สามีไปเที่ยวกับครอบครัว ทิ้งเราอยู่บ้าน เราใจแคบเกินไปไหม ที่รู้สึกน้อยใจเขา ไม่อยากให้เขาไป

ขอเกริ่นก่อนนะคะ ยาวหน่อย แต่อยากให้รู้ที่มาที่ไปของเรื่องทั้งหมด ก่อนที่จะด่าเราค่ะ

เราอายุ 37 เป็นคน ตจว.ส่งเสียตัวเองเรียนตั้งแต่วัยรุ่น มาเรียนและทำงานสร้างเนื้อสร้างตัวที่ กทม. ครอบครัวเดิมแตกแยก พ่อแม่หย่าร้างตั้งแต่เด็ก โตมากับตายาย(เสียชีวิตไปแล้ว) แม่แต่งงานมีครอบครัวใหม่ มีลูกกับสามีใหม่ 

สามีเราอายุ 35 เป็นคน กทม. มีพี่น้อง 4 คน สามีเป็นลูกคนโต พ่อของเขาทำงานคนเดียวเลี้ยงดูทุกคนในครอบครัว แม่เขาไม่ได้ทำงาน น้องคนที่สองของเขา อายุ 30 ยังเรียนไม่จบ ตอนนี้ยังเรียนอยู่ ไม่ทำงาน อยู่คอนโดที่พ่อเช่าให้ใกล้มหาลัย / น้องคนที่ 3 อายุ 26 เรียนจบแล้ว แต่ไม่ทำงาน เช่าห้องอยู่กับเพื่อนและแฟน ขอเงินพ่อใช้ / น้องคนเล็ก อายุ 24 เรียนจบ เพิ่งเริ่มทำงานได้ 1 ปี พักอยู่กับเพื่อน เงินเดือนไม่พอกิน พ่อยังให้เงินใช้อยู่เรื่อยๆ ตอนนี้ที่บ้านเขา มีแค่พ่อกับแม่อยู่ด้วยกันสองคน

เรากับสามีแอบไปจดทะเบียนสมรสกันสองคน (ไม่ได้จัดงานแต่ง) ซื้อบ้านร่วมกัน อยู่กินกันฉันท์สามีภรรยามา 4 ปี ที่ต้องแอบทำแบบนี้ เพราะระหว่างหลายปีที่คบกัน เขาไม่เคยพาเราเข้าไปเจอที่บ้านเขาเลย เพราะเขาไม่อยากให้ทุกคนในครอบครัวรู้ว่าเขามีแฟน มีแต่เราที่รู้ว่าคนในบ้านเขาเป็นยังไง มีใครบ้าง สามีเป็นคนเล่าให้ฟังบ้าง เราสืบจากโซเชียลบ้าง 

ตอนนั้นเขาต้องช่วยพ่อส่งเสียน้องคนสุดท้อง เพราะพ่อสั่ง กว่าจะตกลงคบเราเป็นแฟน ก็คุยกันอยู่นานเกือบสองปี เพราะเขาคิดแต่ว่าตัวเองมีภาระ จนเรายื่นคำขาด เพราะเราอายุเริ่มเยอะ อยากมีครอบครัวแล้ว ถ้าเขาไม่ไปต่อ เราก็จะเลิก สุดท้ายเขาก็ยอมคบกับเราจริงจัง แต่ก็คบแบบแอบๆ มารู้ทีหลังว่าแม่เขาวางแผนไว้ แม่เขาต้องการให้สามีเรา(ลูกชายคนโต) ทำงานหาเลี้ยงทุกคนในครอบครัวช่วยพ่อ และเป็นคนหาเลี้ยงแทนพ่อในยามพ่อเขาเกษียณ อยู่บ้านกับพ่อแม่ ดูแลพ่อแม่ 

ตอนพากันไปจดทะเบียนสมรส และตัดสินใจซื้อบ้าน คิดกันแค่สองคน และลงมือทำเลย ครอบครัวเขาไม่รู้มาก่อน เพราะถ้าให้รู้ก่อน แม่เขาคงไม่ให้จด และไม่ให้ซื้อบ้าน ไม่ให้แยกออกมาใช้ชีวิตของตัวเอง

