มีคนตั้งกระทู้ไว้หลายกระทู้ที่มีเนื้อหาประมาณว่า เงินเดือนเท่านี้ ซื้อบ้านหรือซื้อรถราคาเท่านั้นเท่านี้ได้มั้ย ต้องมีเงินเดือนเท่าไหร่ถึงจะใช้ชีวิตในกรุงเทพได้อย่างไม่ลำบาก อายุเท่านั้นเท่านี้ วางแผนการใช้ชีวิตในวัยเกษียณยังไง เป็นหนี้เท่านั้นเท่านี้ต้องทำยังไง เป็นมนุษย์เงินเดือนจะมีทางรวยได้มั้ย ทำยังไงถึงจะมีรายได้เพิ่ม และกระทู้อื่นๆ อีกมากมายที่เกี่ยวข้องกับปัญหาทางด้านการเงิน
เคยสังเกตมั้ย ว่าทำไมตัวเราเองหรือคนอื่นๆ ถึงไม่ค่อยมีเงินเก็บ เพราะอะไรถึงเก็บเงินไม่อยู่ ทำไมถึงเป็นหนี้ เงินที่ได้มาต้องหมดไปกับค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง และนี่คือ 18 สิ่งที่จะทำให้คุณต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบากเพราะเงินที่ต้องเสียไปกับสิ่งเหล่านี้
1. รถใหม่
รถเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับคนหลายคนไม่แพ้ที่อยู่อาศัย คนส่วนใหญ่จำเป็นต้องใช้รถในการคมนาคมขนส่ง แต่แทนที่จะเลือกซื้อรถมือสองที่สภาพยังใช้งานได้และราคาถูกกว่าหลายเท่า กลับไปเลือกรถใหม่ป้ายแดงที่มีราคาเกินฐานะเพียงเพื่อหน้าตาทางสังคม แลกกับการใช้ชีวิตอยู่อย่างแร้นแค้น ต้องจ่ายทั้งค่าผ่อนรถ ค่าน้ำมัน ค่าซ่อมบำรุง ค่าทางด่วน ค่าประกันอุบัติเหตุก็จำเป็นต้องจ่ายแต่คนส่วนใหญ่กลับไม่ยอมจ่าย เวลาเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาก็ไม่มีปัญญาจ่ายค่าเสียหาย แล้วส่วนใหญ่ก็จะถูกยึดรถภายในเวลาไม่ถึงปีเพราะไม่มีปัญญาผ่อน ที่ผ่อนไม่ไหวก็เพราะว่าไม่รู้จักประมาณตนและคิดเผื่อถึงอนาคตว่าจะเอาเงินที่ไหนมาผ่อนต่อถ้าการเงินต้องมาสะดุด ทำให้ต้องเสียเงินไปอย่างไร้ค่า
2. บ้านหรู
จริงๆ แล้วบ้านมันก็ไม่ได้หรูหราอะไรนักหรอก แค่ราคามันแพงเวอร์จนทำให้คนคิดว่ามันหรูไปซะอย่างงั้นเอง บ้านที่สามารถซื้อได้ ต้องมีราคาไม่เกิน 2.5 เท่าของรายได้ต่อปี ถ้ามีเงินเดือน 20,000 บาท ก็เท่ากับ 240,000 บาทต่อปี สามารถซื้อบ้านได้ในราคาไม่เกิน 600,000 บาท แต่คนส่วนใหญ่ก็ซื้อบ้านเหมือนซื้อรถนั่นแหละ เลือกหลังที่มีราคาเกินตัวเพราะคิดได้แค่ว่าจะมีโอกาสเติบโตในหน้าที่การงานหรือเผื่อเวลามีลูก แต่ไม่คิดเผื่อเลยว่าถ้าเกิดตกงานหรือหางานที่ได้เงินเดือนเยอะขึ้นไม่ได้แล้วจะทำยังไง ผลสุดท้ายก็ต้องเผชิญชะตากรรมแบบเดียวกับรถ
3. เที่ยวต่างประเทศบ่อยๆ
แค่ค่าตั๋วเครื่องบินก็หลายหมื่นแล้ว ค่าอาหาร ค่าที่ฟัก ค่าซื้อของ และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ในการท่องเที่ยว แล้วยังต้องเสี่ยงกับการถูกส่งตัวกลับไทยอีก พาสปอร์ตไทยยังไม่มีอำนาจมากพอที่จะเป็นที่ยอมรับของประเทศโลกที่หนึ่งอีกหลายประเทศ สำหรับคนรวยคงไม่มีผลกระทบทางด้านการเงินเท่าไหร่ แค่เซ็งๆ ที่ต้องถูกส่งตัวกลับ แต่สำหรับคนที่มีฐานะปานกลางหรือไม่ได้มีรายได้สูงเท่าไหร่ก็คงไม่ไหวแน่ๆ ถ้าอยากไปเที่ยวประเทศโซนยุโรป อเมริกา ออสเตรเลีย เกาหลีใต้ และญี่ปุ่นบ่อยๆ
4. ของตกแต่งบ้านและเครื่องใช้ไฟฟ้า
ถ้ามีปัญญาซื้อได้ด้วยเงินสดก็ดีไป เพราะของแบบนี้เราไม่ได้ซื้อทุกวันเหมือนซื้อข้าวกิน แต่ถ้าต้องผ่อนก็อาจจะไม่คุ้ม ถึงแม้ว่าทางร้านจะมีโปรโมชั่นพิเศษจ่ายน้อยผ่อนสบายก็ตาม แต่ราคาที่เราต้องผ่อนจะมากกว่าราคาที่เราจ่ายสดสองเท่าหรือมากกว่านั้น พูดง่ายๆ คือ กว่าจะผ่อนหมดก็ซื้อเฟอร์นิเจอร์หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าแบบเดียวกันได้อีกอันนึง ถ้าไม่มีปัญญาผ่อนก็ต้องถูกยึดไปอีกตามระเบียบ
5. ค่าบริการมือถือ
คนส่วนใหญ่จะจ่ายค่าบริการรายเดือนแพงๆ แต่ใช้ไม่คุ้มกับเงินที่ต้องเสียไปในแต่ละเดือน ทั้งๆ ที่มีทางเลือกที่ดีกว่านี้แต่ไม่เอา กลับไปเสียเงินกับค่าบริการที่ตัวเองไม่ค่อยได้ใช้ ทำให้ต้องเสียเงินไปโดยใช่เหตุ จนทำให้มีผลกระทบกับการเก็บเงิน เพราะทำให้เก็บเงินได้น้อยลง
6. บัตรกดเงินสดและบัตรเครดิต
มีหลายกระทู้ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับหนี้บัตรกดเงินสดอย่างอิออน ยูเมะพลัส และบัตรกดเงินสดจากสถาบันการเงินอื่นๆ ข้อเสียของบัตรเหล่านี้ก็คือ ไม่มีระยะเวลาปลอดดอกเบี้ย และดอกเบี้ยก็สูงมากด้วย ถึงแม้ว่าบัตรเครดิตจะมีระยะเวลาปลอดดอกเบี้ยก็ตาม แต่ถ้าเราไม่มีวินัยในการจ่ายคืนแบบเต็มจำนวนทุกเดือนทั้งบัตรกดเงินสดและบัตรเครดิต ดอกเบี้ยก็จะงอกเงยทบต้นทบดอกจนผ่อนต่อไม่ไหว ทำให้เครดิตเสียหรือติดบูโรจนไม่สามารถกู้ยืมเงินในระบบกับสถาบันการเงินที่ถูกกฏหมายได้ ต้องไปกู้เงินนอกระบบที่คิดค่าดอกเบี้ยโหดๆ และไม่รับประกันความปลอดภัยถ้าไม่สามารถนำเงินทั้งต้นทั้งดอกไปปิดยอดได้ ทำให้ต้องใช้ชีวิตอยู่เหมือนตายทั้งเป็น
7. เหล้า/เบียร์
นอกจากจะมีผลเสียต่อสุขภาพร่างกายและก่อให้เกิดอุบัติเหตุและอาชญากรรมแล้ว ก็ยังทำให้ไม่มีเงินเหลือเก็บอีกด้วย ลองคิดดูเล่นๆ สมมุติว่าเบียร์ขวดละ 55 บาท ถ้าดื่มทุกวันก็ต้องเสียเงินเกิน 20,000 บาทต่อปี เป็นจำนวนเงินไม่ใช่น้อยๆ ที่ต้องเสียไปกับของไร้ประโยชน์แบบนี้ ถ้าเลิกได้ก็ควรเลิก หรือลดปริมาณในการดื่มให้น้อยลง
8. บุหรี่
