สวัสดีค่ะ กระทู้นี้เกิดขึ้นจากความสงสัยมาตลอด 17 ปี
เราเกิดมาในครอบครัว ที่ทั้งพ่อและแม่ เคยมีลูกกันมาก่อน ทำให้มีพี่สาวต่างแม่ 1 คน และต่างพ่อ 1 คน
เราถูกพี่สาวเกลียด และทำร้ายเราต่อหน้าญาติ ตั้งแต่ 6 ขวบ พี่สาวชอบหยิก ตี จิกหัว แต่พอบอกแม่ แม่ก็เลือกที่จะเชื่อพี่สาว
ทุกคนตราหน้าเราว่าเป็นภาระที่ไม่สมควรจะเกิดมา
ตั้งแต่เด็ก พอเราร้องไห้หรือทำอะไรไม่เป็นดั่งใจ เราจะโดนตี พ่อชอบตีเรา จนถึงปลูกต้นมะยม เพื่อที่จะนำก้านมาตี และทุกครั้งที่ก้านมะยมเริ่มแก่ เราจะไปตัดก้านทุกครั้ง
ส่วนแม่ ตั้งแต่เด็กที่เราร้องไห้ เราแทบไม่เคยโดนโอ๋ โดนกอดปลอบ มีแต่สั่งให้เงียบ แค่สะอื้นขึ้นมาก็โดนตี เคยโดนแม่ตบหน้า 7 ครั้งในทั้งชีวิต ทุกครั้งที่ทะเลาะกัน แม่จะชอบพูดตลอดว่า จะทิ้งเรา จะหนีจากเรา ทำให้เรื่องนี้เป็นปมในใจ พอโตมาเรื่อยๆ จะเกลียดการโดนทอดทิ้ง
พออายุ 9 ขวบ มีลูกพี่ลูกน้องผู้ชายฝั่งของแม่ เรากับเขาห่างกัน 4 ปี เขาชอบมานอนที่บ้านเรา และเราชอบไปนอนที่บ้านเขา แต่วันนึง เขากลับล่วงละเมิดเราโดนการนำนิ้วของเขาไปถูกับอวัยวะเพศของเรา ในขณะที่พ่อของเรานอนข้างๆ เรากลับกลัว ไม่กล้าจะบอกใคร พอบอกแม่ ก็โดนด่าว่าสร้างเรื่องขึ้นมา
ตอนอายุ 13 จุดที่เปลี่ยนชีวิตมากที่สุด เราโดนล่วงละเมิดทางเพศบนรถเมล์ เรานั่งรถเมล์ไปกลับโรงเรียนทุกครั้ง เพราะบ้านอยู่ไกลมากๆ พอเล่าให้แม่ฟัง แม่เลือกที่จะเบลมเรา ว่าทำไมเราถึงไม่กล้าขอความช่วยเหลือ ขอสารภาพจริงๆเลย ว่ากลัวมากๆว่าจะไม่มีใครเชื่อ จนเป็นจุดผลิกผัน ที่พ่อกับแม่ตัดสินใจที่จะให้เราไปเรียนต่างจังหวัด และให้ไปอยู่บ้านของป้า
ตอนเริ่มเรียนมัธยมปลาย เราเจอสังคมใหม่ ที่ต่างจากกทม.โดยสิ้นเชิง เราพยายามเปลี่ยนตัวเอง เพื่อที่จะให้ผู้คนยอมรับ ทำสิ่งที่ไม่เป็นตัวเอง จนตัวเองรู้สึกเศร้า หมดความหวังที่จะใช้ชีวิต โชคดีที่โรงพยาบาลประจำจังหวัด อยู่แค่ฝั่งตรงข้ามโรงเรียน เราแอบสมัครบัตรทอง ย้ายสิทธิ์ตัวเอง และเริ่มรักษากับหมอจิตเวชโดยที่ไม่มีใครรู้ เป็นระยะเวลา 1 ปี
จนเริ่มมีครั้งนึง ที่เราพยายามฆตต.ในป่าใกล้บ้านเงียบๆ แต่มีคนเห็นไว้ เราถึงได้นอนโรงพยาบาลครั้งแรก และทุกคนก็พึ่งรู้สาเหตุที่เราทำแบบนั้น และได้รับรู้ว่าเราเป็นไบโพล่าร์
