บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ปรับเปลี่ยนโรงงานผลิตรถยนต์ใน เมืองมิวนิค เยอรมนี สำหรับการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) โดยเฉพาะ ตั้งแต่ปลายปี 2570 เป็นต้นไป
สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานว่า บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ใช้เงินลงทุนราว 650 ล้านยูโร (ราว 700 ดอลลาร์สหรัฐ) เพื่อปรับเปลี่ยนโรงงานผลิตรถยนต์ใน เมืองมิวนิค เยอรมนี สำหรับการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) โดยเฉพาะ ตั้งแต่ปลายปี 2570 เป็นต้นไป โดยสายพานการผลิตรถยนต์, ประกอบตัวถัง รวมถึงการผลิตเครื่องยนต์ จะมีการย้ายไปที่ ออสเตรีย ซึ่งมีพนักงานจำนวน 1,200 ตำแหน่ง จะต้องมีการฝึกอบรมใหม่หรือย้ายไปประจำในโรงงานแห่งอื่น
ทั้งนี้ บีเอ็มดับเบิลยู ไม่ได้มีการตั้งเป้าหมายในการยุติการผลิตรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายใน แม้ว่ากฎระเบียนของสหภาพยุโรปจะมีการกำหนดให้ห้ามขายรถยนต์เบนซินและดีเซลตั้งแต่ปี 2578 เป็นต้นไป ขณะที่ ในปี 2566 รถยนต์ไฟฟ้ามีสัดส่วนอยู่ที่ 15% ของยอดขายจากบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ที่อยู่ใน เมืองมิวนิค เยอรมนี ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 1 ใน 3 ภายในปี 2569
อย่างไรก็ตาม บริษัทผู้ผลิตรถยนต์อย่าง เมอร์เซเดส-เบนซ์ และ โฟล์คสวาเกน ได้มีการแจ้งเตือนในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาว่า ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าไม่ได้เติบโตอย่างรวดเร็วอย่างที่คาดการณ์ ซึ่งเป็นผลมาจากแรงกดดันทางเศรษฐกิขซึ่งส่งผลต่อผู้บริโภค เช่นเดียวกับการกระจุกตัวของปัญหาที่เป็นอุปสรรคการผลิตเริ่มผ่อนคลายลง
รถยนต์ต้นแบบ Neue Klasse ที่ถูกจัดแสดงในงานแสดงรถยนต์ IAA เดือนกันยายนปีที่ผ่านมา
ผู้ผลิตรถยนต์ตั้งแต่เมอร์เซเดส-เบนซ์ รวมถึง โฟล์คสวาเก้น ได้เตือนในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาว่ายอดขายรถยนต์ไฟฟ้าไม่พัฒนาอย่างรวดเร็วอย่างที่คาด โดยแรงกดดันทางเศรษฐกิจส่งผลกระทบต่อผู้บริโภค เช่นเดียวกับคอขวดของห่วงโซ่อุปทานที่ขัดขวางการผลิตเริ่มผ่อนคลายลง
ที่ผ่านมา บีเอ็มดับเบิลยู ได้นำเสนอรถยนต์ต้นแบบ Neue Klasse ในงานแสดงรถยนต์ IAA เดือนกันยายนปีที่ผ่านมา เพื่อที่จะก้าวข้ามช่องว่างทางเทคโนโลยีระหว่างคู่แข่งอย่าง เทสลา (Tesla) กับ ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายอื่น ๆ ซึ่งรถยนต์ต้นแบบดังกล่าวมีขนาดใกล้เคียงกับรถยนต์ในกลุ่ม บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 3 ที่เป็นโมเดลขายดีของ บีเอ็มดับเบิลยู ที่จะมีการผลิตขึ้นในโรงงานผลิตรถยนต์ใน เมืองมิวนิค เยอรมนี ตั้งแต่ปี 2569 เป็นต้นไป
BMW ทุ่ม 650 ล้านยูโร ปรับโรงงานในมิวนิคผลิตรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ
สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานว่า บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ใช้เงินลงทุนราว 650 ล้านยูโร (ราว 700 ดอลลาร์สหรัฐ) เพื่อปรับเปลี่ยนโรงงานผลิตรถยนต์ใน เมืองมิวนิค เยอรมนี สำหรับการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) โดยเฉพาะ ตั้งแต่ปลายปี 2570 เป็นต้นไป โดยสายพานการผลิตรถยนต์, ประกอบตัวถัง รวมถึงการผลิตเครื่องยนต์ จะมีการย้ายไปที่ ออสเตรีย ซึ่งมีพนักงานจำนวน 1,200 ตำแหน่ง จะต้องมีการฝึกอบรมใหม่หรือย้ายไปประจำในโรงงานแห่งอื่น
ทั้งนี้ บีเอ็มดับเบิลยู ไม่ได้มีการตั้งเป้าหมายในการยุติการผลิตรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายใน แม้ว่ากฎระเบียนของสหภาพยุโรปจะมีการกำหนดให้ห้ามขายรถยนต์เบนซินและดีเซลตั้งแต่ปี 2578 เป็นต้นไป ขณะที่ ในปี 2566 รถยนต์ไฟฟ้ามีสัดส่วนอยู่ที่ 15% ของยอดขายจากบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ที่อยู่ใน เมืองมิวนิค เยอรมนี ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 1 ใน 3 ภายในปี 2569
อย่างไรก็ตาม บริษัทผู้ผลิตรถยนต์อย่าง เมอร์เซเดส-เบนซ์ และ โฟล์คสวาเกน ได้มีการแจ้งเตือนในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาว่า ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าไม่ได้เติบโตอย่างรวดเร็วอย่างที่คาดการณ์ ซึ่งเป็นผลมาจากแรงกดดันทางเศรษฐกิขซึ่งส่งผลต่อผู้บริโภค เช่นเดียวกับการกระจุกตัวของปัญหาที่เป็นอุปสรรคการผลิตเริ่มผ่อนคลายลง
รถยนต์ต้นแบบ Neue Klasse ที่ถูกจัดแสดงในงานแสดงรถยนต์ IAA เดือนกันยายนปีที่ผ่านมา
ผู้ผลิตรถยนต์ตั้งแต่เมอร์เซเดส-เบนซ์ รวมถึง โฟล์คสวาเก้น ได้เตือนในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาว่ายอดขายรถยนต์ไฟฟ้าไม่พัฒนาอย่างรวดเร็วอย่างที่คาด โดยแรงกดดันทางเศรษฐกิจส่งผลกระทบต่อผู้บริโภค เช่นเดียวกับคอขวดของห่วงโซ่อุปทานที่ขัดขวางการผลิตเริ่มผ่อนคลายลง
ที่ผ่านมา บีเอ็มดับเบิลยู ได้นำเสนอรถยนต์ต้นแบบ Neue Klasse ในงานแสดงรถยนต์ IAA เดือนกันยายนปีที่ผ่านมา เพื่อที่จะก้าวข้ามช่องว่างทางเทคโนโลยีระหว่างคู่แข่งอย่าง เทสลา (Tesla) กับ ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายอื่น ๆ ซึ่งรถยนต์ต้นแบบดังกล่าวมีขนาดใกล้เคียงกับรถยนต์ในกลุ่ม บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 3 ที่เป็นโมเดลขายดีของ บีเอ็มดับเบิลยู ที่จะมีการผลิตขึ้นในโรงงานผลิตรถยนต์ใน เมืองมิวนิค เยอรมนี ตั้งแต่ปี 2569 เป็นต้นไป