ตั้งแต่ตอนเริ่มคบกันจนเป็นสามีภรรยา ค่าใช้จ่ายทุกอย่าง ค่าบ้าน ค่าของใช้ ค่ากิน ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าใช้จ่ายทุกอย่างที่เป็นส่วนกลาง จ่ายกันคนละครึ่ง ไปกินข้าวนอกบ้าน จ่ายคนละครึ่งตลอด ค่าใช้จ่ายตกลงหารคนละครึ่ง ไม่เคยเบียดเบียนกัน เพราะเราและสามีต่างคนต่างทำงาน เงินแบ่งคนละกระเป๋า ของใครของมัน ที่ต้องตกลงแบบนี้ เพราะเราเห็นเขาไม่ค่อยมีเงินตั้งแต่ตอนคุยกันแรกๆ เขาเงินเดือนเยอะ แต่เงินไม่เหลือ เพราะต้องแบ่งให้น้อง ให้แม่ ตอนไปเดทกันก็เลยตกลงว่าจ่ายคนละครึ่ง และมันก็คนละครึ่งมาตลอดตั้งแต่ตอนนั้น

ทุกวันนี้ใช้ชีวิตด้วยกันสองคน อยู่ด้วยกันในบ้านที่ซื้อร่วมกัน ต่างคนต่างทำงานนอกบ้าน งานในบ้านเรารับผิดชอบทำให้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นงานทำความสะอาดบ้าน ซักผ้า รีดผ้า ล้างห้องน้ำ ทำกับข้าว ฯลฯ เราทำให้เขาทั้งหมด เรารักบ้านหลังนี้มาก เพราะมันเป็นบ้านหลังแรกของเรา เราเลยตั้งใจดูแลบ้านอย่างดี รวมทั้งคอยจัดหาของใช้ส่วนตัวให้สามีด้วย 

อยู่ด้วยกันปีแรกๆก็ดี แต่พักหลังๆ สองสามปีมานี้ เราเริ่มรู้สึกว่าที่บ้านเขาพยายามดึงสามีเราให้กลับไป ที่คิดแบบนี้ เพราะสามีไม่ยอมมีอะไรกับเรามาสองปีกว่าแล้ว เขากลัวเราท้อง แม้เราจะกินยาคุม เขาก็ไม่ทำ เคยถามตรงๆ ก็บอกว่าไม่อยากมีลูก ไม่อยากมีภาระ สามีกลัวมากเรื่องท้อง (ตอนปีแรกๆที่เริ่มมีอะไรกัน เขาก็ทำแบบไม่สุด ไม่สุดในที่นี้คือเขาไม่เคยปล่อยอะไรออกมา พอถึงจุดที่ใกล้จะแตะตรงนั้น เขาก็หยุดทำ) แรกๆเราก็คิดว่าคงมือใหม่กันทั้งคู่ แต่ตอนนี้เรารู้แล้ว ว่าเขาไม่ยอมปล่อย หรือมีอะไรกันจนเสร็จ เพราะเขากลัวเราท้อง เคยคุยกันแล้วเรื่องนี้ จนเราไม่อยากเอ่ยถามอีก ไม่อยากมีก็ไม่มีก็ได้ ไม่เป็นไร เราคิดแค่ว่ามีเขาอยู่ข้างๆแบบนี้ยังไงก็คงดีกว่าการที่เราอยู่ตัวคนเดียว ก็เลยยอมปล่อยเรื่องนี้ไป

เราใช้ชีวิตอยู่ในบ้านหลังเดียวกันก็จริง แต่เหมือนต่างคนต่างอยู่ จ-ศ ต่างคนต่างทำงาน เราทำงานออฟฟิสเข้างานเลิกงานเป็นเวลา เราออกจากบ้านไปทำงานตั้งแต่หกโมงเช้า กลับถึงบ้านสองทุ่ม สามีทำงานไม่เป็นที่ต้องเข้าไซต์เปลี่ยนไซต์ตลอด เขาออกจากบ้านสายๆ บางทีก็เที่ยง เมื่อก่อนกลับบ้านทุ่มสองทุ่ม แต่เดี๋ยวนี้เขาบอกว่างานยุ่ง กลับบ้านตอนตีสามตีสี่ ซึ่งเรานอนแล้ว เป็นแบบนี้ทุกวัน นอนเตียงเดียวกัน แต่หันหลังให้กันตลอด เคยถาม สามีก็บอกว่าเขาปวดหลัง ต้องนอนหันด้านหลังมาหาเราถึงจะสบายตัว