มีผลเสียต่อร่างกายและเงินในกระเป๋าไม่ต่างอะไรกับเหล้าหรือเบียร์ คิดเป็นเงินง่ายๆ ประมาณ 60 ถึง 160 บาทต่อมวน ขึ้นอยู่กับว่าเป็นของไทยหรือของนอก ถ้าซื้ออาทิตย์ละมวน ก็เป็นเงินหลายพันบาทที่ต้องเสียไปในแต่ละปี แต่ไม่ว่าจะเป็นบุหรี่ยี่ห้อไหน ก็ก่อให้เกิดโทษต่อร่างกายและเงินเก็บไม่แพ้กัน นอกจากจะให้โทษแก่ผู้สูบแล้ว กลิ่นบุหรี่ก็ยังเป็นอันตรายต่อคนรอบข้างที่ต้องใช้พื้นที่สาธารณะร่วมกับผู้สูบอีกด้วย ถ้าเลิกได้ก็เลิก แต่ถ้าไม่เริ่มสูบเลยจะดีที่สุด ประหยัดเงินและรักษาสุขภาพ ไม่เป็นที่รังเกียจของคนทั่วไปที่ต้องใช้พื้นที่ร่วมกันด้วย
9. ค่าอินเตอร์เน็ต
ไม่ต่างอะไรกับค่าบริการมือถือ ถ้าใช้แล้วไม่คุ้มค่ากับเงินที่ต้องจ่ายในแต่ละเดือน ก็เหมือนกับเอาเงินที่ควรจะเก็บได้ไปทิ้งโดยเปล่าประโยชน์
10. เสื้อผ้าเด็กแรกเกิดหรือเด็กอ่อน
สำหรับคนที่ยังไม่มีลูกหรือไม่คิดจะมีลูกก็ดีไป ไม่ต้องเอาเงินมาใช้จ่ายในส่วนนี้ แต่ถ้าต้องซื้อเสื้อผ้าให้ลูก ก็ไม่ควรซื้อแบบแบรนด์เนมราคาแพงๆ เพราะร่างกายเด็กเจริญเติบโตขึ้นทุกปี เสื้อผ้าที่ซื้อมาในปีแรกหรือปีถัดไปอีกสองสามปีก็ใส่ไม่ได้แล้ว ต้องเปลี่ยนให้ใหญ่ขึ้นตามการเจริญเติบโตของลูก ทำให้ต้องเสียเงินโดยใช่เหตุที่ซื้อของแบรนด์เนมแบบนี้ แทนที่จะมีเงินเหลือเก็บมากขึ้น
11. สินค้าแบรนด์เนม
ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า นาฬิกา หรืออะไรก็แล้วแต่ที่เราต้องซื้อเพราะไม่อยากน้อยหน้าคนอื่น เห็นเค้ามีได้ เราก็ต้องมีได้ แต่ไม่รู้จักประมาณตนว่ามีความสามารถในการหาเงินได้เหมือนเค้าหรือเปล่า ของแบรนด์เนมบางอย่างมีราคาหลายหมื่นจนถึงหลักล้าน ถ้าซื้อด้วยเงินสดไม่ได้ ก็แปลว่ารายได้ยังไม่สูงพอที่จะซื้อของแบรนด์เนมเหล่านั้น ถ้าต้องซื้อด้วยเงินผ่อนจากบัตรกดเงินสดหรือบัตรเครดิต นอกจากจะทำให้ไม่มีเงินเหลือเก็บแล้ว มันยังทำให้เราต้องเป็นหนี้โดยใช่เหตุอีกต่างหาก
12. เครื่องสำอาง High-End
ใครเป็นผู้ชายก็โชคดีไป ไม่ต้องเสียเงินกับเครื่องสำอาง แต่ถ้าอยากแต่งหน้าเหมือนผู้หญิง ก็อย่าเอาที่มันแพงเกินตัวก็แล้วกัน 555 ส่วนเรื่องเงินเก็บก็เหตุผลเดียวกับของแบรนด์เนม ถ้าซื้อของแพงก็เหลือเงินเก็บน้อยลง แล้วก็อาจจะเป็นหนี้เพิ่มขี้น
13. กินหรู
นานๆ เข้าไปกินทีเพื่อเป็นการให้รางวัลตัวเอง หรือไปกินกับแฟน พ่อแม่ พี่น้อง หรือเพื่อนฝูงเนื่องในโอกาสพิเศษปีละครั้งสองครั้งในภัตตาคารอย่าง เอ็มเค ฟูจิ และร้านอาหารราคาแพงๆ ร้านอื่นๆ ก็คงไม่เท่าไหร่ แต่ถ้าต้องไปกินบ่อยๆ เอาหน้าเอาตา เห็นคนอื่นกินหรูบ่อยๆ ได้ก็อยากเอาเหมือนเค้าบ้าง แต่ไม่มีเงินเท่าเค้า ถ้าประหยัดได้ก็ควรประหยัด ควรหาร้านทั่วไปที่ขายอาหารราคาหลักสิบ หรือไม่ก็ซื้ออาหารจากตลาดสดมาทำกินเองที่บ้านและห่อไปกินที่ที่ทำงาน
14. อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
