บรรยกาศปีใหม่ที่ผ่านมาคงกร่อยที่สุดสำหรับผมและครอบครัว หากไม่มีเหตุบังเอิญ โชคดี หรือบารมีพระพรหม
ผมทำงานเป็นช่างไอทีซัพพอร์ตอิสระ ส่วนแฟนผมทำงานประจำออฟฟิศ
เพื่อนของหัวหน้าแฟนผม (พี่เก๋-นามสมมติ) ซึ่งเคยทำงานบริษัทเดียวกับหัวหน้ามาก่อน ได้ออกไปทำธุรกิจส่วนตัว เปิดบริษัทรับรักษาความสะอาด มีปัญหาหมุนเงินไม่ทัน ต้องไปยืมเงินกู้รายวัน ดอกเบี้ยสูงมาก หัวหน้าเลยแนะนำให้มายืมกับแฟนผม เพราะเห็นว่า พี่เก๋เป็นคนดี ไม่หนีหนี้แน่นอน รู้จักกันมานาน รู้นิสัยกันดี
ในระยะแรก ๆ พี่เก๋โอนคืนตามกำหนด แล้วยืมต่อเรื่อย ๆ ไม่เคยผิดนัดเวลาจ่ายคืน
มาถึงเดือนธันวาคม 2566 ที่ผ่านมา พี่เก๋เริ่มมีอาการไม่ตรงนัด เลื่อนบ้าง ขอยืมเพิ่มเล็ก ๆ น้อย ๆ บ้าง หลัง ๆ มา ไลน์ไปไม่ค่อยอ่าน ทางแฟนผมเห็นอาการไม่ค่อยดี ในที่สุดก็ตกลงกันว่าจะคืนทั้งหมดที่ค้างในวันที่ 16-12-2566
วันที่ 16-12-2566
พี่เก๋ไม่โอนคืน แฟนผมทวงถาม ได้รับคำตอบว่า เก็บเงินลูกค้ายังไม่ได้ จะได้วันที่ 25 ได้แน่นอน
พี่เก๋เสนอให้เอาแฟนผมเอารถมาจอดเป็นหลักค้ำประกันก่อน แฟนผมเชื่อใจพี่เก๋ เนื่องจากเป็นเพื่อนหัวหน้าและก็รู้จักกันด้วย จึงบอกว่าไม่ต้องเอามาจอด โดยตกลงกันว่า วันที่ 25-12-2566 จะคืนเงินที่ค้างทั้งหมด
วันที่ 25-12-2566
ไม่มีการติดต่อกลับจากพี่เก๋ แฟนผมไลน์ไป ไม่อ่าน หัวหน้าที่เป็นเพื่อนกับพี่เก๋ติดต่อไปก็ไม่รับสาย ไม่อ่านไลน์
แฟนเริ่มเครียด จึงหาข้อมูลติดต่อไปสอบถามคนอื่นที่เคยร่วมงานกับพี่เก๋
คำตอบที่ได้ ทำให้แฟนยิ่งเครียดไปใหญ่ นั่นคือ ทำไมไม่สอบถามก่อน ให้พี่เก๋ยืมทำไม
สอบถามคนอื่น ๆ อีกสองสามคน ก็ได้คำตอบลักษณะเดียวกันคือ ถ้าถามก่อน จะบอกเลยว่า อย่าให้ยืม
แฟนนอนไม่หลับ นอนร้องไห้ เพราะไม่คิดว่าจะเจอสถานการณ์แบบนี้
วันที่ 26-12-2566
เวลาประมาณบ่ายโมง ผมไปดูบ้านพักของพี่เก๋ ซึ่งเป็นที่ตั้งของบริษัทพี่เก๋ด้วย (หาข้อมูลจากที่ตั้งบริษัท) ประตูบ้านปิดทั้งด้านนอกและด้านใน แต่ไม่ได้คล้องกุญแจ หน้าต่างเปิดอยู่ 2 บาน รองเท้าระเกะระกะ (ทาวน์เฮ้าส์ 2 ชั้น)
วันที่ 27-12-2566