ใน 1 สัปดาห์ สามีแบ่งเวลาให้เรา 1 วัน (วันเสาร์) รูทีนคือตื่นสายๆ บ่ายๆพาเราออกไปหาไรกินนอกบ้าน ส่วนใหญ่ก็จะร้านตามสั่ง/ก๋วยเตี๋ยว ง่ายๆ ใกล้บ้าน กินเสร็จกลับบ้าน เขาก็จะออกไปดูแลรถที่หน้าบ้าน เราก็อยู่ในบ้าน ตอนเย็นๆค่ำๆ ก็พาเราออกไปหาไรกิน ส่วนใหญ่ก็ตลาดแถวบ้าน กินในห้างบ้าง นานๆครั้ง แล้วก็กลับบ้านมาอาบน้ำนอน เปิดทีวีดูด้วยกันนิดหน่อย แต่ส่วนใหญ่มีแต่เราที่ดู เพราะสามีจะดูแต่โทรศัพท์ สักพักเขาก็นอน (วันอาทิตย์ เราอยู่บ้านคนเดียวทั้งวัน เพราะตื่นมาปุ๊ป สามีก็ขับรถไปที่บ้านพ่อแม่เขา กลับบ้านตัวเองอีกทีก็ตอนตีสองตีสาม ซึ่งเรานอนไปแล้ว) เขาให้เหตุผลว่า ต้องกลับไปช่วยพ่อช่วยแม่ทำนู่นนั่นนี่ที่บ้าน ช่วยพ่อตัดต้นไม้ ช่วยแม่เก็บบ้าน พ่อเลี้ยงข้าว เขาต้องอยู่กินข้าวเป็นเพื่อนพ่อแม่ ต้องไปทุกอาทิตย์ ฯลฯ ที่กลับดึกเพราะจัดของให้แม่ หรือบางทีก็บอกว่าน้องอยู่บ้านเลยเล่นเกมกับน้อง เราก็ปล่อยให้มันเป็นแบบนี้มาหลายปี จนถึงตอนนี้

ที่บ้านพ่อแม่เขา หลักๆก็อยู่กัน 2 คน เพราะน้องๆแต่ละคนอยู่ข้างนอก ไม่ค่อยมีใครอยากกลับไปอยู่บ้าน คงรำคาญแม่ที่ชอบบ่น ด่า ฯลฯ มีแต่สามีเรา ที่ไปหาทุกอาทิตย์

แม่สามีเกลียดเรามาก เขาไม่ชอบเราเลย เกลี่ยดเราตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นหน้า (ตอนนั้นเราขอให้สามีพาไป เราอยากเจอพ่อแม่เขา) เจอกันครั้งแรก แม่เขาก็ด่าเราว่าไปหลอกเอาลูกชายเขามา สามีเราตอนอยู่บ้านกับพ่อแม่ เขาเป็นคนที่คอยช่วยทำนั่นนี่ให้พ่อแม่ตลอด เพราะน้องอีก 3 คน ไม่ทำอะไรเลย ใครจะให้ช่วยทำอะไร สามีเราทำให้หมด เหมือนเป็นคนรับใช้ของครอบครัว พอสามีออกมาอยู่กับเรา แม่เขาเลยโกรธ น้องเขาก็ไม่ค่อยชอบเรา โดยเฉพาะน้องคนเล็ก เพราะตอนที่เราตัดสินใจซื้อบ้าน และจะให้สามีออกมาอยู่กับเรา ตอนนั้นน้องคนเล็กเพิ่งเรียนจบ ก่อนจะซื้อบ้านเราคุยกับสามีและวางแผนไว้แล้วว่าพอเขาช่วยส่งเสียน้องเรียนจนจบแล้วก็ไม่จำเป็นต้องส่งเงินให้อีก สามีก็จะช่วยจ่ายค่าผ่อนบ้านได้ เรารอให้น้องเขาเรียนจบ ถึงได้ซื้อบ้าน พอได้บ้านปุ๊ปเราก็ขอให้สามีเลิกส่งเงินให้น้อง (ตอนนั้นน้องเรียนจบมาห้าหกเดือนแล้ว แต่สามียังโอนเงินให้ทุกเดือนเหมือนตอนที่เรียน และน้องก็ยังอยู่คอนโดแถวมหาลัย เรียนจบนานแล้วแต่ไม่ยอมย้ายกลับมาอยู่บ้าน) พอเราได้บ้าน และให้สามีเอาเงินนั้นมาจ่ายค่าผ่อนบ้านแทน ซึ่งสามีก็เห็นด้วย เลยทำตาม ทำแบบนี้น้องเขาเลยไม่ค่อยพอใจ