อย่างเช่น มือถือและแท็บเล็ต ของมันต้องมี และต้องเปลี่ยนใหม่เสมอๆ เพื่อไม่ให้น้อยหน้าใคร ต้องซื้อรุ่นใหม่ทุกครั้งที่ออกตลาด ทั้งๆ ที่รุ่นที่ตัวเองมีอยู่ยังผ่อนไม่หมดก็จะเอารุ่นใหม่ซะแล้ว ต้องใช้แต่ Apple เท่านั้น Android ไม่เอา กลัวคนอื่นหาว่ากระจอก เสียเงินไม่ว่าแต่เสียหน้าไม่ได้ เพื่อไอโฟน ไอทำได้ทุกอย่าง 555
15. กาแฟแพงๆ
กาแฟที่ว่านี้ คือกาแฟที่ขายในราคาหลักร้อยต่อแก้ว อย่างเช่น Starbucks และร้านกาแฟ High-End อื่นๆ เคยอ่านกระทู้นึงที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับกาแฟ Starbucks ว่าเป็นกาแฟที่ใครๆ ก็ดื่มได้ในประเทศโลกที่หนึ่งอย่างอเมริกาและยุโรป จะดื่มทุกวันก็ยังได้ เพราะค่าแรงขั้นต่ำของประเทศเหล่านี้สูงกว่าไทยหลายเท่า จนทำให้กาแฟราคาหลักร้อยในไทยดูธรรมดามาก แต่สำหรับคนไทยส่วนใหญ่แล้วมันไม่ใช่ ถ้ารายได้ไม่ถึงสามหมื่นต่อเดือนนี่ไม่มีทางดื่มทุกวันได้แน่ๆ กาแฟก็เป็นสิ่งเสพติดชนิดหนึ่งไม่ต่างอะไรกับเหล้าและบุหรี่ ติดแล้วเลิกยากหรือเลิกไม่ได้จนตัวตายก็มี ถ้าจำเป็นต้องดื่มทุกวันเพื่อความตื่นตัวและความกระปรี้กระเปร่าในการทำงาน ก็ควรจะชงกินเอง ไปกินของฟรีที่ที่ทำงาน หรือไม่ก็หาซื้อจากที่ที่ขายในราคาถูกๆ
16. หวย
ซื้อมันเข้าไป ซื้อได้ทุกวี่ทุกวันไม่ต่างอะไรกับซื้อเบียร์ดื่ม ซื้อบ่อยแค่ไหนก็ไม่ทำให้รวย มีรวยเพราะโชคดีถูกรางวัลที่หนึ่งแค่ไม่กี่คน หรือไม่ก็อาจจะมีถูกเลขท้ายสองหรือสามตัว แต่ก็ได้เงินไม่เท่ากับเงินที่เสียไปกับค่าหวยในแต่ละครั้งที่ซื้อ สมมุติว่าหวยชุดละ 80 บาท ปีนึงก็เกิน 20,000 บาทถ้าซื้อทุกวัน ซึ่งเป็นจำนวนเงินไม่ใช่น้อยที่สามารถเก็บออมได้เพื่อนำไปลงทุนอย่างอื่น โอกาสที่หิมะจะตกในประเทศไทยยังสูงกว่าโอกาสที่จะถูกหวยรางวัลที่หนึ่งซะอีก
17. ของถูก
เห็นว่าถูกก็ซื้อกันใหญ่ เห็นว่าลดกระหน่ำก็ซื้อกันเข้าไปโดยที่ไม่คำนึงว่ามันจำเป็นหรือไม่ แค่เห็นว่าราคามันถูกก็ซื้อไว้ก่อนเพราะกลัวคนอื่นจะแย่งไปถ้าไม่รีบซื้อ แทนที่จะเก็บเงินไว้ซื้ออย่างอื่นที่มันจำเป็น เงินเก็บไม่ต้องพูดถึง จะเหลือเหรอแบบนี้
18. อุปกรณ์เสริมความงาม High-End
ซื้อครีมกระปุกนึงราคาเป็นหมื่นอะไรงี้ นอกจากนั้นแล้วก็ยังไปเสียเงินเข้าคอร์สเสริมความงามราคาเป็นพันเป็นหมื่นอีก แล้วคอร์สพวกนี้ส่วนใหญ่จะมีหลายคอร์ส ไม่ใช่ทำแค่คอร์สเดียวแล้วจบ บางคนก็ต้องไปทำทุกเดือน ต้องเสียเงินไปเท่าไหร่ ถ้าคนที่รวยมากก็คงไม่เป็นไร ขนหน้าแข้งไม่ร่วง แต่ส่วนใหญ่จะไม่ใช่อย่างงั้นน่ะสิ ต้องเอาเงินในอนาคตอย่างบัตรกดเงินสดหรือบัตรเครดิตมาใช้ สุดท้ายก็จ่ายไม่ไหวเพราะใช้เงินเกินตัว