ผมพาแฟนไปดูบ้านพี่เก๋อีกครั้ง ก็ไม่เจอตัว ตะโกนเรียก ไม่มีเสียงตอบกลับ ที่ประตูด้านนอกมีเอกสารเสียบอยู่ สอบถามบ้านตรงข้าม ได้ความว่า ไม่เห็นแกเข้ามาหลายวันแล้ว ผมเขียนกระดาษไปติดที่หน้าบ้าน ให้พี่เก๋ ติดต่อกลับแฟนผมด่วน
บริษัทพี่เก๋เป็นบริษัทรับทำความสะอาด เวลาพี่เก๋ไปรับงาน คุยงานแกชอบโพสไชท์งาน ชอบไลฟ์สดคุยเรื่องการไปคุยงาน จุดนี้ทำให้ผมเริ่มหาข้อมูลของพี่เก๋ได้มากขึ้น
คืนวันนั้นแฟนผม เพื่อนแฟนผม เข้าไปดูข้อมูลในเฟสบุ๊คพี่เก๋ พยายามลองขอเป็นเพื่อนกับเพื่อนพี่เก๋ในเฟสฯ (เน้นคนที่มักมาแสดงความเห็นเวลาพี่เก๋โพส) แต่ไม่มีใครตอบรับเป็นเพื่อน
ผมเริ่มคิดวางแผนการติดตามเอาเงินคืน
- วิธีที่หนึ่ง จะตามหาตัวให้เจอก่อน เพื่อพูดคุยตกลงว่าจะคืนอย่างไร เมื่อไหร่ โดยจะตามไปตามไชท์งานต่าง ๆ ที่พี่เก๋รับงาน ถ้าเจอตัวก็เจรจา ถ้าไม่เจอตัว จะทำทีเป็นฝากเอกสารกับพนักงานของพี่เก๋ไว้ (พิมพ์ข้อความใส่ซองไว้) จุดประสงค์เพื่อให้พี่เก๋รู้ว่า เรารู้ว่าแกรับงานที่ไหนบ้าง
- วิธีที่สอง ถ้าวิธีแรกไม่ได้ผล จะไปลงเทียบแก้หนี้ ในฐานะเจ้าหนี้
- วิธีที่สาม ถ้าสองวิธีแรกไม่ได้ผล จะฟ้องศาล
ผมบอกแฟนว่า ให้ทำใจ ถ้าถึงขั้นไม่รับสาย ไม่แจ้งกลับ หายไปแบบนี้ คงอีกนานกว่าจะเจอตัว อาจจะได้คืนหรือไม่ได้คืนก็ได้
ผมเริ่มเข้าไปหาข้อมูลพี่เก๋จากเฟสฯ ข้อมูลบริษัทพี่เก๋ เพจบริษัท ไล่ดูข้อความที่โพส ไล่ดูรูปที่โพส จนได้ข้อมูลที่น่าสนใจ คือทะเบียนรถ รูปถ่ายขณะอยู่ที่ไซท์งานต่าง ๆ
เผอิญที่ตึกแถวทางเข้าบ้านพี่เก๋ มีลูกค้าผมอยู่เจ้าหนึ่ง ผมวางแผนไว้ว่าจะไปขออนุญาตติดตั้งกล้องวงจรปิดไว้ เพื่อเช็คดูว่าพี่เก๋จะเข้ามาที่บ้านบ้างหรือไม่
วันที่ 28-12-2566
แฟนไปทำงาตามปกติ ผมไปแก้ปัญหาคอมพิวเตอร์ให้ลูกค้าแห่งหนึ่ง แล้วกลับมาเพื่อกินข้าวเที่ยงที่บ้าน ก่อนกลับบ้าน ผมไปดูลาดเลาที่บ้านพี่เก๋อีกครั้ง ทุกอย่างยังเงียบเหมือนเดิม ไม่มีรถจอดในบ้าน ตำแหน่งของกระดาษที่เสียบไว้ที่ประตู ยังอยู่ตำแหน่งเดิม ผมถ่ายรูปตำแหน่งของรองเท้าหน้าบ้านไว้ เพื่อดูว่า ถ้ามาดูอีกครั้ง ตำแหน่งจะเปลี่ยนไปไหม
