เปิดเส้นทาง BYD จากคำดูถูกของ Elon Musk สู่รถยนต์ไฟฟ้าอันดับหนึ่งที่แซงหน้า Tesla

BYD คือ ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติจีนที่ล่าสุดสามารถส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าได้มากกว่า Tesla ซึ่งเป็นผู้เล่นอันดับหนึ่งในตลาดนี้มาก่อนได้แล้ว จากผู้รับผลิตแบตเตอรี่มาสู่ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าได้อย่างไร มาติดตามเส้นทางกัน

จากคำดูถูกสู่เบอร์หนึ่งรถยนต์ไฟฟ้าจีน

 Elon Musk ผู้ก่อตั้ง Tesla เคยดูแคลน BYD ในปี 2011 ด้วยการหัวเราะเยาะรถยนต์ในสัมภาษณ์กับ Bloomberg 
 "คุณเคยเห็นรถของพวกเขาไหม?" Musk พูดประชดประชัน "ผมไม่คิดว่ามันน่าดึงดูดอะไร เทคโนโลยีก็ไม่ค่อยแข็งแรง และ BYD ในฐานะบริษัทก็มีปัญหาค่อนข้างรุนแรงในบ้านเกิดของพวกเขาในจีน ดูเหมือนพวกเขาควรจะโฟกัสไปที่การเอาชีวิตรอดในจีนมากกว่า"

แต่ BYD กลับไม่ได้ตายอย่างที่ Musk คาดการณ์ พวกเขายังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง จนสามารถโค่นบัลลังก์แชมป์ผู้ผลิตรถยนต์ EV จากTesla ในไตรมาสที่ 4 โดยมียอดขายรถยนต์ไฟฟ้ามากกว่าคู่แข่งจากสหรัฐฯไปแล้ว

 "เป้าหมายของพวกเขาคือการเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดของจีน และทำให้จีนกลายเป็นศูนย์กลางการผลิตแห่งใหม่" เทย์เลอร์ โอแกน ซีอีโอของ Snow Bull Capital กล่าวถึงความทะเยอทะยานอันยาวนานของ BYD

แล้วบริษัทรถยนต์สัญชาติจีนแห่งนี้เริ่มต้นจากการผลิตแบตเตอรี่โทรศัพท์กลายเป็นผู้นำด้านรถยนต์ไฟฟ้าได้อย่างไร?

จุดเริ่มต้นของ BYD จากผู้รับจ้างผลิตแบตเตอรี่
ถึงแม้ปัจจุบัน BYD จะเป็นที่รู้จักในฐานะยักษ์ใหญ่รถยนต์ไฟฟ้า แต่ธุรกิจของพวกเขายังกระจายตัวไปยังหลายอุตสาหกรรม ตั้งแต่แบตเตอรี่, การทำเหมือง, ไปจนถึงเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของบริษัท

 BYD คือ บริษัทฯสัญชาติจีนก่อตั้งโดยนักเคมีชื่อว่า หวัง ชวนฝู ในปี 1995 ณ เมืองเซินเจิน ประเทศจีน ศูนย์กลางเทคโนโลยีขนาดใหญ่ของประเทศ บริษัทเริ่มต้นด้วยพนักงานเพียง 20 คน และทุนจดทะเบียน 2.5 ล้านหยวนจีน หรือประมาณ 351,994 ดอลลาร์สหรัฐ

ในปี 1996 BYD เริ่มผลิตแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน ซึ่งเป็นชนิดเดียวกับที่ใช้ในสมาร์ทโฟนยุคใหม่ พอดีกับช่วงที่ตลาดโทรศัพท์มือถือกำลังเฟื่องฟู BYD เติบโตอย่างรวดเร็ว จนกลายเป็นผู้จัดหาแบตเตอรี่ให้กับยักษ์ใหญ่อย่าง Motorola และ Nokia ในปี 2000 และ 2002 ตามลำดับ

