ตามหัวกระทู้เลยค่ะ รถยนต์ของหนูหาย
….เรื่องเกิดจากความโง่ของตัวเอง ไว้ใจคน เข้ามาทำงานกรุงเทพครั้งแรก จากเคยอยู่แต่บ้านนอก คุยกับ ผช ที่ไม่เคยเจอกัน และนัดเจอกันครั้งแรก และครั้งต่อไปมีการขอมาพักด้วยชั่วคราวก่อนไปทำงาน ผช หลอกมีงานทำ ทำธุระกิจแอร์ (ซึ่งเคยทำจริงแต่เจ๊ง มีเพจ มีเอกสารจดทะเบียนทุกอย่าง) ผช หลอกยืมเงิน อ้างขอเอาไปหมุนของเข้าร้าน บช โดนระงับบ้าง เราด้วยความมีเงินสำรอง เลยให้ยืม จนโดนหมดตัว เพราะความโง่ (ยอมรับไม่ได้รัก ผช อยู่ด้วยกันสามวัน รู้สึกนิสัยไม่ดี คำพูดโอ้อวด แต่ยังขอเงินเรากิน เราขอเลิก ขอให้ออกไป ผช ก็กราบตีน อ้างลำบาก อ้างคุณตาเข้าโรงบาล ซึ่งมีรูปมีคลิป วีดีโอคอลให้เห็น จนเราเองสงสาร เพราะชีวิตเราเองเคยลำบากมาก เลยให้อยู่ต่อสองวัน
…ต่อ เราให้ยืมรถ โดย ผช อ้าง ถ้าไม่ได้ไปทำงานระยอง จะไม่มีเงินมาคืน ขู่จะไม่ได้อะไรคืนเลย ด้วยความโง่อยากได้เงินเพราะเงินหาอยากมาก เลยยอม ผ่านไปสองวันมีการเอารถมาคืนเพราะเราโวยวายตลอด วันที่ตัดสินใจไล่ ผช ไป คือวันที่ถูกขโมยกุญแจสำรอง และพอกับมาหารถไม่เจอเราก็โวยวาย และเค้าก็กับมา ขู่ว่า รถเอาไปซ่อม เอาไปเข้าศูนย์ เอาไปทำนั้นนี่ อ้างทุกวัน และขู่ถ้าเราโวยวาย จะไม่ได้รถได้เงินคืน และมีการทำร้ายร่างกาย (ซึ่งเราเองก็โง่ที่เชื่อ แต่ด้วยความทำงานเหนื่อยมาก เราไม่เคยขึ้นรถเมล์ เดินทางรถติดมาก กับห้องบางทีนอนพื้น บางทีไปเดินเล่นข้างทาง เพราะอยู่กับ ผช คนนี้ไม่ได้ จึงตัดสินใจแชทให้เพื่อนเอาแฟนเพื่อนที่เป็นตำรวจมาจับมัน) (แต่โง่สุด คือไม่เคยบอกพ่อเลยเพราะกลัวครอบครัวลำบากด้วย)
…ต่อ แต่ก็โง่เข้าไปอีก โดนเข้าแอบเข้าโทรศัพท์เครื่องเก่า ที่มีแชททุกอย่าง ซึ่งโทรศัพท์พังมาก เราเองก็เอาวางไว้ไม่เคยชาร์ท แต่โจรมันชาร์ทแบตและแอบอ่านข้อความ เมื่อรู้เรื่องแชท มันก็แอบหนี้ไป ทั้งๆที่ไม่มีเงิน และโทรมาอ้างจะเอารถมาคืน นั้นนี่ เราไปแจ้งความทันที และเป็นอีบ้า ไปตามรถทุกที่ มันอ้างไปทำงานตึกเอ็มไพร์ ขู่เราให้รอแล้วจะเอารถมาให้ มันอ้างว่ากำลังทำงานซ่อมระบบแอร์ที่ตึก เราไปรอ แต่รู้แล้วว่าโดนมันหลอกเรารอไม่ไหว เลยไปขอความช่วยเหลือให้พี่ฝ่ายอาคารช่วย ทุกคนช่วยดูทั้งเดือนก็ไม่เคยพบรถป้ายทะเบียนของเรามาที่ตึกเลย เราเป็นอีบ้าร้องไห้กลางบีทีเอส เพราะมาอยู่กรุงเทพแค่อาทิตย์เดียว ไม่รู้จะทำยังไง ไปไหนก็ไม่เป็น ไม่รู้จักใครเลย เพื่อนพามาแจ้งความเพิ่ม และโพสตามหารถ และแจ้งประกันทันที
