หากพูดถึงร้านอาหารจีนยอดนิยมหลายคนคงจะนึกถึง ภัตตาคารสมบูรณ์ลาภ หรือที่รู้จักกันในนาม “ส.บ.ล.” หรือแม้กระทั่ง Yu Ting Yuan ร้านอาหารจีนที่ได้มิชลิน 1 ดาว ในโรงแรมสุดหรูติดแม่น้ำเจ้าพระยา แต่กระนั้นรู้หรือไม่ว่า ตลาดร้านอาหารจีนในประเทศไทย มีมูลค่ากว่า 6,000 ล้านบาท นั่นจึงทำให้สมรภูมินี้ดุเดือดไม้น้อย เพราะมีผู้เล่นรายน้อยใหญ่ต่างกระโดดร่วมชิงสัดส่วนเค้กก้อนนี้กันอย่างต่อเนื่อง
หนึ่งในนั้นคือ "Hawker Chan" (ฮอกเกอร์ ชาน) ร้านอาหารชื่อดังจากสิงคโปร์ โด่งดังในฐานะสตรีทฟู้ดเจ้าแรกที่ขึ้นแท่นเป็นร้านมิชลินสตาร์ ได้บินลัดฟ้า ขยับขยายสาขาใหม่ล่าสุดในกรุงเทพฯ ที่ “ไอคอน 56” กับคอนเซปต์บริการแบบภัตตาคารจีน “เหมือนนั่งอยู่ในเหลา”
ภายใต้การบริหารงานของ “ภาณุพงศ์ โสวรัตนพงศ์” กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเตอร์ ยูนิตี้ กรุ๊ป จำกัด ที่ได้สานภารกิจต่อจาก “อธิพล ตีระสงกรานต์” (ทายาทฟู้ดแลนด์ ซุปเปอร์มาร์เก็ต) โดยการเปิดร้านสาขาเพิ่ม และดูแลธุรกิจนี้ด้วยตนเอง ตามเป้าหมายที่ตั้งใจไว้ พร้อมกับเดินเกมรุกประกาศกร้าวเปิดสาขาต่อเนื่องปีละ 3-4 สาขา ด้วยความเชื่อที่ว่า “การแข่งขันของอาหารจีน ยังไม่เดือดเท่าอาหารญี่ปุ่น และเกาหลี”
ภาณุพงศ์ กล่าวว่า ที่มาของการนำ Hawker Chan เข้ามาเปิดในพื้นที่ของโครงการ ICON56 ซอยสายไหม 56 ตั้งอยู่บริเวณใกล้กับ ฟู้ดแลนด์ ซุปเปอร์มาร์เก็ต บนพื้นที่ทั้งหมด 120 ตารางเมตร มีที่นั่งประมาณ 70 ที่นั่ง รองรับลูกค้าในย่านสายไหม ซึ่งรอบล้อมไปด้วยโครงการหมู่บ้านต่างๆ จำนวนมากนั้นก็เพราะว่าโปรเจกต์คอมมูนิตี้มอลล์จำเป็นต้องหาแบรนด์คู่ค้าที่เหมาะสมเข้ามาในโครงการ
ดังนั้นการเลือก Hawker Chan ก็เพราะว่าเป็นร้านอาหารนี้มีเรื่องราวที่น่าประทับใจในความพยายามของเชฟชานที่ทำอาหารด้วยใจรัก และผลักดันพัฒนาตนเองจนได้รับรางวัลมิชลินหนึ่งดาว รวมทั้งยังสามารถเผยแพร่อาหารไปสู่นานาประเทศในระดับนานาชาติได้ โดยไม่จำเป็นต้องเป็นแบรนด์ใหญ่ แต่ต้องเป็นแบรนด์คู่ค้าที่ยั่งยืน หากคู่ค้าเติบโตได้ เราก็เติบโตได้
เปิดเกมรุก ปักหมุดเปิดปีละ 3-4 สาขา
“Hawker Chan มีศักยภาพนั้นจะสามารถเติบโตต่อได้ ประกอบกับจำนวนร้านอาหารจีนในประเทศไทยยังมีไม่มากเท่าร้านอาหารญี่ปุ่น หรือเกาหลี และด้วยเมนูที่หลากหลายกว่า 40-50 เมนู ที่ทำสดใหม่จากเชฟที่ผ่านฝึกอบรมมาอย่างดีจากเชฟ ชาน ฮน เมง ทุกวัน และสำหรับเมนูที่จะพลาดไม่ได้และจะต้องเอ่ยถึงก็คือ เมนูไก่ซีอิ๊ว ซึ่งเป็นเมนูอร่อยอันดับ 1 ในสิงคโปร์ ที่ได้รับมิชลิน 1 ดาว ถึง 4 ปีซ้อน รวมถึง บิบ กูร์มองด์ 5 ปีซ้อน นั่นจึงทำให้ทั้งนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติและคนไทย เมื่อเดินทางไปสิงคโปร์ต่างก็ต้องแวะไปเยี่ยมเยือนร้านนี้แทบทุกราย ส่วนร้าน Hawker Chan ในเมืองไทย อาหารมีสนนราคาต่อมื้ออยู่ที่ 100 ต้นๆ ด้วยราคาไม่แรง เข้าถึงได้ง่าย จึงมองว่า Hawker Chan จะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับคออาหารจีนในไทยด้วยเช่นกัน”