ปี 2002 BYD เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง อานิสงส์จากความสำเร็จด้านแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน ส่งให้บริษัทเติบโตอย่างก้าวกระโดด
จุดหันเหสู่วงการรถยนต์สันดาป

ปี 2003 BYD ซื้อกิจการ Xi’an Qinchuan Automobile ซึ่งเป็นบริษัทรถยนต์ขนาดเล็ก สองปีต่อมาเปิดตัวรถคันแรกคือ F3 ซึ่งเป็นรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปทั่วไป จนกระทั่งปี 2008 BYD เปิดตัว F3DM รถยนต์ไฟฟ้าคันแรกของบริษัท เป็นแบบไฮบริดเสียบปลั๊ก

ปีเดียวกันนั้น Berkshire Hathaway ของ Warren Buffett ลงทุน 230 ล้านดอลลาร์สหรัฐใน BYD ซึ่งช่วยสนับสนุนความฝันด้านรถยนต์ไฟฟ้าของบริษัท BYD มุ่งหน้าสู่ตลาดรถยนต์ไฟฟ้า โดยอาศัยความเชี่ยวชาญด้านแบตเตอรี่ ปี 2020 บริษัทเปิดตัวแบตเตอรี่ Blade ซึ่งช่วยจุดประกายการเติบโตของ BYD ในตลาดรถยนต์ไฟฟ้า

 Blade เป็นแบตเตอรี่ LFP (ลิเธียมไอเอิร์นฟอสเฟต) ในช่วงเวลานั้น ผู้ผลิตแบตเตอรี่หลายรายกำลังทิ้ง LFP เพราะมองว่าความหนาแน่นพลังงานต่ำ (หนักเกินไปสำหรับพลังงานที่ให้)

แต่ BYD โฆษณา Blade ว่าเป็นความก้าวหน้าด้านความหนาแน่นพลังงานที่ดีและความปลอดภัยสูง บริษัทนำ Blade มาใช้ในรถยนต์ Han ซีดานสปอร์ตที่เปิดตัวในปี 2020 ซึ่งเป็นคู่แข่งของ Tesla Model S หลังจากนั้น BYD ยังใช้ Blade ในรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ด้วย

ในที่สุด BYD ขายรถยนต์ไฟฟ้าล้วน (BEV) ได้ 130,970 คันในปี 2020 และเพิ่มเป็น 1.57 ล้านคันในปีที่ผ่านมา

เบื้องหลังความสำเร็จของ BYD
แบตเตอรี่เป็นตัวอย่างของกลยุทธ์การลงทุนเชิงรุกและความหลากหลายทางธุรกิจของ BYD ทู เล่ จาก Sino Auto Insights บอกกับ CNBC ว่า ประสบการณ์การผลิตแบตเตอรี่ให้บริษัทยักษ์อย่าง Apple ส่งผลให้ BYD มีความอดทนต่อแรงกดดัน และความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีแบตเตอรี่ ช่วยให้บริษัทขยายตลาดไปยังผู้ผลิตรถยนต์รายอื่นๆ 

นอกจากนี้ BYD ยังไม่หยุดพัฒนาคุณภาพ ดีไซน์ และวิศวกรรมของรถยนต์ตัวเองอีกด้วย ทั้งหมดนี้สะสมมาอย่างต่อเนื่อง 15-20 ปี เป็นรากฐานสำคัญที่ทำให้ BYD สามารถแซงหน้า Tesla ในไตรมาสที่ 4 ปี 2023

นอกจากนี้ BYD ยังไม่กระโจนเข้าสู่ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าล้วนทันที แต่เริ่มจากรถยนต์ไฮบริด