เนื่องจากใกล้จะเดินทางไปตจว. เมื่อกลับมากินข้าวเที่ยงที่บ้านเสร็จ ผมเลยเอาเสื้อผ้ามาซักเตรียมไว้ด้วย ประมาณบ่ายโมงผมออกเดินทางไปที่ไซท์งานที่ใกล้ที่สุดของพี่เก๋ เป้าหมายคือหาพนักงานบริษัทพี่เก๋ให้เจอ แล้วฝากเอกสารไป
ระหว่างทาง ผมแวะปั้มประมาณ 15 นาที แล้วเดินทางต่อจนถึงจุดหมาย เป็นคอนโดเอื้ออาทรแห่งหนึ่ง
ผมเดินตามถนนที่ตัดผ่ากลางคอนโดไปเรื่อย ๆ เพื่อหาดูลูกน้องพี่เก๋ (ลูกน้องต้องใส่เสื้อบริษัทพี่เก๋-เป็นฟอร์มบริษัท) แต่ก็ไม่เจอ
เดินมาจนถึงประมาณกลางทาง ผมเห็นตำแหน่งที่พี่เก๋เคยจอดรถถ่ายรูปลงเฟส ตำแหน่งที่จอดรถ-ถังขยะ-พุ่มดอกเข็ม-ชื่ออาคารซ้ายขวา เหมือนในรูปทุกประการ และตรงนั้นมีป้ายบอกว่า นิติบุคคลอาคารชุด.... ผมยืนดูสักครู่ เผื่อจะมีพนักงานพี่เก๋เดินมา ปรากฏว่าเงียบ
ผมเดินต่อไปเรื่อย ๆ แบบลม ๆ แล้ง ๆ เกือบจะสุดทาง ผมก็วกกลับบมา แล้วมานั่งตรงม้านั่งข้างทาง ตรงข้ามจุดที่พี่เก๋เคยจอดรถ
ประมาณไม่ถึง 5 นาที หัวใจผมก็เต้นแรง เพราะเห็นรถพี่เก๋ (จำได้จากที่เห็นในเฟสฯ) ขับมาจอดตรงหน้าสำนักงานนิติบุคคลฯ
พี่เก๋ลงมาจากรถ ผมจำได้ว่าใช่แน่ แล้วแกก็เดินตัวปลิวเข้าไปในสำนักงานฯ
ผมโทรหาแฟน บอกว่าเจอตัวพี่เก๋แล้ว แกกำลังเข้าไปในสำนักงานฯ (แฟนผมไปบอกหัวหน้าด้วย ว่าเจอพี่เก๋แล้ว เพื่อให้หัวหน้าช่วยเจรจา) และไม่ต้องวางสาย
สักพักพี่เก๋ถือเอกสารใบเล็ก ๆ เดินออกมา ผมรีบเดินเข้าไปหาแกทันที (จะบอกว่าพุ่งไปหา ก็ไม่ผิด) ไปยืนตรงตำแหน่งประตูด้านคนขับ แล้วยิงคำพูดนิ่ง ๆ คำแรกไปว่า พี่เก๋ทำไมทำกับ(ชื่อแฟนผม)แบบนี้ แล้วตามด้วยคำอื่น ๆ ทำนองต่อว่า พี่เก๋บอก ไม่ได้หนี ๆ นี่มารับเช็คแล้วจะโอนให้เลย ผมเลยบอกว่า ไม่หนี แต่ติดต่อไม่ได้ ไม่ติดต่อกลับ ไปหาที่บ้านไม่เจอ แกบอกว่า ก็ยังอยู่ที่บ้านนั่นแหละ (ซึ่งความจริงแล้ว แกไม่กลับบ้าน ไม่รู้ไปนอนที่ไหน)
จากที่หาข้อมูลตัวแกและน้องแกมา หนีแน่ แต่คงเป็นจนมุมเลยพุดมาแบบนั้น
หัวหน้าแฟนก็ช่วยพูด ให้พี่เก๋ยอมมอบเช็คที่เพิ่งรับมาให้ผมเก็บไว้เป็นหลักประกันก่อน (เช็คยังถอดไม่ได้) เพราะจากเหตุการณ์ที่ผ่านมาสองสามวัน ทำให้หมดความไว้วางใจแล้ว