พอพ่อกับแม่รู้ แน่นอนว่าไม่มีใครรับได้ เพราะพ่อแม่เราค่อนข้างมีหน้ามีตาในจังหวัดที่เราเรียน เราถูกสั่งให้ทำตัวเหมือนคนปกติ และเลิกให้เรากินยา และเลิกให้เราหาหมอ จนสุดท้ายเราอาการหนักถึงขั้นไม่สามารถไปโรงเรียนได้
เราลาออกจากโรงเรียนตอนม.5 เทอม 2 เพราะเราได้พยายามฆตต.รอบที่9 จากการกินยาเกินขนาด ป้าเราเป็นคนแรกที่รู้ เพราะในห้องเราไม่มีเสียงอะไร และเงียบผิดปกติ
เราตื่นมาอีกทีโดยมีน้าและป้าคนนึง ที่รักเรามากๆ มาคอยดูแลที่โรงพยาบาล มานอนเป็นเพื่อนเรา ช่วยปลอบเวลาเราเศร้า แต่พอออกโรงพยาบาล เราต้องกลับมาที่กรุงเทพ จังหวัดที่เราเกลียดมากที่สุด
เรากลายเป็นเด็กที่ไม่ได้รับการศึกษา พ่อแม่เราเรื่มตระหนักรู้เรื่องโรคเราจากการที่มีญาติหลายฝั่ง พยายามพูดว่าพวกเขาแย่ ที่เลี้ยงลูกให้กลายเป็นเด็กบ้า ญาติทุกคนมองเราเป็นคนบ้า พ่อแม่เราเสียหน้า และยอมพาเราไปรักษาในโรงพยาบาลในกรุงเทพ แต่สุดท้าย พอพ่อกับแม่เราพบนักจิต เขากลับเสแสร้ง บอกว่าทุกสิ่งที่เราบอกนักจิตเป็นเรื่องโกหก
จนเรามีปากเสียงกับแม่ ถึงขั้นที่เราไม่สามารถคุมอารมณ์ตัวเอง พยายามหนีแม่ขึ้นไปบนชั้น 2 ของบ้าน แต่เรากลับโดนเขากระชากจนตกบันได เราเชื่อว่าแม่ทุกคนถ้าเผลอทำแบบนั้นกับลูก คงจะเป็นปมไปตลอดชีวิต แต่กับแม่เรา เขากลับนั่งมองเราเจ็บปวด พร้อมพูดว่าเราแสดงเก่งจริงๆ มองว่าเราตoแหล แต่เราหัวแตก เส้นเอ็นขาขาด พอจังหวะที่เริ่มมีเลือดออก เขาถึงหยุดและมาดู
พูดตามตรงเรากลัวมากๆ เรารู้สึกว่าตัวเองไม่สามารถใช้ชีวิตในสังคมได้ เราไม่สามารถตัดสินใจอะไรหลายๆอย่างด้วยตนเอง เพราะเวลาเราตัดสินเอง เรากลับได้รับคำด่าทอตลอดเวลา เรากลัวการโดนทิ้ง กลัวเขามากๆ และไม่มีความสุขเลย
ทุกครั้งที่เราพยายามฆตต. แม่พยายามห้ามเราตลอด โดยให้เหตุผลว่า “ถ้าตาย คนเขาก็คิดกันหมดสิว่าสาเหตุเป็นเพราะกู” แม่เราทำร้ายเราตลอดเวลา ทุบตีเรา เราพยายามตะโกนให้คนข้างบ้านช่วย แต่กลับมีแต่คนเมินเฉย และมองว่าเป็นเรื่องปกติ
เราเลยอยากรู้ว่า แบบนี้เป็นครอบครัวที่ปกติไหม หรือเราแค่คิดไปเองว่ามันแย่