ทั้งนี้ ภาณุพงศ์ ได้รับสิทธิ์การบริหาร Hawker Chan ในเมืองไทย ต่อจาก บริษัท ติ่มซำ วันเดอร์แลนด์ จำกัด บริษัทในเครือฟู้ดแลนด์ โดยบริษัทตั้งเป้าว่าจะเปิดร้าน Hawker Chan อีก 2 สาขาภายในสิ้นปีนี้ ในทำเลที่มีศักยภาพ คอมมูนิตี้มอล์ ศูนย์การค้า รวมถึง ศูนย์บริการน้ำมัน เพื่อให้ทุกคนมาใช้บริการได้โดยสะดวก และตามแผนจะเปิดอีกปีละ 3-4 สาขา ในพื้นที่ 100 ตารางเมตร มุ่งจับฐานกลุ่มลูกค้าครอบครัวเป็นหลัก ปัจจุบันการใช้จ่ายเฉลี่ยต่อหัวอยู่ที่ 300 บาท แต่บริษัทคาดว่า การเพิ่มเมนูในทุกๆ 3 เดือน จะช่วยเพิ่มยอดการใช้จ่ายต่อหัวเป็น 400 บาทในอนาคต
ขณะที่ แองเจิ้ล ชอง ประธานกรรมการบริหารของ ฮอกเกอร์ ชาน กล่าวว่า Hawker Chan มีความปรารถนาที่จะให้ทุกคนบนโลกนี้ได้มีโอกาสทดลองชิมอาหารโดยไม่จำเป็นต้องเดินทางไปสิงคโปร์ แม้ว่าการแข่งขันในตลาดอาหารเมืองไทยที่มูลค่าสูงถึง 480,000 ล้านบาท เนื่องจากมีร้านอาหารประเภท และหลากหลายสัญชาติ แต่ก็มองว่าการแข่งขันยังคงมีพื้นที่ให้เข้าไปได้ ผ่านความเป็นระดับมิชลิน ในราคาจับต้องได้นั่นเอง.
Hawker Chan มิชลินสิงคโปร์ บุกเปิดสาขาไทย ทำร้านให้เหมือนนั่งในเหลา ชิงส่วนแบ่งอาหารจีน 6 พันล้าน
หากพูดถึงร้านอาหารจีนยอดนิยมหลายคนคงจะนึกถึง ภัตตาคารสมบูรณ์ลาภ หรือที่รู้จักกันในนาม “ส.บ.ล.” หรือแม้กระทั่ง Yu Ting Yuan ร้านอาหารจีนที่ได้มิชลิน 1 ดาว ในโรงแรมสุดหรูติดแม่น้ำเจ้าพระยา แต่กระนั้นรู้หรือไม่ว่า ตลาดร้านอาหารจีนในประเทศไทย มีมูลค่ากว่า 6,000 ล้านบาท นั่นจึงทำให้สมรภูมินี้ดุเดือดไม้น้อย เพราะมีผู้เล่นรายน้อยใหญ่ต่างกระโดดร่วมชิงสัดส่วนเค้กก้อนนี้กันอย่างต่อเนื่อง
หนึ่งในนั้นคือ "Hawker Chan" (ฮอกเกอร์ ชาน) ร้านอาหารชื่อดังจากสิงคโปร์ โด่งดังในฐานะสตรีทฟู้ดเจ้าแรกที่ขึ้นแท่นเป็นร้านมิชลินสตาร์ ได้บินลัดฟ้า ขยับขยายสาขาใหม่ล่าสุดในกรุงเทพฯ ที่ “ไอคอน 56” กับคอนเซปต์บริการแบบภัตตาคารจีน “เหมือนนั่งอยู่ในเหลา”
ภายใต้การบริหารงานของ “ภาณุพงศ์ โสวรัตนพงศ์” กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเตอร์ ยูนิตี้ กรุ๊ป จำกัด ที่ได้สานภารกิจต่อจาก “อธิพล ตีระสงกรานต์” (ทายาทฟู้ดแลนด์ ซุปเปอร์มาร์เก็ต) โดยการเปิดร้านสาขาเพิ่ม และดูแลธุรกิจนี้ด้วยตนเอง ตามเป้าหมายที่ตั้งใจไว้ พร้อมกับเดินเกมรุกประกาศกร้าวเปิดสาขาต่อเนื่องปีละ 3-4 สาขา ด้วยความเชื่อที่ว่า “การแข่งขันของอาหารจีน ยังไม่เดือดเท่าอาหารญี่ปุ่น และเกาหลี”