ตัวเรานั้น ก่อนที่จะเจอสามี ตอนที่โสด เราเก็บเงิน ไปเที่ยว ตปท.กับเพื่อนได้ทุกปี แต่พออยู่กินกับสามี เราก็หยุดเที่ยว เงินที่มีก็หมดไปกับบ้าน ลงที่บ้านหมด เราคุยกับสามีเสมอว่าอยากไปเที่ยวญี่ปุ่นด้วยกัน (ครั้งล่าสุดที่เราไปเที่ยว ญป.กับเพื่อน เราได้ไปเอ่ยปากขอพรให้มีแฟนไว้) พอมีแฟนก็เล่าให้เขาฟัง เลยตกลงกันว่าถ้าพร้อมก็จะไปเที่ยว ญป.กันสองคน จะพาสามีไปไหว้ที่วัดที่เราไปขอพรมาด้วย สามีก็โอเค ก็คุยเรื่องเที่ยว ญป.กันมาตลอด 

เวลาผ่านไปแต่ละปีที่อยู่ด้วยกัน ชีวิตมันมีแต่ค่าใช้จ่าย พอผ่านไป 3 ปี ดอกเบี้ยบ้านปรับขึ้นโหดมาก เราผ่อนบ้านกันสองคนหนักหน่วงมาก ทำเรื่องรีไฟแนนซ์แล้ว แต่ก็ยังผ่อนต่องวดหนักอยู่ เลยทำให้เราไม่ค่อยเหลือเงิน สามีก็ทำงานเหมือนเดิม แต่เราทำอาชีพเสริมเอาเวลาว่างจากงานประจำมาทำขายของออนไลน์ ก็พอให้มีเงินเพิ่มขึ้นบ้าง เงินที่ได้จากการขายของออนไลน์ เราก็เอาไปโป๊ะบ้าน โบนัสที่ได้จากบริษัท เราก็เอามาซื้อประกันสุขภาพ เหลือเก็บบ้างนิดหน่อย แต่ก็ไม่มาก ก็ใช้ชีวิตอยู่แบบนี้ ทำอะไรก็ประหยัด เพราะถือว่าไม่ค่อยมีเงิน

----------------

เริ่มเข้าเรื่องละนะ 

วันหยุดยาวสิ้นปี วันลาเหลือ เราก็เลยลา แต่ก็ไม่ได้ไปไหน อยู่แต่บ้าน ทำงานบ้านไป ตัดหญ้าไป 
สามีก็วันหยุดเหลือ ก็ลา แต่เขาไปบ้านพ่อแม่ ไม่ได้อยู่บ้านกับเรา ไม่ไดพาเราไปไหน 
ตอนแรกก็คิดว่า เออ เขาไปบ้านพ่อแม่ ก็ปกติแหละ ดึกๆก็กลับมานอนบ้าน ก็ไม่เป็นไร เนื่องจากวันหยุดมันหลายวัน เราเลยเอ่ยปากชวนสามีว่า ไปเยี่ยมแม่เราสักวันสองวันไหม นอนคืนนึงแล้วก็กลับ (แม่เราแต่งงานมีครอบครัวใหม่ อยู่จังหวัดๆใกล้ๆกับ กทม. เดินทางไม่ไกลมาก ประมาณ 3 ชม.) ที่เราเอ่ยปาก เพราะเราแทบไม่เคยไปหาแม่เลย 