…….เริ่มเรื่องกับไอ้บริษัทต้นเหตุ บริษัทประกันชั้น 1 ที่ได้รับแถมมากับศูนย์รถของเรา
ชื่อ ท ประกันภัย เมื่อได้รับแจ้งเหตุ พี่เค้าก็มาที่เกิดเหตุทันที ให้เราเขียนคำบันทึก โดยไม่มีการชี้นำแต่อย่างใด เราเขียนไปร้องไห้โวยวายไป เมื่ออีบ้า นอนไม่ได้ กินไม่ได้ ภาวะซึมเศร้ากับมา สองวันต่อมามีตัวแทนประกันมาถามข้อเท็จจริง มาแบบชิวๆ พนักงาน ผช รูปร่างท้วม นามสมมุติริท มาฟิวแบบคำแนะนำ เข้าใจ สงสารเรา ช่วยเหลือเราทุกอย่าง มาให้เราเขียนเอกสาร เราก็เขียนความจริง ทุกอย่าง ตามที่เกิดขึ้น มีแชท หลักฐาน ให้หมด ให้เท่ากับตำรวจ เพราะพี่เค้าช่วยเราจริงๆ เราร้องไห้ไปเขียนไป
….ครั้งที่สอง ตัวแทนนามสมมุติชื่อพี่ริท กับมาหาเราอีก บอกจะให้เขียนเอกสาร เพื่อยื่นพิจรณาเรื่องประกัน เราก็เขียนตามความจริง แต่คนั้งนี้พี่เค้ามาแบบมีข้อมูลรถ อ้างว่ารถมีการใช้ กล้องตำรวจจับได้ เป็นข่าวดี และเริ่มชี้นำให้เราเขียน ฟิวแบบอยู่ด้วยกัน แบบสามีภรรยา เราก็แย้งว่า อยู่ด้วยกันสามวัน นี่เป็นได้ยังไงค่ะ แกบอกเขียนไปก่อนเพราะถือว่าอยู่ด้วยกัน เราอยู่ห้องแค่หลังสี่ทุ่ม และตื่นตีห้า บางครั้งนอนห้องเพื่อน แต่พี่เค้าบอกเขียนตามผมบอกก่อน จะต้องเอาเข้าที่ประชุม เราก็ร้องไห้ไปเขียนไป เค้าก็ว่านล้อมว่า ตอนนี้ตำรวจทางหลวงกำลังช่วย พยายามบอกให้เราเขียนตามและให้เราเชื่อใจ เค้าบอกสงสารเราแบบพี่น้องจริงๆ ทำให้เราสบายใจ
….ครั้งที่สาม ตัวแทนนามสมมุติพี่ริท ของมาพบเราบอกมีข่าวดี จากที่เราเองพยายามจะกินยานอนหลับให้ตุยๆไปสะ เพราะสงสารพ่อและยาย เรากับดีใจ ลุกมาทำงานรอฟังข่าวดี เพราะเรื่องกับตำรวจ การออกหมายจับนานมาก จนเราเองท้อ ครั้งสุดท้าย เค้ามีหลักฐานว่ารถอยู่ไหน และเค้าบอกมีข่าวร้ายมาแจ้งด้วย ข่าวดีคือรถใช้ล่าสุดที่พระรามสองขาออก ข่าวร้ายคือไม่สามารถชดใช้ค่าประกันจำนวน 510,000 บาทได้ เนืองจากไม่เข้าเงื่อนไขของประกัน