ภาณุพงศ์ กล่าวว่า ที่มาของการนำ Hawker Chan เข้ามาเปิดในพื้นที่ของโครงการ ICON56 ซอยสายไหม 56 ตั้งอยู่บริเวณใกล้กับ ฟู้ดแลนด์ ซุปเปอร์มาร์เก็ต บนพื้นที่ทั้งหมด 120 ตารางเมตร มีที่นั่งประมาณ 70 ที่นั่ง รองรับลูกค้าในย่านสายไหม ซึ่งรอบล้อมไปด้วยโครงการหมู่บ้านต่างๆ จำนวนมากนั้นก็เพราะว่าโปรเจกต์คอมมูนิตี้มอลล์จำเป็นต้องหาแบรนด์คู่ค้าที่เหมาะสมเข้ามาในโครงการ
ดังนั้นการเลือก Hawker Chan ก็เพราะว่าเป็นร้านอาหารนี้มีเรื่องราวที่น่าประทับใจในความพยายามของเชฟชานที่ทำอาหารด้วยใจรัก และผลักดันพัฒนาตนเองจนได้รับรางวัลมิชลินหนึ่งดาว รวมทั้งยังสามารถเผยแพร่อาหารไปสู่นานาประเทศในระดับนานาชาติได้ โดยไม่จำเป็นต้องเป็นแบรนด์ใหญ่ แต่ต้องเป็นแบรนด์คู่ค้าที่ยั่งยืน หากคู่ค้าเติบโตได้ เราก็เติบโตได้
เปิดเกมรุก ปักหมุดเปิดปีละ 3-4 สาขา
“Hawker Chan มีศักยภาพนั้นจะสามารถเติบโตต่อได้ ประกอบกับจำนวนร้านอาหารจีนในประเทศไทยยังมีไม่มากเท่าร้านอาหารญี่ปุ่น หรือเกาหลี และด้วยเมนูที่หลากหลายกว่า 40-50 เมนู ที่ทำสดใหม่จากเชฟที่ผ่านฝึกอบรมมาอย่างดีจากเชฟ ชาน ฮน เมง ทุกวัน และสำหรับเมนูที่จะพลาดไม่ได้และจะต้องเอ่ยถึงก็คือ เมนูไก่ซีอิ๊ว ซึ่งเป็นเมนูอร่อยอันดับ 1 ในสิงคโปร์ ที่ได้รับมิชลิน 1 ดาว ถึง 4 ปีซ้อน รวมถึง บิบ กูร์มองด์ 5 ปีซ้อน นั่นจึงทำให้ทั้งนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติและคนไทย เมื่อเดินทางไปสิงคโปร์ต่างก็ต้องแวะไปเยี่ยมเยือนร้านนี้แทบทุกราย ส่วนร้าน Hawker Chan ในเมืองไทย อาหารมีสนนราคาต่อมื้ออยู่ที่ 100 ต้นๆ ด้วยราคาไม่แรง เข้าถึงได้ง่าย จึงมองว่า Hawker Chan จะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับคออาหารจีนในไทยด้วยเช่นกัน”
ทั้งนี้ ภาณุพงศ์ ได้รับสิทธิ์การบริหาร Hawker Chan ในเมืองไทย ต่อจาก บริษัท ติ่มซำ วันเดอร์แลนด์ จำกัด บริษัทในเครือฟู้ดแลนด์ โดยบริษัทตั้งเป้าว่าจะเปิดร้าน Hawker Chan อีก 2 สาขาภายในสิ้นปีนี้ ในทำเลที่มีศักยภาพ คอมมูนิตี้มอล์ ศูนย์การค้า รวมถึง ศูนย์บริการน้ำมัน เพื่อให้ทุกคนมาใช้บริการได้โดยสะดวก และตามแผนจะเปิดอีกปีละ 3-4 สาขา ในพื้นที่ 100 ตารางเมตร มุ่งจับฐานกลุ่มลูกค้าครอบครัวเป็นหลัก ปัจจุบันการใช้จ่ายเฉลี่ยต่อหัวอยู่ที่ 300 บาท แต่บริษัทคาดว่า การเพิ่มเมนูในทุกๆ 3 เดือน จะช่วยเพิ่มยอดการใช้จ่ายต่อหัวเป็น 400 บาทในอนาคต
ขณะที่ แองเจิ้ล ชอง ประธานกรรมการบริหารของ ฮอกเกอร์ ชาน กล่าวว่า Hawker Chan มีความปรารถนาที่จะให้ทุกคนบนโลกนี้ได้มีโอกาสทดลองชิมอาหารโดยไม่จำเป็นต้องเดินทางไปสิงคโปร์ แม้ว่าการแข่งขันในตลาดอาหารเมืองไทยที่มูลค่าสูงถึง 480,000 ล้านบาท เนื่องจากมีร้านอาหารประเภท และหลากหลายสัญชาติ แต่ก็มองว่าการแข่งขันยังคงมีพื้นที่ให้เข้าไปได้ ผ่านความเป็นระดับมิชลิน ในราคาจับต้องได้นั่นเอง.