ปกติพ่อแม่เป็นแบบนี้อยู่แล้ว หรือเราแค่คิดไปเอง
เราเกิดมาในครอบครัว ที่ทั้งพ่อและแม่ เคยมีลูกกันมาก่อน ทำให้มีพี่สาวต่างแม่ 1 คน และต่างพ่อ 1 คน
เราถูกพี่สาวเกลียด และทำร้ายเราต่อหน้าญาติ ตั้งแต่ 6 ขวบ พี่สาวชอบหยิก ตี จิกหัว แต่พอบอกแม่ แม่ก็เลือกที่จะเชื่อพี่สาว
ทุกคนตราหน้าเราว่าเป็นภาระที่ไม่สมควรจะเกิดมา
ตั้งแต่เด็ก พอเราร้องไห้หรือทำอะไรไม่เป็นดั่งใจ เราจะโดนตี พ่อชอบตีเรา จนถึงปลูกต้นมะยม เพื่อที่จะนำก้านมาตี และทุกครั้งที่ก้านมะยมเริ่มแก่ เราจะไปตัดก้านทุกครั้ง
ส่วนแม่ ตั้งแต่เด็กที่เราร้องไห้ เราแทบไม่เคยโดนโอ๋ โดนกอดปลอบ มีแต่สั่งให้เงียบ แค่สะอื้นขึ้นมาก็โดนตี เคยโดนแม่ตบหน้า 7 ครั้งในทั้งชีวิต ทุกครั้งที่ทะเลาะกัน แม่จะชอบพูดตลอดว่า จะทิ้งเรา จะหนีจากเรา ทำให้เรื่องนี้เป็นปมในใจ พอโตมาเรื่อยๆ จะเกลียดการโดนทอดทิ้ง
พออายุ 9 ขวบ มีลูกพี่ลูกน้องผู้ชายฝั่งของแม่ เรากับเขาห่างกัน 4 ปี เขาชอบมานอนที่บ้านเรา และเราชอบไปนอนที่บ้านเขา แต่วันนึง เขากลับล่วงละเมิดเราโดนการนำนิ้วของเขาไปถูกับอวัยวะเพศของเรา ในขณะที่พ่อของเรานอนข้างๆ เรากลับกลัว ไม่กล้าจะบอกใคร พอบอกแม่ ก็โดนด่าว่าสร้างเรื่องขึ้นมา
ตอนอายุ 13 จุดที่เปลี่ยนชีวิตมากที่สุด เราโดนล่วงละเมิดทางเพศบนรถเมล์ เรานั่งรถเมล์ไปกลับโรงเรียนทุกครั้ง เพราะบ้านอยู่ไกลมากๆ พอเล่าให้แม่ฟัง แม่เลือกที่จะเบลมเรา ว่าทำไมเราถึงไม่กล้าขอความช่วยเหลือ ขอสารภาพจริงๆเลย ว่ากลัวมากๆว่าจะไม่มีใครเชื่อ จนเป็นจุดผลิกผัน ที่พ่อกับแม่ตัดสินใจที่จะให้เราไปเรียนต่างจังหวัด และให้ไปอยู่บ้านของป้า
ตอนเริ่มเรียนมัธยมปลาย เราเจอสังคมใหม่ ที่ต่างจากกทม.โดยสิ้นเชิง เราพยายามเปลี่ยนตัวเอง เพื่อที่จะให้ผู้คนยอมรับ ทำสิ่งที่ไม่เป็นตัวเอง จนตัวเองรู้สึกเศร้า หมดความหวังที่จะใช้ชีวิต โชคดีที่โรงพยาบาลประจำจังหวัด อยู่แค่ฝั่งตรงข้ามโรงเรียน เราแอบสมัครบัตรทอง ย้ายสิทธิ์ตัวเอง และเริ่มรักษากับหมอจิตเวชโดยที่ไม่มีใครรู้ เป็นระยะเวลา 1 ปี
จนเริ่มมีครั้งนึง ที่เราพยายามฆตต.ในป่าใกล้บ้านเงียบๆ แต่มีคนเห็นไว้ เราถึงได้นอนโรงพยาบาลครั้งแรก และทุกคนก็พึ่งรู้สาเหตุที่เราทำแบบนั้น และได้รับรู้ว่าเราเป็นไบโพล่าร์
