ประเทศไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุแล้ว..
ในอนาคต จำนวนผู้สูงอายุก็จะยิ่งมากขึ้นๆตามลำดับ
งบค่ารักษาพยาบาลของภาครัฐ ก็จะยิ่งสูงขึ้นๆ
คนรุ่นใหม่ก็มีบุตรน้อยลงๆ
ส่งผลให้คนเข้าสู่ตลาดแรงงาน ลดลงตามไปด้วย
คนเสียภาษีก็จะลดลงๆ
ทั้งหมดนี้เป็นความจริงที่เป็นอยู่ และที่จะเป็นในอนาคต
___________________________________________
เบี้ยผู้สูงอายุ..หรือสวัสดิการอะไรก็ตามแต่เพื่อคนกลุ่มนี้
มีความเกี่ยวพันกับสุขภาพ และความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นบ้างของผู้สูงอายุ
มีผลกับงบประมาณสามสิบบาทที่อาจต้องจ่ายน้อยลงได้ทางหนึ่ง
ที่ผู้เกี่ยวข้องควรมองแบบบูรณาการ ไม่ใช่มองแยกขาดกัน
______________________________________________________
ได้ยินท่าน รมต.กระทรวง พ.ม.ให้สัมภาษณ์ เรื่องเบี้ยผู้สูงอายุ ว่า..
จำนวนคนเสียภาษีน้อย
รายรับของรัฐบาล น้อยกว่ารายจ่าย
ไม่อยากจะตั้งงบประมาณขาดดุลให้เป็นภาระของประเทศ
มีคนกลุ่มอื่นที่จำเป็นกว่า...
ทำให้มีปัญหาในการจัดการเรื่องนี้
ฟังแล้วก็น่าเห็นใจท่านนะครับ..
ว่าท่านหมดปัญญาแล้วจริงๆ
ท่านทำได้แค่นั่งรอ..
ให้จำนวนคนเสียภาษีมีมากขึ้น
ให้รายรับของรัฐบาล มากกว่ารายจ่าย
ส่วนผู้สูงอายุทั้งหลาย ก็คงต้องรอ..
ให้ผู้มีอำนาจเห็นความจำเป็นของผู้สูงอายุ
ให้ผู้มีอำนาจมีความกล้าที่จะตั้งงบประมาณเพื่อผู้สูงอายุ
ให้ผู้มีอำนาจมีการทำงานเชิงรุกมากกว่านี้
ให้ผู้มีอำนาจมีความคิดสร้างสรรค์มากกว่านี้
ให้มีผู้มีอำนาจคนใหม่ที่มีแนวทางรองรับสังคมผู้สูงอายุ
ทั้งๆที่ตามข้อเท็จจริงแล้ว...
มันจะเกิดสวนทางกับท่านยกมาเป็นข้ออ้าง
และปัญหาจะยิ่งหนักหนาสาหัสมากขึ้นๆเรื่อยๆ
เพราะจำนวนผู้สูงอายุจะมากขึ้นๆทุกๆปี
ยังมีผู้สูงอายุอีกมาก ที่ลูกหลานก็ไม่ได้เลี้ยงดู
แต่ยังเป็นคนไทนคนหนึ่งเหมือนกัน
ที่รัฐบาลจะปฏิเสธการดูแลไม่ได้
เพียงแค่คำว่า งบประมาณไม่มี...
แค่สงสัย...รัฐบาลมองผู้สูงอายุเป็นเรื่องที่ต้องวางแผนรองรับ หรือเป็นภาระของงบประมาณ?
ในอนาคต จำนวนผู้สูงอายุก็จะยิ่งมากขึ้นๆตามลำดับ
งบค่ารักษาพยาบาลของภาครัฐ ก็จะยิ่งสูงขึ้นๆ
คนรุ่นใหม่ก็มีบุตรน้อยลงๆ
ส่งผลให้คนเข้าสู่ตลาดแรงงาน ลดลงตามไปด้วย
คนเสียภาษีก็จะลดลงๆ
ทั้งหมดนี้เป็นความจริงที่เป็นอยู่ และที่จะเป็นในอนาคต
___________________________________________
เบี้ยผู้สูงอายุ..หรือสวัสดิการอะไรก็ตามแต่เพื่อคนกลุ่มนี้
มีความเกี่ยวพันกับสุขภาพ และความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นบ้างของผู้สูงอายุ
มีผลกับงบประมาณสามสิบบาทที่อาจต้องจ่ายน้อยลงได้ทางหนึ่ง
ที่ผู้เกี่ยวข้องควรมองแบบบูรณาการ ไม่ใช่มองแยกขาดกัน
______________________________________________________
ได้ยินท่าน รมต.กระทรวง พ.ม.ให้สัมภาษณ์ เรื่องเบี้ยผู้สูงอายุ ว่า..
จำนวนคนเสียภาษีน้อย
รายรับของรัฐบาล น้อยกว่ารายจ่าย
ไม่อยากจะตั้งงบประมาณขาดดุลให้เป็นภาระของประเทศ
มีคนกลุ่มอื่นที่จำเป็นกว่า...
ทำให้มีปัญหาในการจัดการเรื่องนี้
ฟังแล้วก็น่าเห็นใจท่านนะครับ..
ว่าท่านหมดปัญญาแล้วจริงๆ
ท่านทำได้แค่นั่งรอ..
ให้จำนวนคนเสียภาษีมีมากขึ้น
ให้รายรับของรัฐบาล มากกว่ารายจ่าย
ส่วนผู้สูงอายุทั้งหลาย ก็คงต้องรอ..
ให้ผู้มีอำนาจเห็นความจำเป็นของผู้สูงอายุ
ให้ผู้มีอำนาจมีความกล้าที่จะตั้งงบประมาณเพื่อผู้สูงอายุ
ให้ผู้มีอำนาจมีการทำงานเชิงรุกมากกว่านี้
ให้ผู้มีอำนาจมีความคิดสร้างสรรค์มากกว่านี้
ให้มีผู้มีอำนาจคนใหม่ที่มีแนวทางรองรับสังคมผู้สูงอายุ
ทั้งๆที่ตามข้อเท็จจริงแล้ว...
มันจะเกิดสวนทางกับท่านยกมาเป็นข้ออ้าง
และปัญหาจะยิ่งหนักหนาสาหัสมากขึ้นๆเรื่อยๆ
เพราะจำนวนผู้สูงอายุจะมากขึ้นๆทุกๆปี
ยังมีผู้สูงอายุอีกมาก ที่ลูกหลานก็ไม่ได้เลี้ยงดู
แต่ยังเป็นคนไทนคนหนึ่งเหมือนกัน
ที่รัฐบาลจะปฏิเสธการดูแลไม่ได้
เพียงแค่คำว่า งบประมาณไม่มี...