พอเราชวนก็ก็นิ่งใส่ ก็เลยถามว่าไม่อยากไปเหรอ เขาก็ตอบมาว่าเราไม่ค่อยมีเงินไม่ใช่เหรอ ไปต่างจังหวัดต้องใช้เงินเยอะนะ ไหนจะค่าน้ำมัน ค่ากินระหว่างทาง ไม่ค่อยมีเงินจะไปทำไม เราก็เลยเงียบ ไม่เอ่ยเรื่องนี้อีก เพราะพอพูดถึงเรื่องเงิน มันก็จริงอย่างที่สามีพูด 

ทีนี้พอใกล้วันสิ้นปี (วันที่ 30 ธ.ค.) สามีก็มาบอกว่าพรุ่งนี้จะไปขับรถให้ที่บ้าน น้องคนเล็กจองที่พักไว้แล้ว ครอบครัวเขาจะไปเที่ยวต่างจังหวัดกัน เราก็ถามเขาว่า ไม่ไปไม่ได้เหรอ อยู่บ้านพักผ่อนใช้เวลาวันหยุดอยู่ด้วยกันกับเราไม่ได้เหรอ เขาก็บอกว่าไม่ได้ ต้องไปช่วยขับรถ เราก็พูดว่าพ่อแม่และน้องทุกคนขับรถเป็น ทำไมต้องไปช่วยขับรถ ในเมื่อทุกคนก็ขับได้ น้องๆคนอื่นๆก็ขับได้ เขาบอกว่าหน้าที่ขับรถมันน่าที่ของเค้า คนอื่นๆขับรถเป็นก็จริง แต่ไม่ได้มีใครอยากขับ เราก็ถามไปอีกว่าจุดหมายคือไปที่ไหน สามีก็ตอบว่าจังหวัด... (ซึ่งก็คือจังหวัดที่แม่เราอาศัยอยู่กับครอบครัวใหม่ ที่เราชวนเขาไปก่อนหน้านี้นั่นแหละ) เราะก็เลยพูดว่าตอนเราชวนไป ทำเหมือนไม่อยากไป แต่พอครอบครัวเขาจะไป ก็ทำท่าอยากไปมากๆ ทำไมถึงเป็นแบบนี้ สามีก็พูดว่าก็เค้าไปฟรี พ่อจ่ายค่าที่พักให้หมด เราไม่มีเงินหนิจะไปทำไม เขาไปเขาไม่ได้จ่ายเงิน เราก็เลยทะเลาะกัน พอสามีเริ่มหงุดหงิด จากที่เขาจะนอน ก็ทำท่าจะออกจากบ้านไป บอกว่าเขาจะไปนอนที่บ้านพ่อแม่ เราก็น้ำตาไหลเลย เลยบอกเขาไม่ต้องไปหรอก ง่วงก็นอนไปเถอะ พอเค้ากลับไปนอน เราก็เดินลงมาข้างล่าง ลงมานั่งร้องไห้คนเดียวจนฟ้าสว่าง ตอนนั้นมันรู้สึกน้อยใจมากๆ คิดแค่มุมของตัวเองว่า ทีเราชวน เขาไม่ไป มาว่าเราไม่มีเงิน เป็นเพราะเราไม่มีเงิน สามีว่าเราเห็นแก่ตัว ไม่ยอมปล่อยเขาไปหาครอบครัว ตอนทะเลาะกันเราก็เลยพูดไปว่า อยุ่ด้วยกันทุกวันนี้มันก็เหมือนต่างคนต่างอยุ่ เหมือนเป็นรูมเมทที่อยุ่แล้วหารค่าเช่าบ้านกัน เวลาที่ให้กับเรา เรามองว่ามันน้อย แต่สามีก็เถียงว่าเขาอยุ่กับเราทุกวัน นอนด้วยกันทุกวัน เรามันแย่ ที่รั้งเขาไว้ ไม่ให้เขาไปเจอครอบครัว พอเขาพูดแบบนี้ เราก็เลยหยุดทะเลาะ ไม่ได้พูดอะไรต่อ เพราะทุกคำที่เขาพูดมา คือเราคนเดียวที่ผิด เรามันเลว มันเห็นแก่ตัว 

