนร่วมทางทั้งสามกลับบ้านด้วยเสมอ
เนื้อเรื่อง
คืนวันหนึ่ง หลังเลิกงาน ขณะเจ๊บีและผองเพื่อนกำลังเดินทางกลับบ้าน วันนี้เธอเลือกใช้เส้นทางที่ต้องผ่านถนนใหญ่และแยกไฟจราจรหลายแยก ระหว่างรถจอดรอสัญญาไฟเขียว ณ แยกจราจรแห่งนึงอยู่เป็นเวลานาน เหล่าเพื่อนสาวก็มีบทสนทนาอย่างออกรสออกชาด แต่อุ๋มซึ่งนั่งในตำแหน่งผู้โดยสารด้านหน้า คู่กับเจ๊บี ได้สังเกตอาการของหล่อนว่าเงียบไป ระหว่างนั้นเจ๊บีมีอาการเกร็งพร้อมกับดิ้นรนทุรนทุรายจนเพื่อนเริ่มสังเกตเห็นได้ชัด
ภาพที่เจ๊บีเห็นนั้น คือ ภาพของคนครึ่งตัว ผิวเนื้อดำแดง ผมดำเปียกชุ่มแลดูเหนอะหนะ กำลังแสยะยิ้มซึ่งเป็นรอยยิ้มที่ไม่สมประกอบนักเพราะไม่มีฟันหน้า ในมือถือพวงมาลัยดอกมะลิโบกไปมา ประกอบกับร่างครึ่งตัวที่ลอยไป ลอยมาบนพื้นถนน เจ๊บีเห็นภาพนั้นก็ตกใจสุดขีด คิดในใจว่า โดนแล้ว โดนผีสี่แยกตัวขาดหลอกแล้ว ทำไงดี ความกลัวผลุบเข้ามาในห้วงความคิด เธอดิ้นรนทุรนทุรายต้องการไปให้พ้นจากภาพที่เห็นตรงหน้าเสียให้ได้ จนลืมคิดไปว่ากำลังคาดเข็มขัดนิรภัยอยู่ เจ๊บีพยายามจะเปล่งเสียงร้องบอกเพื่อน แต่ด้วยความกลัวสุดขีดพยายามยังไงเสียงก็ไม่ออกมา
เมื่ออุ๋มเห็นดังนั้นก็จับแขนเขย่าพร้อมร้องเรียก เจ๊ นั่นมันเด็กขายพวงมาลัยตัวขาด ไม่ใช่ผี
เจ๊บีได้สติก็เลิกดิ้นแล้วเพ่งมองดูอีกที จึงตระหนักได้ว่า เออ ไม่ใช่ผีจริง ๆ ด้วย เห้อ ตกใจอยู่ตั้งนาน
เมื่อเด็กขายพวงมาลัยครึ่งตัวสังเกตเห็นอาการของเจ๊บี ก็ยิ่งกลั่นแกลังโดยใช้สเก๊ตบอร์ดที่รองร่างครึ่งบน ไถลไปมา พร้อมกับแลบลิ้น ปลิ้นตาหลอกเธอ แต่คราวนี้ไม่ได้ผลเพราะเจ๊บีได้สติและเห็นแล้วว่าสิ่งที่เธอเห็นนั้นไม่ใช่ผีอย่างแน่นอน ประกอบกับจังหวะไฟจราจรเปลี่ยนเป็นสีเขียวพอดี จึงออกรถ และพาผองเพื่อนไปส่งยังจุดหมายของแต่ละคนจนสำเร็จ
ยังขาดอะไรตรงไหนช่วยกันเม้นได้นะคะ
เรื่องเล่าสาวออฟฟิศ
บทนำ
เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2554 พิมพิมล พนักงานสาวออฟฟิศในบริษัทแห่งนึง ได้ร่วมงานกับบริษัทแห่งนี้มาสักระยะนึงแล้ว เธอมีกลุ่มเพื่อนที่อาศัยอยู่ในระแวกเดียวกันกับเธอสามคน ได้แก่สาวร่างท้วมชื่ออุ๋ม สาวแว่นร่างเล็กชื่อแก้ว และสาวมาดเซอร์ชื่อปราง ทั้งสี่มักจะกลับบ้านพร้อมกันโดยอาศัยพาหนะสุดเฉี่ยว ของเจ๊บี ในการเดินทาง ซึ่งเธอก็ยินดีที่จะมีเพื่อนร่วมทางทั้งสามกลับบ้านด้วยเสมอ
เนื้อเรื่อง
คืนวันหนึ่ง หลังเลิกงาน ขณะเจ๊บีและผองเพื่อนกำลังเดินทางกลับบ้าน วันนี้เธอเลือกใช้เส้นทางที่ต้องผ่านถนนใหญ่และแยกไฟจราจรหลายแยก ระหว่างรถจอดรอสัญญาไฟเขียว ณ แยกจราจรแห่งนึงอยู่เป็นเวลานาน เหล่าเพื่อนสาวก็มีบทสนทนาอย่างออกรสออกชาด แต่อุ๋มซึ่งนั่งในตำแหน่งผู้โดยสารด้านหน้า คู่กับเจ๊บี ได้สังเกตอาการของหล่อนว่าเงียบไป ระหว่างนั้นเจ๊บีมีอาการเกร็งพร้อมกับดิ้นรนทุรนทุรายจนเพื่อนเริ่มสังเกตเห็นได้ชัด
ภาพที่เจ๊บีเห็นนั้น คือ ภาพของคนครึ่งตัว ผิวเนื้อดำแดง ผมดำเปียกชุ่มแลดูเหนอะหนะ กำลังแสยะยิ้มซึ่งเป็นรอยยิ้มที่ไม่สมประกอบนักเพราะไม่มีฟันหน้า ในมือถือพวงมาลัยดอกมะลิโบกไปมา ประกอบกับร่างครึ่งตัวที่ลอยไป ลอยมาบนพื้นถนน เจ๊บีเห็นภาพนั้นก็ตกใจสุดขีด คิดในใจว่า โดนแล้ว โดนผีสี่แยกตัวขาดหลอกแล้ว ทำไงดี ความกลัวผลุบเข้ามาในห้วงความคิด เธอดิ้นรนทุรนทุรายต้องการไปให้พ้นจากภาพที่เห็นตรงหน้าเสียให้ได้ จนลืมคิดไปว่ากำลังคาดเข็มขัดนิรภัยอยู่ เจ๊บีพยายามจะเปล่งเสียงร้องบอกเพื่อน แต่ด้วยความกลัวสุดขีดพยายามยังไงเสียงก็ไม่ออกมา
เมื่ออุ๋มเห็นดังนั้นก็จับแขนเขย่าพร้อมร้องเรียก เจ๊ นั่นมันเด็กขายพวงมาลัยตัวขาด ไม่ใช่ผี
เจ๊บีได้สติก็เลิกดิ้นแล้วเพ่งมองดูอีกที จึงตระหนักได้ว่า เออ ไม่ใช่ผีจริง ๆ ด้วย เห้อ ตกใจอยู่ตั้งนาน
เมื่อเด็กขายพวงมาลัยครึ่งตัวสังเกตเห็นอาการของเจ๊บี ก็ยิ่งกลั่นแกลังโดยใช้สเก๊ตบอร์ดที่รองร่างครึ่งบน ไถลไปมา พร้อมกับแลบลิ้น ปลิ้นตาหลอกเธอ แต่คราวนี้ไม่ได้ผลเพราะเจ๊บีได้สติและเห็นแล้วว่าสิ่งที่เธอเห็นนั้นไม่ใช่ผีอย่างแน่นอน ประกอบกับจังหวะไฟจราจรเปลี่ยนเป็นสีเขียวพอดี จึงออกรถ และพาผองเพื่อนไปส่งยังจุดหมายของแต่ละคนจนสำเร็จ
ยังขาดอะไรตรงไหนช่วยกันเม้นได้นะคะ