แล้วอย่างนี้จะไม่ให้อยู่แบบชักหน้าไม่ถึงหลังได้ยังไง มีร้อยแต่ใช้ร้อยห้าสิบ รายได้ต่ำแต่รสนิยมสูง เสียเงินไม่ว่าแต่เสียหน้าไม่ได้ คนอื่นมีได้ กูก็ต้องมีมั่ง ต่อให้ไม่มีเงินเก็บก็ยอม ต่อให้เป็นหนี้ก็ยอม ต่อให้ต้องหน้าด้านหน้าทนไปยืมเงินคนอื่นก็ยอม แต่ของมันต้องมี ไม่งั้นไม่ยอม
18 สิ่งที่ซื้อไปแล้วอาจจะทำให้คุณต้องใช้ชีวิตแบบชักหน้าไม่ถึงหลัง มีอะไรบ้างไปดูกันเลย
เคยสังเกตมั้ย ว่าทำไมตัวเราเองหรือคนอื่นๆ ถึงไม่ค่อยมีเงินเก็บ เพราะอะไรถึงเก็บเงินไม่อยู่ ทำไมถึงเป็นหนี้ เงินที่ได้มาต้องหมดไปกับค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง และนี่คือ 18 สิ่งที่จะทำให้คุณต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบากเพราะเงินที่ต้องเสียไปกับสิ่งเหล่านี้
1. รถใหม่
รถเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับคนหลายคนไม่แพ้ที่อยู่อาศัย คนส่วนใหญ่จำเป็นต้องใช้รถในการคมนาคมขนส่ง แต่แทนที่จะเลือกซื้อรถมือสองที่สภาพยังใช้งานได้และราคาถูกกว่าหลายเท่า กลับไปเลือกรถใหม่ป้ายแดงที่มีราคาเกินฐานะเพียงเพื่อหน้าตาทางสังคม แลกกับการใช้ชีวิตอยู่อย่างแร้นแค้น ต้องจ่ายทั้งค่าผ่อนรถ ค่าน้ำมัน ค่าซ่อมบำรุง ค่าทางด่วน ค่าประกันอุบัติเหตุก็จำเป็นต้องจ่ายแต่คนส่วนใหญ่กลับไม่ยอมจ่าย เวลาเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาก็ไม่มีปัญญาจ่ายค่าเสียหาย แล้วส่วนใหญ่ก็จะถูกยึดรถภายในเวลาไม่ถึงปีเพราะไม่มีปัญญาผ่อน ที่ผ่อนไม่ไหวก็เพราะว่าไม่รู้จักประมาณตนและคิดเผื่อถึงอนาคตว่าจะเอาเงินที่ไหนมาผ่อนต่อถ้าการเงินต้องมาสะดุด ทำให้ต้องเสียเงินไปอย่างไร้ค่า
2. บ้านหรู
จริงๆ แล้วบ้านมันก็ไม่ได้หรูหราอะไรนักหรอก แค่ราคามันแพงเวอร์จนทำให้คนคิดว่ามันหรูไปซะอย่างงั้นเอง บ้านที่สามารถซื้อได้ ต้องมีราคาไม่เกิน 2.5 เท่าของรายได้ต่อปี ถ้ามีเงินเดือน 20,000 บาท ก็เท่ากับ 240,000 บาทต่อปี สามารถซื้อบ้านได้ในราคาไม่เกิน 600,000 บาท แต่คนส่วนใหญ่ก็ซื้อบ้านเหมือนซื้อรถนั่นแหละ เลือกหลังที่มีราคาเกินตัวเพราะคิดได้แค่ว่าจะมีโอกาสเติบโตในหน้าที่การงานหรือเผื่อเวลามีลูก แต่ไม่คิดเผื่อเลยว่าถ้าเกิดตกงานหรือหางานที่ได้เงินเดือนเยอะขึ้นไม่ได้แล้วจะทำยังไง ผลสุดท้ายก็ต้องเผชิญชะตากรรมแบบเดียวกับรถ
3. เที่ยวต่างประเทศบ่อยๆ
แค่ค่าตั๋วเครื่องบินก็หลายหมื่นแล้ว ค่าอาหาร ค่าที่ฟัก ค่าซื้อของ และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ในการท่องเที่ยว แล้วยังต้องเสี่ยงกับการถูกส่งตัวกลับไทยอีก พาสปอร์ตไทยยังไม่มีอำนาจมากพอที่จะเป็นที่ยอมรับของประเทศโลกที่หนึ่งอีกหลายประเทศ สำหรับคนรวยคงไม่มีผลกระทบทางด้านการเงินเท่าไหร่ แค่เซ็งๆ ที่ต้องถูกส่งตัวกลับ แต่สำหรับคนที่มีฐานะปานกลางหรือไม่ได้มีรายได้สูงเท่าไหร่ก็คงไม่ไหวแน่ๆ ถ้าอยากไปเที่ยวประเทศโซนยุโรป อเมริกา ออสเตรเลีย เกาหลีใต้ และญี่ปุ่นบ่อยๆ
4. ของตกแต่งบ้านและเครื่องใช้ไฟฟ้า
ถ้ามีปัญญาซื้อได้ด้วยเงินสดก็ดีไป เพราะของแบบนี้เราไม่ได้ซื้อทุกวันเหมือนซื้อข้าวกิน แต่ถ้าต้องผ่อนก็อาจจะไม่คุ้ม ถึงแม้ว่าทางร้านจะมีโปรโมชั่นพิเศษจ่ายน้อยผ่อนสบายก็ตาม แต่ราคาที่เราต้องผ่อนจะมากกว่าราคาที่เราจ่ายสดสองเท่าหรือมากกว่านั้น พูดง่ายๆ คือ กว่าจะผ่อนหมดก็ซื้อเฟอร์นิเจอร์หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าแบบเดียวกันได้อีกอันนึง ถ้าไม่มีปัญญาผ่อนก็ต้องถูกยึดไปอีกตามระเบียบ
5. ค่าบริการมือถือ
คนส่วนใหญ่จะจ่ายค่าบริการรายเดือนแพงๆ แต่ใช้ไม่คุ้มกับเงินที่ต้องเสียไปในแต่ละเดือน ทั้งๆ ที่มีทางเลือกที่ดีกว่านี้แต่ไม่เอา กลับไปเสียเงินกับค่าบริการที่ตัวเองไม่ค่อยได้ใช้ ทำให้ต้องเสียเงินไปโดยใช่เหตุ จนทำให้มีผลกระทบกับการเก็บเงิน เพราะทำให้เก็บเงินได้น้อยลง
6. บัตรกดเงินสดและบัตรเครดิต
มีหลายกระทู้ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับหนี้บัตรกดเงินสดอย่างอิออน ยูเมะพลัส และบัตรกดเงินสดจากสถาบันการเงินอื่นๆ ข้อเสียของบัตรเหล่านี้ก็คือ ไม่มีระยะเวลาปลอดดอกเบี้ย และดอกเบี้ยก็สูงมากด้วย ถึงแม้ว่าบัตรเครดิตจะมีระยะเวลาปลอดดอกเบี้ยก็ตาม แต่ถ้าเราไม่มีวินัยในการจ่ายคืนแบบเต็มจำนวนทุกเดือนทั้งบัตรกดเงินสดและบัตรเครดิต ดอกเบี้ยก็จะงอกเงยทบต้นทบดอกจนผ่อนต่อไม่ไหว ทำให้เครดิตเสียหรือติดบูโรจนไม่สามารถกู้ยืมเงินในระบบกับสถาบันการเงินที่ถูกกฏหมายได้ ต้องไปกู้เงินนอกระบบที่คิดค่าดอกเบี้ยโหดๆ และไม่รับประกันความปลอดภัยถ้าไม่สามารถนำเงินทั้งต้นทั้งดอกไปปิดยอดได้ ทำให้ต้องใช้ชีวิตอยู่เหมือนตายทั้งเป็น
7. เหล้า/เบียร์
นอกจากจะมีผลเสียต่อสุขภาพร่างกายและก่อให้เกิดอุบัติเหตุและอาชญากรรมแล้ว ก็ยังทำให้ไม่มีเงินเหลือเก็บอีกด้วย ลองคิดดูเล่นๆ สมมุติว่าเบียร์ขวดละ 55 บาท ถ้าดื่มทุกวันก็ต้องเสียเงินเกิน 20,000 บาทต่อปี เป็นจำนวนเงินไม่ใช่น้อยๆ ที่ต้องเสียไปกับของไร้ประโยชน์แบบนี้ ถ้าเลิกได้ก็ควรเลิก หรือลดปริมาณในการดื่มให้น้อยลง
8. บุหรี่
มีผลเสียต่อร่างกายและเงินในกระเป๋าไม่ต่างอะไรกับเหล้าหรือเบียร์ คิดเป็นเงินง่ายๆ ประมาณ 60 ถึง 160 บาทต่อมวน ขึ้นอยู่กับว่าเป็นของไทยหรือของนอก ถ้าซื้ออาทิตย์ละมวน ก็เป็นเงินหลายพันบาทที่ต้องเสียไปในแต่ละปี แต่ไม่ว่าจะเป็นบุหรี่ยี่ห้อไหน ก็ก่อให้เกิดโทษต่อร่างกายและเงินเก็บไม่แพ้กัน นอกจากจะให้โทษแก่ผู้สูบแล้ว กลิ่นบุหรี่ก็ยังเป็นอันตรายต่อคนรอบข้างที่ต้องใช้พื้นที่สาธารณะร่วมกับผู้สูบอีกด้วย ถ้าเลิกได้ก็เลิก แต่ถ้าไม่เริ่มสูบเลยจะดีที่สุด ประหยัดเงินและรักษาสุขภาพ ไม่เป็นที่รังเกียจของคนทั่วไปที่ต้องใช้พื้นที่ร่วมกันด้วย