📌📌📌 นามสมมุติพี่ริท อ้างว่า ถ้ารถโดนขโมย หรือยักยอกทรัพย์ โดยคนรู้จัก หรือพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจ ,สามีภรรยาหรือบุคคลที่อยู่กินฉันท์สามีภรรยาที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรถ บริษัทจะไม่รับผิดชอบค่าสินไหม (เราเองแย้งเต็มที่เพราะไม่มีอะไรที่แสดงว่าเราคือสามีภรรยา) แต่พี่ริทก็อ้างเต็มที่ว่าแค่อยู่ด้วยกันก็ใช่ เมื่อเราไม่ยอมเขียนต่อ เค้าจึงอ้างว่า “งั้นเอาแบบนี้ ครั้งที่สองที่เราเขียน เราเขียนไปแบบนั้น ครั้งนี้เราเขียนไปก่อนและพี่จะช่วยเอาเข้าบอร์ดที่ประชุมอีกรอบ”
เราก็เขียน และเค้าให้เราระบุด้วยว่า ตอนนี้จะยังไม่รับการชดเชยค่าสินใหม จนกว่าจะจับคนร้ายและมีการพิพากษาคดี ถ้าคดีดำเนินการไปถึงขั้นนั้นพี่ริทบอกว่า ประกันจะสืบข้อเท็จจริงและให้คำพิพากษาจากศาลเพื่อชดเชยค่าสินไหมให้
…เราได้ยินแบบนั้น นับตั้งแต่นาทีนั้น เรากับมารักษาตัวเอง เริ่มคุยกับจิตแพทย์อีกครั้งเพราะเรารู้สึกว่าเราเริ่มใช้ชีวิตไม่ได้ เราต้องพยายามพยุงตัวเองไปทำงาน นอนวันละสองชม ก็ต้องตื่นมานั่งร้องไห้ นั่งโทษตัวเอง เราไม่เข้ารับการรักษา มียาที่เราเคยได้จากการรักษาครั้งก่อนที่เรากินไม่หมด เรากินยาทุกวันไม่รู้กินถูกกินผิด เรากินไปก่อนเพื่อคิดว่ามันจะดีขึ้น เราพยายามสืบตามหาทุกทางเพื่อให้จับคนร้ายได้ ***สายสืบ ไม่ทำอะไรเลย เราตามเรื่องคือไม่มีอะไรคืบหน้า บอกแค่รอหมายจับ แล้วจะไปเอาตัวคนร้ายให้ แต่โชคดี เราเจอร้อยเวรดี พี่เค้าสืบจนรู้ตัวคนร้ายอยู่แถวไหน เราต้องจ้างคนไปตามดูว่ามันอยู่จริงมัย จนหมายจับออก เราต้องจ่ายค่าเดินทางให้ตำรวจไปเอาตัวคนร้ายให้ เราสืบเองจนรู้อนู่ไหน เหลือแค่ให้ตำรวจไปจับ เมื่อจำคนร้ายได้ เราแถบเสียสติ อยากฆ่า แต่ก็ไม่อยากใกล้ เรากลัว สั่น หลอนไปหมด นอนไม่หลับ ร้องไห้เสียสติ จนพ่อเรามองเราแล้วร้องไห้ตาม
…หลังจากจับคนร้ายได้ ส่งไปศาลฝากขัง เราตามเรื่องตลอด ให้พ่อพาไปศาล พาไปตามเรื่องกับอัยการ และอัยการส่งฟ้องให้ทันทีในเวลาแค่ 1 สัปดาห์ เมื่อศาลสั่งจำคุกคนร้าย เราแทบเสียสติเพราะเค้าได้รับโทษน้อยมาก ต่างจากเราที่เสียทุกอย่างในชีวิต เหลือแค่ชีวิตโง่ๆที่เป็นภาระพ่อ วันที่ศาลพิพากษาเรารีบโทรหาประกันบอกข่าวดี ว่าจับคนร้ายได้แล้ว พิพากษาเรียบร้อยค่ะ พี่จะชดเชยค่าสินไหมได้เลยมัยค่ะ คำตอบที่ได้คือ เสียงเงียบ จากพี่ริท พี่ริทถามย้ำว่า จับได้จริงหรือคับ ไหนบอกหมายจับพึ่งออก เราบอกว่าเราจับได้จริงๆ และตอนนี้เข้าติดคุกตามคำพิพากษาแล้ว คนร้ายยอมรับคำสารภาพทุกอย่างค่ะ พี่ริทเงียบไปนานมาก แล้วรนลานตอบเราว่า ตามที่เคยคุยอะครับ มันไม่เข้าเวื่อนไข เพราะ อยู่ด้วยกันครับ เราแย้งตลอดว่าแค่อยู่ไม่กี่วัน แถมคนรอบข้าง พ่อแม่ หรือแม้แต่คนในโลกออนไลน์ก็ไม่รู้ว่าเราคือคนที่อยู่ด้วยกัน อะไรคือความหมายของสามีภรรยา พี่เค้าก็อ้างตลอดว่า ก็คุณอยู่ด้วยกัน เราเลยบอก งั้นรบกวนให้ทางหัวหน้าพี่ติดต่อมา ก็ไม่มีใครติดค่อเรามา แถมไม่ออกหนังสือปฏิเสธ เราจึงไปขอคัดสำเนาของประกันมาอ่าน และศึกษากฏหมายเกี่ยวกับข้อที่พี่ริทอ้าง สรุปคือเราไม่ได้มีความเป็นสามีภรรยากันเลย และเงื่อนไขประกันคือต้องชำระค่าสินไหมให้เรา
…เราไป คปภ. ตามคำแนะนำของตำรวจ แต่ คปภ. พี่ที่รับเรื่อง กับนิ่ง ไม่ตาม บอกว่าเรายกเลิกประกัน แต่ไม่รับสายเรา มีการส่งแค่ ข้อความมาแจ้ง บ้านเราคือไม่มีรถ ไม่มีเงินขนาดนั้น แต่พ่อเราต้องไปยืมรถเพื่อน พาเราเดินทางไปศาล ไปศูนย์ร้องเรียน เราใช้เงินกับ คชจ ตรงนี่เยอะมาก จนเราเองท้อ จึงตัดสินใจเสียเงินกับทนาย ทนายส่งโนติสให้ประกัน ประกันตอบกับและอ้างว่า เราขอยกเลิกไม่รับค่าสินไหมเอง ซึ่งเราตกใจมาก และแย้งกับทนายไปว่าไม่เคยยกเลิก คนบ้าที่ไหนจะไม่เอาเงินประกัน เราเลยคิดขึ้นได้ว่าเป็นเพราะเราไปเขียนบันทึกโง่ๆให้พี่ริท เราบอกว่าจะยังไม่รับ จนกว่าจะมีคำพิพากษาเรืาองคดี จากศาล กับกลายเป็นว่าเราคือคนขอไม่รับค่าสินไหมเอง ไม่เกี่ยวกับการที่ไม่เข้าเงื่อนไขใดๆทั้งนั้น เราเคยขอพบผู้จัดการ แต่ก็มีแค่พี่ริท ที่มา มาอ้างเรื่องเดิมๆแล้วก็ไป
….จากที่หนูเล่าเรื่องความโง่ที่ผ่านมา อยากสอบถามว่าหนูมีโอกาศที่จะชนะคดีบ้างมัยค่ะ ถ้าหนูจะให้ทนายฟ้องประกัน
ปล. ที่บ้านคือลำบากจริงๆค่ะ พ่อคือชายสูงวัย หกสิบกว่าปี ที่ตกงาน มีแค่เงินเก็บไม่กี่บาท แต่ต้องเอาเงินมาให้ลูกจัดการเรื่องคดี และหนูคือจากเคยมีเงินเก็บหมุนใช้ตลอด ตอนนี้เดือนชนเดือน ต้องจ่ายหนี้บัตร และต้องมาจ่ายหนี้เพิ่มเพราะโดนขโมยเงินในบัตรไปอีก หนูไม่ได้รับการชดใช้จากใครเลย ทั้งคนร้าย แม่คนร้ายก็ไม่สนใจ แม้แต่คำขอโทษจากปากก็ไม่มี ไม่แม้จะถามว่าคนที่โดนเป็นยังไงบ้าง ประกันก็ไม่ชดใช้ ถ้าหนูจะใช้เงินก้อนสุดท้ายกับการเรียกร้องความเป็นธรรม หนูจะมีโอกาศได้รับมันบ้างมัยค่ะ เงินสามหมื่นอาจจะไม่เยอะสำหรับคนอื่น แต่สำหรับคนที่ลำบากมาตั้งแต่เกิดแบบหนูมันเยอะมากๆค่ะ มีทางไหนที่จะทำให้หนูจบเรื่องนี้แบบมีความยุติธรรมบ้างมัยค่ะ?
