สวัสดีครับชาวพันทิป ตามหัวข้อกระทู้เลยครับ ความจริงแล้วผมเพิ่งมารู้ตัวเองว่ามีกลิ่นปากก็เมื่อตอนโควิดนี่เอง เพราะว่าต้องใส่แมส์ เลยสัมผัสได้กับกลิ่นปากของตัวเอง ที่ผ่านมาไม่อยากจะคิดเลยว่าคนรอบตัวจะได้กลิ่นเราไปคงจะมากมาย แต่เพราะคนรอบข้างน่าจะมีความเกรงใจผมพอสมควร เลยไม่มีใครเคยบอกและทักผมเลย จนมารู้ด้วยตัวเอง
ผมบอกเลยว่ามีหลายๆกระทู้ที่เป็นข้อแนะนำในการแก้ปัญหากลิ่นปากที่ดีมากๆ และเป็นประโยชน์กับทุกท่านได้ดีเลยทีเดียว แต่ประเด็นก็คือต้นตอของปัญหาแต่ละคนอาจจะไม่เหมือนกัน ทำให้บางคนอาจจะท้อแท้ เพราะไม่รุ้ว่าจะเริ่มตรงไหน หรือโฟกัสการดูแลรักษาตรงไหนดี
ผมเลยอยากจะเขียนกระทู้นี้ เป็นกำลังใจให้ทุกคนที่กำลังต่อสู้กับปัญหานี้ อย่าเพิ่งท้อแท้ มันหายได้จริงๆครับ และผมพร้อมให้คำปรึกษาทุกคนอย่างเต็มใจ และเต็มที่เลยครับ หลังไมค์มาได้เลยครับ ผมเครียดจนเป็นแพนิค ไม่มีความสุขในการใช้ชีวิตเป็นอย่างมาก แต่สุดท้ายยยยย ความพยายามของผมก็ประสบผลสำเร็จ!!!!! ขอยืมคำที่พี่ๆหลายเคยหายจากโรคกลิ่นปากมาใช้ครับ ว่าเหมือนได้ชีวิตใหม่จริงๆครับ
ผมจะสรุปปัญหาและวิธีแก้ของผมนะครับ ปัญหาของผม ผมมองข้ามมันมาโดยตลอด เส้นผมบังภูเขาจริงๆ นั่นคือ ต้นตอของกลิ่นมาจากขี้ฟันตรงซอกฟันกรามซี่ในสุดนี่เองครับ และอีกจุดก็คือลิ้นครับ เจ้าแบคทีเรียที่สะสมตรงซอกฟันคงมาฝังลึกอยู่ที่ลิ้นของผมด้วยอีกจุด
วิธีรักษา
1. ลิ้น >>>> ผมไปเจอกระทู้นึง เขาใช้ไฮโดนเจนเปอออกไซด์ (3%) ผสมน้ำแล้วอมแล้วบ้วน ต่อด้วยการขูดลิ้น จนสะอาด ทำแบบนี้อาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง
วิธีนี้จะเป็นการฆ่าแบคทีเรียที่มันฝังลึกอยู่ที่ลิ้นเรา ทำไปเรื่อยๆ สุดท้ายลิ้นเราก็สะอาดแล้วครับ
2. ซอกฟัน >>> ใช้ไหมขัดฟัน และแปรงซอกฟัน (อันเล็กๆ) เพื่อทำความสะอาดไม่ให้มีเศษอาหารติดฟัน ซึ่งเป็นต้นตอของแบคทีเรียที่เกิดกลิ่นปากของเรานี่แหละครับ !!!! เน้นขัดเช้าเย็นทุกซี่นะครับ ผมเลยลองขัดฟันแล้วไม่หาย เลยถอดใจไป แต่ความจริงแล้วผมขัดไม่สะอาดเองครับ 55555 มาตั้งใจขัดคราวนี้ เจอขี้ฟันตรงซอกฟันกรามซี่ใน โอ้วววววว นี่ไงงงงเจอตัวการละ ช่วงแรกๆ ทำเช้า กลางวัน เย็น เลยนะครับ รับรองสะอาดแน่
หลังจากนั้น ผมสัมผัสได้เลยว่าปากสะอาด ไม่ปากหนักเหมือนแต่ก่อน ทีนี้กินอะไรไป แค่ล้างปาก ขัดฟัน บ้วนปาก ก็รู้สึกสะอาดไม่เหมือนแต่ก่อนเลยครับ
ตอนนี้ผมมีความสุขมากๆ เริ่มใช้ชีวิตแบบกล้าพูด กล้าคุยกับตนอื่นระยะใกล้ๆ และไม่เป็นกังวลอีกแล้ว (แต่ก็มีระแวงบ้างเล็กน้อย)
ใครอยากแลกเปลี่ยนหรือปรึกษา ยินดีครับ ผมลองมาทุกวิธี เชื่อว่าน่าจะแลกเปลี่ยนและแนะนำทุกคนได้ ไม่มากก็น้อยครับ
ผมคือคนที่สู้กับปัญหาปากเหม็นเรื้อรังมาอย่างยาวนาน จนตอนนี้ประสบความสำเร็จ!!