9. ค่าอินเตอร์เน็ต
ไม่ต่างอะไรกับค่าบริการมือถือ ถ้าใช้แล้วไม่คุ้มค่ากับเงินที่ต้องจ่ายในแต่ละเดือน ก็เหมือนกับเอาเงินที่ควรจะเก็บได้ไปทิ้งโดยเปล่าประโยชน์
10. เสื้อผ้าเด็กแรกเกิดหรือเด็กอ่อน
สำหรับคนที่ยังไม่มีลูกหรือไม่คิดจะมีลูกก็ดีไป ไม่ต้องเอาเงินมาใช้จ่ายในส่วนนี้ แต่ถ้าต้องซื้อเสื้อผ้าให้ลูก ก็ไม่ควรซื้อแบบแบรนด์เนมราคาแพงๆ เพราะร่างกายเด็กเจริญเติบโตขึ้นทุกปี เสื้อผ้าที่ซื้อมาในปีแรกหรือปีถัดไปอีกสองสามปีก็ใส่ไม่ได้แล้ว ต้องเปลี่ยนให้ใหญ่ขึ้นตามการเจริญเติบโตของลูก ทำให้ต้องเสียเงินโดยใช่เหตุที่ซื้อของแบรนด์เนมแบบนี้ แทนที่จะมีเงินเหลือเก็บมากขึ้น
11. สินค้าแบรนด์เนม
ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า นาฬิกา หรืออะไรก็แล้วแต่ที่เราต้องซื้อเพราะไม่อยากน้อยหน้าคนอื่น เห็นเค้ามีได้ เราก็ต้องมีได้ แต่ไม่รู้จักประมาณตนว่ามีความสามารถในการหาเงินได้เหมือนเค้าหรือเปล่า ของแบรนด์เนมบางอย่างมีราคาหลายหมื่นจนถึงหลักล้าน ถ้าซื้อด้วยเงินสดไม่ได้ ก็แปลว่ารายได้ยังไม่สูงพอที่จะซื้อของแบรนด์เนมเหล่านั้น ถ้าต้องซื้อด้วยเงินผ่อนจากบัตรกดเงินสดหรือบัตรเครดิต นอกจากจะทำให้ไม่มีเงินเหลือเก็บแล้ว มันยังทำให้เราต้องเป็นหนี้โดยใช่เหตุอีกต่างหาก
12. เครื่องสำอาง High-End
ใครเป็นผู้ชายก็โชคดีไป ไม่ต้องเสียเงินกับเครื่องสำอาง แต่ถ้าอยากแต่งหน้าเหมือนผู้หญิง ก็อย่าเอาที่มันแพงเกินตัวก็แล้วกัน 555 ส่วนเรื่องเงินเก็บก็เหตุผลเดียวกับของแบรนด์เนม ถ้าซื้อของแพงก็เหลือเงินเก็บน้อยลง แล้วก็อาจจะเป็นหนี้เพิ่มขี้น
13. กินหรู
นานๆ เข้าไปกินทีเพื่อเป็นการให้รางวัลตัวเอง หรือไปกินกับแฟน พ่อแม่ พี่น้อง หรือเพื่อนฝูงเนื่องในโอกาสพิเศษปีละครั้งสองครั้งในภัตตาคารอย่าง เอ็มเค ฟูจิ และร้านอาหารราคาแพงๆ ร้านอื่นๆ ก็คงไม่เท่าไหร่ แต่ถ้าต้องไปกินบ่อยๆ เอาหน้าเอาตา เห็นคนอื่นกินหรูบ่อยๆ ได้ก็อยากเอาเหมือนเค้าบ้าง แต่ไม่มีเงินเท่าเค้า ถ้าประหยัดได้ก็ควรประหยัด ควรหาร้านทั่วไปที่ขายอาหารราคาหลักสิบ หรือไม่ก็ซื้ออาหารจากตลาดสดมาทำกินเองที่บ้านและห่อไปกินที่ที่ทำงาน
14. อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
อย่างเช่น มือถือและแท็บเล็ต ของมันต้องมี และต้องเปลี่ยนใหม่เสมอๆ เพื่อไม่ให้น้อยหน้าใคร ต้องซื้อรุ่นใหม่ทุกครั้งที่ออกตลาด ทั้งๆ ที่รุ่นที่ตัวเองมีอยู่ยังผ่อนไม่หมดก็จะเอารุ่นใหม่ซะแล้ว ต้องใช้แต่ Apple เท่านั้น Android ไม่เอา กลัวคนอื่นหาว่ากระจอก เสียเงินไม่ว่าแต่เสียหน้าไม่ได้ เพื่อไอโฟน ไอทำได้ทุกอย่าง 555