พอพ่อกับแม่รู้ แน่นอนว่าไม่มีใครรับได้ เพราะพ่อแม่เราค่อนข้างมีหน้ามีตาในจังหวัดที่เราเรียน เราถูกสั่งให้ทำตัวเหมือนคนปกติ และเลิกให้เรากินยา และเลิกให้เราหาหมอ จนสุดท้ายเราอาการหนักถึงขั้นไม่สามารถไปโรงเรียนได้
เราลาออกจากโรงเรียนตอนม.5 เทอม 2 เพราะเราได้พยายามฆตต.รอบที่9 จากการกินยาเกินขนาด ป้าเราเป็นคนแรกที่รู้ เพราะในห้องเราไม่มีเสียงอะไร และเงียบผิดปกติ
เราตื่นมาอีกทีโดยมีน้าและป้าคนนึง ที่รักเรามากๆ มาคอยดูแลที่โรงพยาบาล มานอนเป็นเพื่อนเรา ช่วยปลอบเวลาเราเศร้า แต่พอออกโรงพยาบาล เราต้องกลับมาที่กรุงเทพ จังหวัดที่เราเกลียดมากที่สุด
เรากลายเป็นเด็กที่ไม่ได้รับการศึกษา พ่อแม่เราเรื่มตระหนักรู้เรื่องโรคเราจากการที่มีญาติหลายฝั่ง พยายามพูดว่าพวกเขาแย่ ที่เลี้ยงลูกให้กลายเป็นเด็กบ้า ญาติทุกคนมองเราเป็นคนบ้า พ่อแม่เราเสียหน้า และยอมพาเราไปรักษาในโรงพยาบาลในกรุงเทพ แต่สุดท้าย พอพ่อกับแม่เราพบนักจิต เขากลับเสแสร้ง บอกว่าทุกสิ่งที่เราบอกนักจิตเป็นเรื่องโกหก
จนเรามีปากเสียงกับแม่ ถึงขั้นที่เราไม่สามารถคุมอารมณ์ตัวเอง พยายามหนีแม่ขึ้นไปบนชั้น 2 ของบ้าน แต่เรากลับโดนเขากระชากจนตกบันได เราเชื่อว่าแม่ทุกคนถ้าเผลอทำแบบนั้นกับลูก คงจะเป็นปมไปตลอดชีวิต แต่กับแม่เรา เขากลับนั่งมองเราเจ็บปวด พร้อมพูดว่าเราแสดงเก่งจริงๆ มองว่าเราตoแหล แต่เราหัวแตก เส้นเอ็นขาขาด พอจังหวะที่เริ่มมีเลือดออก เขาถึงหยุดและมาดู
พูดตามตรงเรากลัวมากๆ เรารู้สึกว่าตัวเองไม่สามารถใช้ชีวิตในสังคมได้ เราไม่สามารถตัดสินใจอะไรหลายๆอย่างด้วยตนเอง เพราะเวลาเราตัดสินเอง เรากลับได้รับคำด่าทอตลอดเวลา เรากลัวการโดนทิ้ง กลัวเขามากๆ และไม่มีความสุขเลย
ทุกครั้งที่เราพยายามฆตต. แม่พยายามห้ามเราตลอด โดยให้เหตุผลว่า “ถ้าตาย คนเขาก็คิดกันหมดสิว่าสาเหตุเป็นเพราะกู” แม่เราทำร้ายเราตลอดเวลา ทุบตีเรา เราพยายามตะโกนให้คนข้างบ้านช่วย แต่กลับมีแต่คนเมินเฉย และมองว่าเป็นเรื่องปกติ
เราเลยอยากรู้ว่า แบบนี้เป็นครอบครัวที่ปกติไหม หรือเราแค่คิดไปเองว่ามันแย่