อัลวินหลิวจาก Canalys อธิบายว่า ในช่วงแรกของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าจีน โครงสร้างพื้นฐานสำหรับการชาร์จยังไม่พร้อม ผู้บริโภคยังลังเล การวางจำหน่ายทั้งรถยนต์ไฟฟ้าล้วน (BEV) และรถยนต์ไฮบริดแบบเสียบปลั๊ก (PHEV) ของ BYD ทำให้เข้าถึงตลาดได้อย่างกว้างขวาง คุณสมบัติของ PHEV ที่ประหยัดน้ำมัน ช่วยลดความกังวลเรื่องระยะทาง ส่งผลให้ BYD ได้รับความนิยม

ช่องว่างการตลาดที่เหมาะสมยังเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญของความสำเร็จ BYD เจาะตลาดระดับกลางในจีน ซึ่งมีคู่แข่งน้อย ส่งเสริมการเติบโตของบริษัท หลิว ยังกล่าวว่า BYD ประสบความสำเร็จด้านการสร้างแบรนด์ โดยมีแบรนด์ย่อยสำหรับตลาดระดับราคาที่แตกต่างกัน เช่น แบรนด์ Denza สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าระดับกลาง-สูง


รัฐบาลจีนสนับสนุน

นอกเหนือจากกลยุทธ์ของ BYD เองแล้ว การสนับสนุนภาค EV อย่างหนักของรัฐบาลจีนก็มีส่วนขับเคลื่อนความสำเร็จของบริษัทช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ปักกิ่งให้เงินอุดหนุนเพื่อดึงดูดใจผู้ซื้อรถยนต์ไฟฟ้า และยังให้การสนับสนุนอุตสาหกรรมนี้ในรูปแบบต่างๆ มาตรการเหล่านี้เริ่มขึ้นประมาณปี 2009 ซึ่งตรงกับช่วงที่ BYD เร่งเครื่องในตลาด EV

 Rhodium Group คาดการณ์ว่า BYD ได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐบาลประมาณ 4.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ระหว่างปี 2015 ถึง 2020

เกรกอร์เซบาสเตียนนักวิเคราะห์อาวุโสจาก Rhodium กล่าวว่า "BYD เป็นบริษัทที่มีนวัตกรรมสูงและปรับตัวได้ดี แต่การเติบโตของบริษัทนั้นเชื่อมโยงอย่างแน่นแฟ้นกับการปกป้องและสนับสนุนจากปักกิ่ง หากปราศจากการหนุนหลังนี้ BYD คงไม่สามารถเป็นผู้นำระดับโลกอย่างทุกวันนี้ อีกทั้งการได้รับเงินทุนกู้และทุนทรัพย์ในราคาต่ำกว่าท้องตลาด ช่วยให้ BYD สามารถขยายการผลิตและกิจกรรมวิจัยพัฒนาได้อย่างมั่นคง"

BYD ขยายอาณาจักร EV ออกนอกประเทศจีน
หลังจากครองตลาดรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ในจีนอย่างเบ็ดเสร็จ BYD กำลังเดินหน้าขยายอำนาจออกสู่ต่างประเทศอย่างแข็งขัน บริษัทจำหน่ายรถยนต์ในหลายประเทศ ตั้งแต่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ไปจนถึงไทยและสหราชอาณาจักร

ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ BYD มีส่วนแบ่งตลาดรถยนต์ไฟฟ้า 43% แต่การบุกตลาดต่างประเทศของ BYD ไม่ใช่แค่การขายรถเท่านั้น ยังขยายไปสู่การผลิตและวัตถุดิบด้วย

 BYD ประกาศในเดือนธันวาคมว่าจะเปิดโรงงานผลิตแห่งแรกในยุโรปที่ฮังการี และบริษัทยังมองหาโอกาสในการซื้อสินทรัพย์เหมืองลิเธียมในบราซิล ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของแบตเตอรี่ BYD

