เป้าหมายหลักของผมคือ การซื้อกองทุนลดหย่อนภาษี “ที่ปันผลสม่ำเสมอ”
ความคิดคือ อยากจะสร้าง Passive Income สำหรับแบ่งไว้เติมงบท่องเที่ยว
เหตุผลที่เลือกกองลดหย่อนภาษี เพราะ ประโยชน์หลายต่อ ได้เก็บเงิน ได้ลดหย่อน และ หวังว่าจะได้ปันผลด้วย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้สปอยก่อนเลย ตอนแรกกะว่า ขอปันผลสม่ำเสมอสัก 3-5% ต่อปี
โดยที่เงินต้นอาจจะได้กำไรนิดหน่อย หรือ อาจจะติดลบนิดหน่อยก็รับได้
เอาเข้าจริงค่อนข้างไม่เป็นดั่งแผนเท่าไหร่
เริ่มต้นที่ปี 2556 (2013) มาคิดได้กล้าทำก็เริ่มเอาเดือน กรกฎาคม แล้ว
ความตั้งใจ คือ จะซื้อ LTF เดือนละ 3,000 เพิ่มขึ้นทุกปี 5% (ให้ใกล้เคียงอัตราเติบโตของเงินเดือน)
แต่การเลือกกองทุนกองเดียว ก็น่าจะเสี่ยงเกินไป ตัดสินใจเลือก 2 กอง หารเท่าเลยละกัน
จนมาจบยุคสมัยของ LTF ที่ปี 2562 สิ้นปี สิริรวม ลงทุนไปทั้งสิ้น 275,088 บาท ปันผลเฉลี่ยตอนนั้น 2.5%
ในปี 2563 (2020) ได้เลิกลงทุนในกอง LTF และย้ายไปลงทุนในกอง SSF แทน
แต่ก็ติดปัญหาว่า กว่ากองจะเริ่มเปิดตัวกันก็ซัดไปช่วง กรกฎา-สิงหา จำใจถือเงินสดรอตั้งแต่ต้นปี
เริ่มลงทุนในเดือนสิงหาคม 2563 ด้วยเงินก้อนที่สะสมมา 8 เดือน หลังจากนั้นลงทุนต่อแบบเดิม
จนถึงสิ้นปี 2566 รวมเงินลงทุนใน SSF ทั้งหมด 218,304 บาท ปันผลได้ 1% นิดๆ
เมื่อรวมทั้ง 2 กองทุนเข้าด้วยกัน จะมีเงินลงทุนรวม 493,392 บาท มีเงินปันผลเฉลี่ยประมาณ 2% ต่อปี
คิดเป็นเงินปันผลทั้งหมด 54,421.87 บาท เมื่อเทียบเป็นอัตราส่วนกับเงินต้นทั้งหมด ได้ 11% พอดี
พอมาดูที่มูลค่าปัจจุบัน ถือว่าน่าใจหาย มูลค่าตลาดล่าสุด (17 มกราคาม 2567) 421,847.94 บาท
ขาดทุนไปทั้งสิ้น 71,544.06 บาท หรือ 14.5% จุกๆไปเลยจ้า (ต้องลดหย่อนภาษีที่ฐาน 15% ขึ้นไปถึงจะเท่าทุน)
วิเคราะห์ผล
ย้ำก่อนว่า อันนี้เป็นพอร์ต กองทุนลดหย่อนภาษี “เน้นปันผล”นะครับผมวัดผลที่การปันผลตามเป้าหมายสม่ำเสมอ
ดังนั้น กองทุนที่เลือกลงทุนอาจะไม่ใช่กอง Top Performance ในด้านการสร้างผลกำไร (Margin Gain)
ช่วงที่ตลาดเป็นใจก็ปันผลได้ใกล้เคียงเป้าหมาย คือ ช่วงปี 2558 – 2562 ปันผลอยู่แถวๆ 3% จากเป้าหมาย 3-5%
มองปลอบใจตัวเองหลังจากนั้นคือ ช่วงโควิด กองทุนก็ยังปันผลได้สม่ำเสมอ แต่ก็พลาดเป้าไปเยอะพอสมควร
เงินปันผลที่ได้ตอนนี้ ก็คงพอเที่ยวแค่จังหวัดใกล้ๆกรุงเทพไปก่อน เอาไว้อีก 3ปี ค่อยมาสรุปกันอีกทีว่าจะเป็นยังไง
สรุป