รถหาย บริษัท ท ประกันภัยไม่ชดใช้ ฟ้องได้มัยค่ะ?
….เรื่องเกิดจากความโง่ของตัวเอง ไว้ใจคน เข้ามาทำงานกรุงเทพครั้งแรก จากเคยอยู่แต่บ้านนอก คุยกับ ผช ที่ไม่เคยเจอกัน และนัดเจอกันครั้งแรก และครั้งต่อไปมีการขอมาพักด้วยชั่วคราวก่อนไปทำงาน ผช หลอกมีงานทำ ทำธุระกิจแอร์ (ซึ่งเคยทำจริงแต่เจ๊ง มีเพจ มีเอกสารจดทะเบียนทุกอย่าง) ผช หลอกยืมเงิน อ้างขอเอาไปหมุนของเข้าร้าน บช โดนระงับบ้าง เราด้วยความมีเงินสำรอง เลยให้ยืม จนโดนหมดตัว เพราะความโง่ (ยอมรับไม่ได้รัก ผช อยู่ด้วยกันสามวัน รู้สึกนิสัยไม่ดี คำพูดโอ้อวด แต่ยังขอเงินเรากิน เราขอเลิก ขอให้ออกไป ผช ก็กราบตีน อ้างลำบาก อ้างคุณตาเข้าโรงบาล ซึ่งมีรูปมีคลิป วีดีโอคอลให้เห็น จนเราเองสงสาร เพราะชีวิตเราเองเคยลำบากมาก เลยให้อยู่ต่อสองวัน
…ต่อ เราให้ยืมรถ โดย ผช อ้าง ถ้าไม่ได้ไปทำงานระยอง จะไม่มีเงินมาคืน ขู่จะไม่ได้อะไรคืนเลย ด้วยความโง่อยากได้เงินเพราะเงินหาอยากมาก เลยยอม ผ่านไปสองวันมีการเอารถมาคืนเพราะเราโวยวายตลอด วันที่ตัดสินใจไล่ ผช ไป คือวันที่ถูกขโมยกุญแจสำรอง และพอกับมาหารถไม่เจอเราก็โวยวาย และเค้าก็กับมา ขู่ว่า รถเอาไปซ่อม เอาไปเข้าศูนย์ เอาไปทำนั้นนี่ อ้างทุกวัน และขู่ถ้าเราโวยวาย จะไม่ได้รถได้เงินคืน และมีการทำร้ายร่างกาย (ซึ่งเราเองก็โง่ที่เชื่อ แต่ด้วยความทำงานเหนื่อยมาก เราไม่เคยขึ้นรถเมล์ เดินทางรถติดมาก กับห้องบางทีนอนพื้น บางทีไปเดินเล่นข้างทาง เพราะอยู่กับ ผช คนนี้ไม่ได้ จึงตัดสินใจแชทให้เพื่อนเอาแฟนเพื่อนที่เป็นตำรวจมาจับมัน) (แต่โง่สุด คือไม่เคยบอกพ่อเลยเพราะกลัวครอบครัวลำบากด้วย)
…ต่อ แต่ก็โง่เข้าไปอีก โดนเข้าแอบเข้าโทรศัพท์เครื่องเก่า ที่มีแชททุกอย่าง ซึ่งโทรศัพท์พังมาก เราเองก็เอาวางไว้ไม่เคยชาร์ท แต่โจรมันชาร์ทแบตและแอบอ่านข้อความ เมื่อรู้เรื่องแชท มันก็แอบหนี้ไป ทั้งๆที่ไม่มีเงิน และโทรมาอ้างจะเอารถมาคืน นั้นนี่ เราไปแจ้งความทันที และเป็นอีบ้า ไปตามรถทุกที่ มันอ้างไปทำงานตึกเอ็มไพร์ ขู่เราให้รอแล้วจะเอารถมาให้ มันอ้างว่ากำลังทำงานซ่อมระบบแอร์ที่ตึก เราไปรอ แต่รู้แล้วว่าโดนมันหลอกเรารอไม่ไหว เลยไปขอความช่วยเหลือให้พี่ฝ่ายอาคารช่วย ทุกคนช่วยดูทั้งเดือนก็ไม่เคยพบรถป้ายทะเบียนของเรามาที่ตึกเลย เราเป็นอีบ้าร้องไห้กลางบีทีเอส เพราะมาอยู่กรุงเทพแค่อาทิตย์เดียว ไม่รู้จะทำยังไง ไปไหนก็ไม่เป็น ไม่รู้จักใครเลย เพื่อนพามาแจ้งความเพิ่ม และโพสตามหารถ และแจ้งประกันทันที