พอตอนเช้า เขาต้องไป ก็ออกบ้านไปเลย ไม่ได้พูดอะไรกัน พอเขาออกไปเที่ยวกับครอบครัว ก็คือเงียบหายไปเลย ไม่โทร ไม่ไลน์ ไม่ได้ติดต่อหรือพิมพ์อะไรมาบอกเลย เขาเป็นแบบนี้ทุกครั้ง ออกจากบ้านไปคือเหมือนหายตัวไป พอตกดึก เราก็อยากรู้ว่าเขาไปพักที่ไหน (ตอนทะเลาะกัน เขาก็ไม่ได้บอกว่าน้องเขาจองที่พักตรงไหนไว้) เราะเปิดดูใน find my iphone ถึงได้เห็นว่าพิกัดที่เขาอยุ่นั้น มันคือรีสอร์ทซึ่งอยู่ตรงข้ามกับหมู่บ้านที่แม่เราอาศัยอยู่เลย แค่ข้ามฝั่งถนนเอง มันเจ็บจี๊ดในใจมากๆ

หลังจากไปเที่ยวกับครอบครัวมา เขาก็ทำตัวเหมือนเดิม ใช้ชีวิตวนลูปเดิมๆกับเรา ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทำเหมือนไม่ได้ทะเลาะกัน 

และแล้ววันนี้ (10 ม.ค.) เขาก็มาบอกอีก ว่าน้องคนเล็กกำลังหาที่ตั๋วเครื่องบินไป ญป. บอกว่าพ่อเขาจะเอาโบนัสรอบนี้พาทุกคนในบ้านไปเที่ยว ญป. เราก็อึ้งมาก เพราะเพิ่งทิ้งให้เราหยุดสิ้นปีอยุ่บ้านคนเดียว แล้วเขาไปเที่ยวกับครอบครัว แล้วนี่ก็จะทิ้งเราอยู่บ้าน แล้วไปเที่ยว ญป.กับครอบครัวเขาอีก (ตอนก่อนหน้านี้ที่เรากับสามีคุยกันมาตลอดเรื่องไปเที่ยว ญป. เขาก็เอาแต่บอกปัด อ้างเรื่องเงินบ้าง อ้างว่าไม่น่าเที่ยวแล้วบ้าง) พอวันนี้มาพูดแบบนี้ เราก็เลยพูดกับเขาว่า คิดจะทิ้งเราไ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 11
ตัวเอง !!!  อยู่กับเค้า มีความสุขกว่า อยู่คนเดียว ..จริงไหม??
ถ้าอย่างนั้น  เราจะคุยกับตัวเองแบบผู้ใหญ่สอนนะคะ และบอกความจริงตรงๆด้วย
.... อยู่ตรงนั้นให้ได้ค่ะ !!  แค่เปลี่ยนความคาดหวัง ทำความเข้าใจ เพื่อจะอยู่อย่างมีความสุข(พอประมาณ)

ทำไมเราเชียร์ให้ "อยู่ต่อไป" อย่างเข้าใจและมีสุข?
เพราะคุณอายุ37 ถึงขนาดต้องไปบนบานขอมีแฟน (แปลว่าอยากมีมากๆ)
ตายาย(ที่เลี้ยงดู)เสียชีวิตแล้ว  แม่มีสามีใหม่ (โตกับตายาย แปลว่า พ่อห่างเหิน)
.... เราคิดว่า คุณหิวโหยความรัก และครอบครัวที่สมบูรณ์ ..ฉะนั้น คุณไม่พร้อมจะอยู่คนเดียว

ฉะนั้น เราอยากจะปรับทัศนคติ และวิธีใช้ชีวิตคู่ของคุณมากกว่า
เมื่อคุณเปลี่ยนความคิดคุณ  จะทำให้วิธีการเปลี่ยน  และมันจะเปลี่ยนความสัมพันธ์ได้
-------------
แต่มีความจริงที่คุณต้องยอมรับ และเปลี่ยนความจริงนี้ไม่ได้
1) เค้าจะมี2บ้านตลอดไป  และบ้านนั้นสันดอนเสีย ไม่มีทางเปลี่ยนได้
เค้าจะไม่ปล่อยลูกชายเค้า  สามีคุณต้องเลี้ยงดูพวกเค้าจนตาย (และจะหนักขึ้นเรื่อยๆ)
(ซึ่งเค้าก็เปย์ตามความต้องการคุณนะคะ  เค้าซื้อบ้าน .. เค้าจ่ายทางคุณมากกว่าทางพ่อแม่เค้านะ)
(แนะนำว่า  คุณหาทางเข้าทาง"พ่อเค้า" .. พ่อเค้าจะเป็นคำตอบและตัวช่วยของคุณ)