ผมบอกเลยว่ามีหลายๆกระทู้ที่เป็นข้อแนะนำในการแก้ปัญหากลิ่นปากที่ดีมากๆ และเป็นประโยชน์กับทุกท่านได้ดีเลยทีเดียว แต่ประเด็นก็คือต้นตอของปัญหาแต่ละคนอาจจะไม่เหมือนกัน ทำให้บางคนอาจจะท้อแท้ เพราะไม่รุ้ว่าจะเริ่มตรงไหน หรือโฟกัสการดูแลรักษาตรงไหนดี
ผมเลยอยากจะเขียนกระทู้นี้ เป็นกำลังใจให้ทุกคนที่กำลังต่อสู้กับปัญหานี้ อย่าเพิ่งท้อแท้ มันหายได้จริงๆครับ และผมพร้อมให้คำปรึกษาทุกคนอย่างเต็มใจ และเต็มที่เลยครับ หลังไมค์มาได้เลยครับ ผมเครียดจนเป็นแพนิค ไม่มีความสุขในการใช้ชีวิตเป็นอย่างมาก แต่สุดท้ายยยยย ความพยายามของผมก็ประสบผลสำเร็จ!!!!! ขอยืมคำที่พี่ๆหลายเคยหายจากโรคกลิ่นปากมาใช้ครับ ว่าเหมือนได้ชีวิตใหม่จริงๆครับ
ผมจะสรุปปัญหาและวิธีแก้ของผมนะครับ ปัญหาของผม ผมมองข้ามมันมาโดยตลอด เส้นผมบังภูเขาจริงๆ นั่นคือ ต้นตอของกลิ่นมาจากขี้ฟันตรงซอกฟันกรามซี่ในสุดนี่เองครับ และอีกจุดก็คือลิ้นครับ เจ้าแบคทีเรียที่สะสมตรงซอกฟันคงมาฝังลึกอยู่ที่ลิ้นของผมด้วยอีกจุด
วิธีรักษา
1. ลิ้น >>>> ผมไปเจอกระทู้นึง เขาใช้ไฮโดนเจนเปอออกไซด์ (3%) ผสมน้ำแล้วอมแล้วบ้วน ต่อด้วยการขูดลิ้น จนสะอาด ทำแบบนี้อาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง
วิธีนี้จะเป็นการฆ่าแบคทีเรียที่มันฝังลึกอยู่ที่ลิ้นเรา ทำไปเรื่อยๆ สุดท้ายลิ้นเราก็สะอาดแล้วครับ
2. ซอกฟัน >>> ใช้ไหมขัดฟัน และแปรงซอกฟัน (อันเล็กๆ) เพื่อทำความสะอาดไม่ให้มีเศษอาหารติดฟัน ซึ่งเป็นต้นตอของแบคทีเรียที่เกิดกลิ่นปากของเรานี่แหละครับ !!!! เน้นขัดเช้าเย็นทุกซี่นะครับ ผมเลยลองขัดฟันแล้วไม่หาย เลยถอดใจไป แต่ความจริงแล้วผมขัดไม่สะอาดเองครับ 55555 มาตั้งใจขัดคราวนี้ เจอขี้ฟันตรงซอกฟันกรามซี่ใน โอ้วววววว นี่ไงงงงเจอตัวการละ ช่วงแรกๆ ทำเช้า กลางวัน เย็น เลยนะครับ รับรองสะอาดแน่
หลังจากนั้น ผมสัมผัสได้เลยว่าปากสะอาด ไม่ปากหนักเหมือนแต่ก่อน ทีนี้กินอะไรไป แค่ล้างปาก ขัดฟัน บ้วนปาก ก็รู้สึกสะอาดไม่เหมือนแต่ก่อนเลยครับ
ตอนนี้ผมมีความสุขมากๆ เริ่มใช้ชีวิตแบบกล้าพูด กล้าคุยกับตนอื่นระยะใกล้ๆ และไม่เป็นกังวลอีกแล้ว (แต่ก็มีระแวงบ้างเล็กน้อย)
ใครอยากแลกเปลี่ยนหรือปรึกษา ยินดีครับ ผมลองมาทุกวิธี เชื่อว่าน่าจะแลกเปลี่ยนและแนะนำทุกคนได้ ไม่มากก็น้อยครับ