อย่างไรก็ตามการขยายตลาดทั่วโลกย่อมนำมาซึ่งการตรวจสอบอย่างเข้มงวดจากรัฐบาลต่างๆที่กังวลเกี่ยวกับเงินอุดหนุนที่ผู้ผลิตรถยนต์จีนได้รับ
ในเดือนกันยายนคณะกรรมาธิการยุโรปซึ่งเป็นฝ่ายบริหารของสหภาพยุโรปเริ่มการสอบสวนเงินอุดหนุนที่มอบให้แก่ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในจีนในขณะเดียวกันสหรัฐฯกำลังพยายามส่งเสริมภาค EV ภายในประเทศของตนเองผ่านกฎหมายลดเงินเฟ้อ เพื่อลดการแข่งขันจากจีน

 "โครงการต่างๆ เช่น IRA และการตรวจสอบการอุดหนุนของ EU มีจุดประสงค์เพื่อขัดขวางความก้าวหน้าของจีนในตลาดเหล่านี้" เซบาสเตียนจาก Rhodium กล่าว

 "เพื่อให้แน่ใจว่าการเติบโตอย่างยั่งยืน BYD กำลังดำเนินการแก้ไขอุปสรรคทางการเมืองเหล่านี้อย่างรอบคอบ ดังเห็นได้จากการลงทุนล่าสุดในโรงงานผลิต EV ในฮังการี เน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นในการขยายตลาดโลก"

การต่อสู้ระหว่าง Tesla กับ BYD
ศึกชิงแชมป์ระหว่างผู้ผลิต EV รายใหญ่ที่สุด 2 ค่ายของโลก Tesla และ BYD ยังคงดำเนินต่อไป ทู เล่ จาก Sino Auto Insights เชื่อว่า BYD ยังไม่ถึงจุดสูงสุดของศักยภาพ

เล่กล่าวว่า “บริษัทรถยนต์ส่วนใหญ่ มองข้าม BYD มานาน เรื่องนี้สะท้อนเส้นทางของ Tesla เพราะในช่วงแรก คนก็ไม่ได้มอง Tesla อย่างจริงจังเช่นกัน”
ส่วนของ Tesla บริษัทกำลังเผชิญการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นในปี 2024 ผู้ผลิตรถยนต์จีนเปิดตัวรุ่นใหม่มากขึ้น และผู้ผลิตรถยนต์ดั้งเดิมก็พยายามตามให้ทันในตลาด EV

แดเนียลโรอสก้านักวิเคราะห์อาวุโสจาก Bernstein Research บอก CNBC ว่า ในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า ผลงานขายของ Tesla น่าจะทรงตัว แต่ BYD มีแนวโน้มเติบโตได้เร็วกว่า

รอสก้ากล่าวว่า “BYD ตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง พวกเขากำลังเร่งเครื่องเต็มสูบ โดยเฉพาะการขยายตลาดในยุโรปและต่างประเทศอื่นๆ ดังนั้น เรื่องราวของ BYD จะมีการเติบโตอีกมากอย่างแน่นอนในอีก 12-24 เดือนข้างหน้า”

Elon Musk ประธาน Tesla รู้สึกตัวแล้วว่าไม่ควรประมาท BYD ในคอมเมนต์ที่โพสต์บน X ตอบกลับวิดีโอสัมภาษณ์ของ Bloomberg ในปี 2011 Musk กล่าวว่า “นั่นมันหลายปีก่อน รถของพวกเขาแข่งขันได้สูงมากในปัจจุบัน”

 BYD คือ ผู้เล่นแถวหน้าของผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าระดับโลกไปแล้ว แต่หลังจากนี้ยังมีความท้าทายอีกมากที่กำลังรออยู่  จากการแข่งขันที่รุนแรงในตลาด EV ทั่วโลกจากผู้ผลิตรถยนต์รายอื่นๆ เช่น Tesla, Volkswagen และ Toyota เป็นความท้าทายที่ BYD จำเป็นต้องเอาชนะความท้าทายต่างๆ เพื่อรักษาตำแหน่งผู้นำไว้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่