2) มีปัญหาในความสัมพันธ์ของคุณสองคน .. ที่คุณต้องแก้ปัญหา
(และเรามั่นใจ95%ว่า เค้ามีเมียน้อย .. ตี3ไม่ได้กลับมาจากบ้านพ่อแม่ รวมถึงวันอาทิตย์ด้วย)
.. เราแนะนำว่า คุณควรหาเงินและตามไปญี่ปุ่นทริปนี้ให้ได้ ...
คุณจะได้รับรู้ความจริงหลายอย่าง  (แม้ทุกคนจะวีนคุณ  สามีคุณจะเล่นใหญ่ด้วย)
ถ้าโชคดีที่สามีไปกับครอบครัว .. การที่คุณไปด้วย ต้องใช้ฝีมือมากๆ  เพราะอาจออกผลดีมากหรือเละสุดขีด
ตรงข้าม ถ้าสามีเล่นใหญ่เว่อร์ ..แปลว่าโอกาส80%ไม่ได้ไปกับครอบครัว (ไม่ทราบว่า ครั้งก่อนมีรูปถ่ายไหมว่าไปกับใคร)

3) คุณเป็นเมียจดทะเบียน และเป็นเจ้าของบ้านร่วม
.... คุณโคตรมีสิทธิอำนาจในตัวผุ้ชาย มากกว่าพ่อแม่เค้า  (และเหนือกว่าหญิงลับๆของเค้า)

นี่คืออาวุธ  นี่คืออำนาจความมั่นคงของคุณเอง  .. ใช้อาวุธให้เป็น !!

4)อยากให้คุณทำใจว่า เค้าจะไม่ยอมมีลูก .. ฉะนั้น พาเค้าไปทำหมันซะ(เก็บอสุจิแช่แข็งไว้) จะตัดปัญหาได้หลายอย่าง
เสียใจด้วยที่คุณไม่สามารถมีครอบครัวPerfect พ่อแม่ลูกในบ้านที่อบอุ่น
เพราะสามีมีกำพืดไม่ดี  อย่าให้กำเนิดลูกที่อดอยากความรักแบบคุณเลย (คุณติดกระดุมพลาดตั้งแต่เม็ดแรก)
.. อย่างไรก็ตาม  การมีสามี  เป็นคุ่ชีวิต(ที่อาจไม่ดีนัก)  ก็ดีกว่าอยู่คนเดียว
การมีครอบครัว  ก็ดีกว่าเดียวดายนะคะ  (แค่ปราบชะนี หรืออย่างน้อยแค่ทำหมัน ป้องกันการมีลูกกับคนอื่น .. เราก็คือครอบครัวที่2ของเค้าตลอดไป)

คนส่วนใหญ่คงจะด่าเราว่า  ความเห็นไร้ศักดิ์ศรี งี่เง่าโบราณ
แต่ความจริงคือ  คนแปลกหน้าบนโซเชียลไม่ได้เดือดร้อนที่คุณโดดเดี่ยวเดียวดาย  เค้าแค่มาแล้วจากไป
สำหรับคุณ  "ความโดดเดี่ยวหนักหนากว่าความน้อยใจ"
และ "การมีคู่ชีวิตที่จับมือในวันที่เราป่วย ก็ดีกว่านอนคนเดียวในห้องที่ไร้ผุ้คน"
จริงไหม???