15. กาแฟแพงๆ
กาแฟที่ว่านี้ คือกาแฟที่ขายในราคาหลักร้อยต่อแก้ว อย่างเช่น Starbucks และร้านกาแฟ High-End อื่นๆ เคยอ่านกระทู้นึงที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับกาแฟ Starbucks ว่าเป็นกาแฟที่ใครๆ ก็ดื่มได้ในประเทศโลกที่หนึ่งอย่างอเมริกาและยุโรป จะดื่มทุกวันก็ยังได้ เพราะค่าแรงขั้นต่ำของประเทศเหล่านี้สูงกว่าไทยหลายเท่า จนทำให้กาแฟราคาหลักร้อยในไทยดูธรรมดามาก แต่สำหรับคนไทยส่วนใหญ่แล้วมันไม่ใช่ ถ้ารายได้ไม่ถึงสามหมื่นต่อเดือนนี่ไม่มีทางดื่มทุกวันได้แน่ๆ กาแฟก็เป็นสิ่งเสพติดชนิดหนึ่งไม่ต่างอะไรกับเหล้าและบุหรี่ ติดแล้วเลิกยากหรือเลิกไม่ได้จนตัวตายก็มี ถ้าจำเป็นต้องดื่มทุกวันเพื่อความตื่นตัวและความกระปรี้กระเปร่าในการทำงาน ก็ควรจะชงกินเอง ไปกินของฟรีที่ที่ทำงาน หรือไม่ก็หาซื้อจากที่ที่ขายในราคาถูกๆ
16. หวย
ซื้อมันเข้าไป ซื้อได้ทุกวี่ทุกวันไม่ต่างอะไรกับซื้อเบียร์ดื่ม ซื้อบ่อยแค่ไหนก็ไม่ทำให้รวย มีรวยเพราะโชคดีถูกรางวัลที่หนึ่งแค่ไม่กี่คน หรือไม่ก็อาจจะมีถูกเลขท้ายสองหรือสามตัว แต่ก็ได้เงินไม่เท่ากับเงินที่เสียไปกับค่าหวยในแต่ละครั้งที่ซื้อ สมมุติว่าหวยชุดละ 80 บาท ปีนึงก็เกิน 20,000 บาทถ้าซื้อทุกวัน ซึ่งเป็นจำนวนเงินไม่ใช่น้อยที่สามารถเก็บออมได้เพื่อนำไปลงทุนอย่างอื่น โอกาสที่หิมะจะตกในประเทศไทยยังสูงกว่าโอกาสที่จะถูกหวยรางวัลที่หนึ่งซะอีก
17. ของถูก
เห็นว่าถูกก็ซื้อกันใหญ่ เห็นว่าลดกระหน่ำก็ซื้อกันเข้าไปโดยที่ไม่คำนึงว่ามันจำเป็นหรือไม่ แค่เห็นว่าราคามันถูกก็ซื้อไว้ก่อนเพราะกลัวคนอื่นจะแย่งไปถ้าไม่รีบซื้อ แทนที่จะเก็บเงินไว้ซื้ออย่างอื่นที่มันจำเป็น เงินเก็บไม่ต้องพูดถึง จะเหลือเหรอแบบนี้
18. อุปกรณ์เสริมความงาม High-End
ซื้อครีมกระปุกนึงราคาเป็นหมื่นอะไรงี้ นอกจากนั้นแล้วก็ยังไปเสียเงินเข้าคอร์สเสริมความงามราคาเป็นพันเป็นหมื่นอีก แล้วคอร์สพวกนี้ส่วนใหญ่จะมีหลายคอร์ส ไม่ใช่ทำแค่คอร์สเดียวแล้วจบ บางคนก็ต้องไปทำทุกเดือน ต้องเสียเงินไปเท่าไหร่ ถ้าคนที่รวยมากก็คงไม่เป็นไร ขนหน้าแข้งไม่ร่วง แต่ส่วนใหญ่จะไม่ใช่อย่างงั้นน่ะสิ ต้องเอาเงินในอนาคตอย่างบัตรกดเงินสดหรือบัตรเครดิตมาใช้ สุดท้ายก็จ่ายไม่ไหวเพราะใช้เงินเกินตัว
แล้วอย่างนี้จะไม่ให้อยู่แบบชักหน้าไม่ถึงหลังได้ยังไง มีร้อยแต่ใช้ร้อยห้าสิบ รายได้ต่ำแต่รสนิยมสูง เสียเงินไม่ว่าแต่เสียหน้าไม่ได้ คนอื่นมีได้ กูก็ต้องมีมั่ง ต่อให้ไม่มีเงินเก็บก็ยอม ต่อให้เป็นหนี้ก็ยอม ต่อให้ต้องหน้าด้านหน้าทนไปยืมเงินคนอื่นก็ยอม แต่ของมันต้องมี ไม่งั้นไม่ยอม