ภาพหลุดสปายช็อตได้เปิดเผยตามสื่อยานยนต์ของต่างประเทศรวมไปถึงแอคเค้าท์อินสตาแกรมอย่างเป็นทางการของ Dodge เมื่อวานนี้ก็คือ Dodge Charger Daytona EV โฉมปี 2025 ตัววางจำหน่ายจริงที่กำลังจะถูกพรางตัวเพื่อนำมาทดสอบขับขี่บนท้องถนน ซึ่งรูปลักษณ์ภายนอกเองก็มีความแตกต่างกันกับตัวต้นแบบที่เปิดตัวไปก่อนหน้านั้น
Dodge Charger โฉมปี 2025 นั้นก็ถือว่าเป็นเจเนอเรชั่นที่ 8 ที่หันมาใช้แพลตฟอร์มตัวถังในชื่อรหัส STLA Large ตัว EV เริ่มตั้งแต่ 402 แรงม้าไปจนถึง 885 แรงม้า ระยะทางวิ่งได้ไกลถึง 500 ไมล์ต่อการชาร์จไฟเพียงครั้งเดียว แถม Dodge Charger Daytona EV เองก็มีตัวขับเคลื่อนสองล้อ RWD และขับเคลื่อนสี่ล้อ AWD ให้เลือกด้วยนะ
นอกจาก Dodge Charger Daytona EV แล้ว ก็ยังมี Dodge Charger ตัวเครื่องยนต์เบนซินให้เลือกด้วยเช่นกันนั่นก็คือเครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบเรียงขนาด 3.0 ลิตรเทอร์โบคู่แบบธรรมดา ให้กำลังแรงม้าอยู่ที่ 420 แรงม้า แรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 468 ฟุต-ปอนด์ และเครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบเรียงขนาด 3.0 ลิตรเทอร์โบคู่แบบ high-output ที่ให้กำลังแรงม้าอยู่ที่ 550 แรงม้า แรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 531 ฟุต-ปอนด์ (ตัวผู้เขียนเองก็ขอวิเคราะห์ไว้ว่าสำหรับตัวเครื่องเบนซิน อาจจะเปลี่ยนแปลงรูปทรงเล็กน้อย โดยเฉพาะกระจังหน้าและฝากระโปรงหน้า ส่วนหลังคาแบบกระจกพาโนราม่ากับหลังคาแบบซันรูฟก็กลายเป็นออพชั่นให้เลือกด้วยเช่นกัน)
ครั้งนี้จัดว่ามันเป็นการหวนกลับคืนสู่ความดั้งเดิมของ Dodge Charger ที่กลับมาในรูปแบบคูเป้ 2 ประตูที่มีมาตั้งแต่ช่วงปี 1966 หลังจากกลายพันธุ์ไปเป็นรถเก๋งซีดานตั้งแต่ปี 2006 จนถึงปัจจุบัน
ส่วนวันเปิดตัวอย่างเป็นทางการและวันที่จะเปิดให้ลูกค้าจับจองกันก็คงต้องอดใจรอภายในปลายปี 2024 นี้
เครดิต: ภาพจากเว็บไซต์ Hennessey Performance และ ig ออฟฟิเชี่ยลของ Dodge
หลุด spyshot 2025 Dodge Charger Daytona EV ตัววางขายจริง
Dodge Charger โฉมปี 2025 นั้นก็ถือว่าเป็นเจเนอเรชั่นที่ 8 ที่หันมาใช้แพลตฟอร์มตัวถังในชื่อรหัส STLA Large ตัว EV เริ่มตั้งแต่ 402 แรงม้าไปจนถึง 885 แรงม้า ระยะทางวิ่งได้ไกลถึง 500 ไมล์ต่อการชาร์จไฟเพียงครั้งเดียว แถม Dodge Charger Daytona EV เองก็มีตัวขับเคลื่อนสองล้อ RWD และขับเคลื่อนสี่ล้อ AWD ให้เลือกด้วยนะ
นอกจาก Dodge Charger Daytona EV แล้ว ก็ยังมี Dodge Charger ตัวเครื่องยนต์เบนซินให้เลือกด้วยเช่นกันนั่นก็คือเครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบเรียงขนาด 3.0 ลิตรเทอร์โบคู่แบบธรรมดา ให้กำลังแรงม้าอยู่ที่ 420 แรงม้า แรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 468 ฟุต-ปอนด์ และเครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบเรียงขนาด 3.0 ลิตรเทอร์โบคู่แบบ high-output ที่ให้กำลังแรงม้าอยู่ที่ 550 แรงม้า แรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 531 ฟุต-ปอนด์ (ตัวผู้เขียนเองก็ขอวิเคราะห์ไว้ว่าสำหรับตัวเครื่องเบนซิน อาจจะเปลี่ยนแปลงรูปทรงเล็กน้อย โดยเฉพาะกระจังหน้าและฝากระโปรงหน้า ส่วนหลังคาแบบกระจกพาโนราม่ากับหลังคาแบบซันรูฟก็กลายเป็นออพชั่นให้เลือกด้วยเช่นกัน)
ครั้งนี้จัดว่ามันเป็นการหวนกลับคืนสู่ความดั้งเดิมของ Dodge Charger ที่กลับมาในรูปแบบคูเป้ 2 ประตูที่มีมาตั้งแต่ช่วงปี 1966 หลังจากกลายพันธุ์ไปเป็นรถเก๋งซีดานตั้งแต่ปี 2006 จนถึงปัจจุบัน
ส่วนวันเปิดตัวอย่างเป็นทางการและวันที่จะเปิดให้ลูกค้าจับจองกันก็คงต้องอดใจรอภายในปลายปี 2024 นี้
เครดิต: ภาพจากเว็บไซต์ Hennessey Performance และ ig ออฟฟิเชี่ยลของ Dodge