…….เริ่มเรื่องกับไอ้บริษัทต้นเหตุ บริษัทประกันชั้น 1 ที่ได้รับแถมมากับศูนย์รถของเรา
ชื่อ ท ประกันภัย เมื่อได้รับแจ้งเหตุ พี่เค้าก็มาที่เกิดเหตุทันที ให้เราเขียนคำบันทึก โดยไม่มีการชี้นำแต่อย่างใด เราเขียนไปร้องไห้โวยวายไป เมื่ออีบ้า นอนไม่ได้ กินไม่ได้ ภาวะซึมเศร้ากับมา สองวันต่อมามีตัวแทนประกันมาถามข้อเท็จจริง มาแบบชิวๆ พนักงาน ผช รูปร่างท้วม นามสมมุติริท มาฟิวแบบคำแนะนำ เข้าใจ สงสารเรา ช่วยเหลือเราทุกอย่าง มาให้เราเขียนเอกสาร เราก็เขียนความจริง ทุกอย่าง ตามที่เกิดขึ้น มีแชท หลักฐาน ให้หมด ให้เท่ากับตำรวจ เพราะพี่เค้าช่วยเราจริงๆ เราร้องไห้ไปเขียนไป
….ครั้งที่สอง ตัวแทนนามสมมุติชื่อพี่ริท กับมาหาเราอีก บอกจะให้เขียนเอกสาร เพื่อยื่นพิจรณาเรื่องประกัน เราก็เขียนตามความจริง แต่คนั้งนี้พี่เค้ามาแบบมีข้อมูลรถ อ้างว่ารถมีการใช้ กล้องตำรวจจับได้ เป็นข่าวดี และเริ่มชี้นำให้เราเขียน ฟิวแบบอยู่ด้วยกัน แบบสามีภรรยา เราก็แย้งว่า อยู่ด้วยกันสามวัน นี่เป็นได้ยังไงค่ะ แกบอกเขียนไปก่อนเพราะถือว่าอยู่ด้วยกัน เราอยู่ห้องแค่หลังสี่ทุ่ม และตื่นตีห้า บางครั้งนอนห้องเพื่อน แต่พี่เค้าบอกเขียนตามผมบอกก่อน จะต้องเอาเข้าที่ประชุม เราก็ร้องไห้ไปเขียนไป เค้าก็ว่านล้อมว่า ตอนนี้ตำรวจทางหลวงกำลังช่วย พยายามบอกให้เราเขียนตามและให้เราเชื่อใจ เค้าบอกสงสารเราแบบพี่น้องจริงๆ ทำให้เราสบายใจ
….ครั้งที่สาม ตัวแทนนามสมมุติพี่ริท ของมาพบเราบอกมีข่าวดี จากที่เราเองพยายามจะกินยานอนหลับให้ตุยๆไปสะ เพราะสงสารพ่อและยาย เรากับดีใจ ลุกมาทำงานรอฟังข่าวดี เพราะเรื่องกับตำรวจ การออกหมายจับนานมาก จนเราเองท้อ ครั้งสุดท้าย เค้ามีหลักฐานว่ารถอยู่ไหน และเค้าบอกมีข่าวร้ายมาแจ้งด้วย ข่าวดีคือรถใช้ล่าสุดที่พระรามสองขาออก ข่าวร้ายคือไม่สามารถชดใช้ค่าประกันจำนวน 510,000 บาทได้ เนืองจากไม่เข้าเงื่อนไขของประกัน