ถ้าเต็ม 5 ดาว คงให้ไม่เกิน 3 ดาว
ได้ปันผลทุกปี แต่ ปันผลที่ได้ยังไม่ถึงเป้า และ จากการตีมูลค่าตลาดยังขาดทุน
ลงทุนกองลดหย่อนภาษี เน้นปันผล 10ปี ผ่านไป
ความคิดคือ อยากจะสร้าง Passive Income สำหรับแบ่งไว้เติมงบท่องเที่ยว
เหตุผลที่เลือกกองลดหย่อนภาษี เพราะ ประโยชน์หลายต่อ ได้เก็บเงิน ได้ลดหย่อน และ หวังว่าจะได้ปันผลด้วย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เริ่มต้นที่ปี 2556 (2013) มาคิดได้กล้าทำก็เริ่มเอาเดือน กรกฎาคม แล้ว
ความตั้งใจ คือ จะซื้อ LTF เดือนละ 3,000 เพิ่มขึ้นทุกปี 5% (ให้ใกล้เคียงอัตราเติบโตของเงินเดือน)
แต่การเลือกกองทุนกองเดียว ก็น่าจะเสี่ยงเกินไป ตัดสินใจเลือก 2 กอง หารเท่าเลยละกัน
จนมาจบยุคสมัยของ LTF ที่ปี 2562 สิ้นปี สิริรวม ลงทุนไปทั้งสิ้น 275,088 บาท ปันผลเฉลี่ยตอนนั้น 2.5%
ในปี 2563 (2020) ได้เลิกลงทุนในกอง LTF และย้ายไปลงทุนในกอง SSF แทน
แต่ก็ติดปัญหาว่า กว่ากองจะเริ่มเปิดตัวกันก็ซัดไปช่วง กรกฎา-สิงหา จำใจถือเงินสดรอตั้งแต่ต้นปี
เริ่มลงทุนในเดือนสิงหาคม 2563 ด้วยเงินก้อนที่สะสมมา 8 เดือน หลังจากนั้นลงทุนต่อแบบเดิม
จนถึงสิ้นปี 2566 รวมเงินลงทุนใน SSF ทั้งหมด 218,304 บาท ปันผลได้ 1% นิดๆ
เมื่อรวมทั้ง 2 กองทุนเข้าด้วยกัน จะมีเงินลงทุนรวม 493,392 บาท มีเงินปันผลเฉลี่ยประมาณ 2% ต่อปี
คิดเป็นเงินปันผลทั้งหมด 54,421.87 บาท เมื่อเทียบเป็นอัตราส่วนกับเงินต้นทั้งหมด ได้ 11% พอดี
พอมาดูที่มูลค่าปัจจุบัน ถือว่าน่าใจหาย มูลค่าตลาดล่าสุด (17 มกราคาม 2567) 421,847.94 บาท
ขาดทุนไปทั้งสิ้น 71,544.06 บาท หรือ 14.5% จุกๆไปเลยจ้า (ต้องลดหย่อนภาษีที่ฐาน 15% ขึ้นไปถึงจะเท่าทุน)
วิเคราะห์ผล
ย้ำก่อนว่า อันนี้เป็นพอร์ต กองทุนลดหย่อนภาษี “เน้นปันผล”นะครับผมวัดผลที่การปันผลตามเป้าหมายสม่ำเสมอ
ดังนั้น กองทุนที่เลือกลงทุนอาจะไม่ใช่กอง Top Performance ในด้านการสร้างผลกำไร (Margin Gain)
ช่วงที่ตลาดเป็นใจก็ปันผลได้ใกล้เคียงเป้าหมาย คือ ช่วงปี 2558 – 2562 ปันผลอยู่แถวๆ 3% จากเป้าหมาย 3-5%
มองปลอบใจตัวเองหลังจากนั้นคือ ช่วงโควิด กองทุนก็ยังปันผลได้สม่ำเสมอ แต่ก็พลาดเป้าไปเยอะพอสมควร
เงินปันผลที่ได้ตอนนี้ ก็คงพอเที่ยวแค่จังหวัดใกล้ๆกรุงเทพไปก่อน เอาไว้อีก 3ปี ค่อยมาสรุปกันอีกทีว่าจะเป็นยังไง
สรุป
ถ้าเต็ม 5 ดาว คงให้ไม่เกิน 3 ดาว
ได้ปันผลทุกปี แต่ ปันผลที่ได้ยังไม่ถึงเป้า และ จากการตีมูลค่าตลาดยังขาดทุน