ในเมื่อคุณมีครอบครัวนี้แล้ว  อย่าทิ้งไป  แค่ปรับมันให้เข้าที่ดีขึ้น
และทำความเข้าใจ  ใช้ฝีมือมากขึ้น และลดความคาดหวังลง
ความคิดเห็นที่ 13
ผู้ชายไม่พร้อมมีเมีย​ คุณ​ดันฝืนเองเพราะปมด้อยต้องการมีครอบครัวของคุณ
ความคิดเห็นที่ 14
ผู้ชายไม่ได้รักคุณแล้ว เขาเลยไม่สนคุณ
สังเกตดี ๆ ตอนแรกเขาเห่อคุณ ยอมขัดครอบครัว
เอาเงินที่จะให้น้องมารวมซื้อบ้านกับคุณ
คือเขารักครอบครัวก็จริง แต่ถ้าเห่อหญิงก็ยอมแข็งข้อ

ตอนนี้เขาหายเห่อแล้ว เขาเลยกลับไปหาครอบครัว
ที่ไม่มีอะไรกับคุณไม่ใช่เพราะกลัวมีลูก
ไม่งั้นคนไทยก็ลูกเต็มประเทศแล้ว
แต่เขาไม่มีอารมณ์ร่วม

ที่เขาทำทุกอย่างแบบไม่แคร์คุณ เพราะเขา 50/50
คืออยู่กับคุณเพราะห่วงบ้านที่เป็นของเขาครึ่งนึง
การกลับมานอนบ้านคือกลับมาบ้านเขา
ไม่ใช่กลับมาเพราะเมีย และถ้าเมียทนไม่ไหวอยากเลิก
เดาว่าเขาคงไม่มีปัญหา

เป็นเราคงปลงแล้ว คงถามผู้ชายว่าจะขายบ้าน
หรือเขาจะเอาไว้เองแล้วเอาเงินมาคืนเรา
จากนั้นก็ต่างคนต่างอยู่
ไม่รู้จะมานั่งทำความสะอาดบ้านรอเพื่ออะไร
เอาเวลาไปทำความสะอาดบ้านเล็ก ๆ ของเรา
คนเดียวดีกว่า
ความคิดเห็นที่ 16
พูดตรงๆในฐานะคนนอก ประสบการณ์เดทเราเยอะ คุณเลือกสามีผิดคน!

1. อย่าเอาคนมีภาระครอบครัวมาทำผัว ภาระครอบครัวไม่จบ

2. อย่าเอาคน mama boy มาทำผัว เขาจะเอาคุณเป็น priority ท้ายๆเลย แม่เขาคือที่ 1

3. อย่าหารครึ่งค่าใช้จ่ายกับ ผช เพราะมันบ่งบอกถึง ผช กระจอก ดูแลลูกเมียไม่ได้ พึงพาไม่ได้ เพราะเคสคุณคือเขาอุ้มครอบครัวเขาอยู่ไง วนไปข้อ 1

4. นอกจากหารครึ่งแล้ว คุณยังรับจบงานบ้านคนเดียว 100% คุณโดน ผช เอาเปรียบแบบไม่รู้ตัวมาหลายปี มองกระจกดูตอนนี้คุณโทรมแค่ไหน

5. เขาไม่ได้มองคุณเป็น prize ในชีวิตเขา ดูจากที่ไม่เคยสู้อะไรเพื่อคุณ ไม่เคยอยากพาไปหาแม่ you are not his prize คุณแค่ยัดเยียดตัวเองไปอยู่ในชีวิตเขา ที่เขายอมรับเพราะแค่อยากหาคนช่วยหารค่าบ้าน (ที่เขาไม่มีปัญญาผ่อนคนเดียว)

แรง เจ็บ แต่เป็นความจริง

เขาไม่ได้รักคุณตั้งแต่แรก เขาแต่งกับคุณแค่หาคนช่วยจ่ายบิล ช่วยผ่อนบ้าน ทำงานบ้านให้ฟรีๆ วันไหนเขาเจอ dream girl เขาก็ไป ตอนนี้เริ่มมีกลิ่นแล้วด้วย
ความคิดเห็นที่ 2
มีสามีแต่เหมือนอยู่ตัวคนเดียว ก็อยู่คนเดียวดีกว่ามั้ย ถ้าไม่ได้ ก็คงทำได้แค่น้อยใจไปแบบนี้  ถ้าคุณไม่คิดเข้าข้างตัวเองก็ตามเซ้นส์เลยค่ะ สามีเบื่อแล้ว เค้าอยู่ในสังคมแบบเดิมของเค้าก่อนมีคุณมีความสุขกว่า
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่