📌📌📌 นามสมมุติพี่ริท อ้างว่า ถ้ารถโดนขโมย หรือยักยอกทรัพย์ โดยคนรู้จัก หรือพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจ ,สามีภรรยาหรือบุคคลที่อยู่กินฉันท์สามีภรรยาที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรถ บริษัทจะไม่รับผิดชอบค่าสินไหม (เราเองแย้งเต็มที่เพราะไม่มีอะไรที่แสดงว่าเราคือสามีภรรยา) แต่พี่ริทก็อ้างเต็มที่ว่าแค่อยู่ด้วยกันก็ใช่ เมื่อเราไม่ยอมเขียนต่อ เค้าจึงอ้างว่า “งั้นเอาแบบนี้ ครั้งที่สองที่เราเขียน เราเขียนไปแบบนั้น ครั้งนี้เราเขียนไปก่อนและพี่จะช่วยเอาเข้าบอร์ดที่ประชุมอีกรอบ”
เราก็เขียน และเค้าให้เราระบุด้วยว่า ตอนนี้จะยังไม่รับการชดเชยค่าสินใหม จนกว่าจะจับคนร้ายและมีการพิพากษาคดี ถ้าคดีดำเนินการไปถึงขั้นนั้นพี่ริทบอกว่า ประกันจะสืบข้อเท็จจริงและให้คำพิพากษาจากศาลเพื่อชดเชยค่าสินไหมให้
…เราได้ยินแบบนั้น นับตั้งแต่นาทีนั้น เรากับมารักษาตัวเอง เริ่มคุยกับจิตแพทย์อีกครั้งเพราะเรารู้สึกว่าเราเริ่มใช้ชีวิตไม่ได้ เราต้องพยายามพยุงตัวเองไปทำงาน นอนวันละสองชม ก็ต้องตื่นมานั่งร้องไห้ นั่งโทษตัวเอง เราไม่เข้ารับการรักษา มียาที่เราเคยได้จากการรักษาครั้งก่อนที่เรากินไม่หมด เรากินยาทุกวันไม่รู้กินถูกกินผิด เรากินไปก่อนเพื่อคิดว่ามันจะดีขึ้น เราพยายามสืบตามหาทุกทางเพื่อให้จับคนร้ายได้ ***สายสืบ ไม่ทำอะไรเลย เราตามเรื่องคือไม่มีอะไรคืบหน้า บอกแค่รอหมายจับ แล้วจะไปเอาตัวคนร้ายให้ แต่โชคดี เราเจอร้อยเวรดี พี่เค้าสืบจนรู้ตัวคนร้ายอยู่แถวไหน เราต้องจ้างคนไปตามดูว่ามันอยู่จริงมัย จนหมายจับออก เราต้องจ่ายค่าเดินทางให้ตำรวจไปเอาตัวคนร้ายให้ เราสืบเองจนรู้อนู่ไหน เหลือแค่ให้ตำรวจไปจับ เมื่อจำคนร้ายได้ เราแถบเสียสติ อยากฆ่า แต่ก็ไม่อยากใกล้ เรากลัว สั่น หลอนไปหมด นอนไม่หลับ ร้องไห้เสียสติ จนพ่อเรามองเราแล้วร้องไห้ตาม
…หลังจากจับคนร้ายได้ ส่งไปศาลฝากขัง เราตามเรื่องตลอด ให้พ่อพาไปศาล พาไปตามเรื่องกับอัยการ และอัยการส่งฟ้องให้ทันทีในเวลาแค่ 1 สัปดาห์ เมื่อศาลสั่งจำคุกคนร้าย เราแทบเสียสติเพราะเค้าได้รับโทษน้อยมาก ต่างจากเราที่เสียทุกอย่างในชีวิต เหลือแค่ชีวิตโง่ๆที่เป็นภาระพ่อ วันที่ศาลพิพากษาเรารีบโทรหาประกันบอกข่าวดี ว่าจับคนร้ายได้แล้ว พิพากษาเรียบร้อยค่ะ พี่จะชดเชยค่าสินไหมได้เลยมัยค่ะ คำตอบที่ได้คือ เสียงเงียบ จากพี่ริท พี่ริทถามย้ำว่า จับได้จริงหรือคับ ไหนบอกหมายจับพึ่งออก เราบอกว่าเราจับได้จริงๆ และตอนนี้เข้าติดคุกตามคำพิพากษาแล้ว คนร้ายยอมรับคำสารภาพทุกอย่างค่ะ พี่ริทเงียบไปนานมาก แล้วรนลานตอบเราว่า ตามที่เคยคุยอะครับ มันไม่เข้าเวื่อนไข เพราะ อยู่ด้วยกันครับ เราแย้งตลอดว่าแค่อยู่ไม่กี่วัน แถมคนรอบข้าง พ่อแม่ หรือแม้แต่คนในโลกออนไลน์ก็ไม่รู้ว่าเราคือคนที่อยู่ด้วยกัน อะไรคือความหมายของสามีภรรยา พี่เค้าก็อ้างตลอดว่า ก็คุณอยู่ด้วยกัน เราเลยบอก งั้นรบกวนให้ทางหัวหน้าพี่ติดต่อมา ก็ไม่มีใครติดค่อเรามา แถมไม่ออกหนังสือปฏิเสธ เราจึงไปขอคัดสำเนาของประกันมาอ่าน และศึกษากฏหมายเกี่ยวกับข้อที่พี่ริทอ้าง สรุปคือเราไม่ได้มีความเป็นสามีภรรยากันเลย และเงื่อนไขประกันคือต้องชำระค่าสินไหมให้เรา
…เราไป คปภ. ตามคำแนะนำของตำรวจ แต่ คปภ. พี่ที่รับเรื่อง กับนิ่ง ไม่ตาม บอกว่าเรายกเลิกประกัน แต่ไม่รับสายเรา มีการส่งแค่ ข้อความมาแจ้ง บ้านเราคือไม่มีรถ ไม่มีเงินขนาดนั้น แต่พ่อเราต้องไปยืมรถเพื่อน พาเราเดินทางไปศาล ไปศูนย์ร้องเรียน เราใช้เงินกับ คชจ ตรงนี่เยอะมาก จนเราเองท้อ จึงตัดสินใจเสียเงินกับทนาย ทนายส่งโนติสให้ประกัน ประกันตอบกับและอ้างว่า เราขอยกเลิกไม่รับค่าสินไหมเอง ซึ่งเราตกใจมาก และแย้งกับทนายไปว่าไม่เคยยกเลิก คนบ้าที่ไหนจะไม่เอาเงินประกัน เราเลยคิดขึ้นได้ว่าเป็นเพราะเราไปเขียนบันทึกโง่ๆให้พี่ริท เราบอกว่าจะยังไม่รับ จนกว่าจะมีคำพิพากษาเรืาองคดี จากศาล กับกลายเป็นว่าเราคือคนขอไม่รับค่าสินไหมเอง ไม่เกี่ยวกับการที่ไม่เข้าเงื่อนไขใดๆทั้งนั้น เราเคยขอพบผู้จัดการ แต่ก็มีแค่พี่ริท ที่มา มาอ้างเรื่องเดิมๆแล้วก็ไป
….จากที่หนูเล่าเรื่องความโง่ที่ผ่านมา อยากสอบถามว่าหนูมีโอกาศที่จะชนะคดีบ้างมัยค่ะ ถ้าหนูจะให้ทนายฟ้องประกัน
ปล. ที่บ้านคือลำบากจริงๆค่ะ พ่อคือชายสูงวัย หกสิบกว่าปี ที่ตกงาน มีแค่เงินเก็บไม่กี่บาท แต่ต้องเอาเงินมาให้ลูกจัดการเรื่องคดี และหนูคือจากเคยมีเงินเก็บหมุนใช้ตลอด ตอนนี้เดือนชนเดือน ต้องจ่ายหนี้บัตร และต้องมาจ่ายหนี้เพิ่มเพราะโดนขโมยเงินในบัตรไปอีก หนูไม่ได้รับการชดใช้จากใครเลย ทั้งคนร้าย แม่คนร้ายก็ไม่สนใจ แม้แต่คำขอโทษจากปากก็ไม่มี ไม่แม้จะถามว่าคนที่โดนเป็นยังไงบ้าง ประกันก็ไม่ชดใช้ ถ้าหนูจะใช้เงินก้อนสุดท้ายกับการเรียกร้องความเป็นธรรม หนูจะมีโอกาศได้รับมันบ้างมัยค่ะ เงินสามหมื่นอาจจะไม่เยอะสำหรับคนอื่น แต่สำหรับคนที่ลำบากมาตั้งแต่เกิดแบบหนูมันเยอะมากๆค่ะ มีทางไหนที่จะทำให้หนูจบเรื่องนี้แบบมีความยุติธรรมบ้างมัยค่ะ?