ทุกอย่างจบลงด้วยการที่แฟนผมได้เงินคืนครบถ้วน (ได้คืนหลังปีใหม่ )
**********
แฟนบอกว่า เช้าวันนั้นก่อนเข้าทำงาน ได้ไหว้ขอพรจากพระพรหมหน้าบริษัท ให้ตามตัวเจอ ได้เงินคืนภายใน 3 วัน 7 วัน
คงเป็นเพราะพระพรหม ทำให้สามารถติดตามเงินมาได้
หากมองว่าเป็นความโชคดี หรือเหตุบังเอิญก็ได้เพราะ
- เวลามันเหมาะเจาะพอดี หากผมอยู่ที่บ้านซักผ้านานไป อยู่ที่ปั้มนานไป หรือแม้กระทั่งเดินในถนนกลางคอนโดฯจนสุดซอย ผมอาจจะไม่ได้เจอตัวพี่เก๋
- พี่เก๋ แกมีไซท์งานหลายที่ เหมาะเจาะจริง ๆ ที่แกมาไซท์งานที่ผมไปตามหาพอดี
- เมื่อเจอตัว ก็หวังแค่เจรจา ขอความชัดเจนในการจ่ายเงินคืน แต่ในวันนั้นกลับเป็นวันที่พี่เก๋มารับเช็คพอดี ทำให้ผมได้หลักประกันว่าจะได้เงินคืนแน่
เป็นเหตุการณ์ที่เหลือเชื่อจริง ๆ หัวหน้าแฟนยังบอกว่าเหลือมากที่ตามเจอพอดีแล้วได้หลักประกันไว้
ในวันไปเอาเช็คเข้า พี่เก๋ถามวิธีติดตามหนี้กับผม (แกคงสงสัยว่า ผมตามตัวแกเจอได้อย่างไร ทั้ง ๆ ที่แต่ละวัน แกไปหลายที่มาก)
ผมบอกแกไปว่าให้แกไปลงทะเบียนแก้หนี้กับรัฐ
ช่างไอทีกลายเป็นนักทวงหนี้จำเป็น : บังเอิญ โชคดี หรือบารมีพระพรหม
ผมทำงานเป็นช่างไอทีซัพพอร์ตอิสระ ส่วนแฟนผมทำงานประจำออฟฟิศ
เพื่อนของหัวหน้าแฟนผม (พี่เก๋-นามสมมติ) ซึ่งเคยทำงานบริษัทเดียวกับหัวหน้ามาก่อน ได้ออกไปทำธุรกิจส่วนตัว เปิดบริษัทรับรักษาความสะอาด มีปัญหาหมุนเงินไม่ทัน ต้องไปยืมเงินกู้รายวัน ดอกเบี้ยสูงมาก หัวหน้าเลยแนะนำให้มายืมกับแฟนผม เพราะเห็นว่า พี่เก๋เป็นคนดี ไม่หนีหนี้แน่นอน รู้จักกันมานาน รู้นิสัยกันดี
ในระยะแรก ๆ พี่เก๋โอนคืนตามกำหนด แล้วยืมต่อเรื่อย ๆ ไม่เคยผิดนัดเวลาจ่ายคืน
มาถึงเดือนธันวาคม 2566 ที่ผ่านมา พี่เก๋เริ่มมีอาการไม่ตรงนัด เลื่อนบ้าง ขอยืมเพิ่มเล็ก ๆ น้อย ๆ บ้าง หลัง ๆ มา ไลน์ไปไม่ค่อยอ่าน ทางแฟนผมเห็นอาการไม่ค่อยดี ในที่สุดก็ตกลงกันว่าจะคืนทั้งหมดที่ค้างในวันที่ 16-12-2566
วันที่ 16-12-2566
พี่เก๋ไม่โอนคืน แฟนผมทวงถาม ได้รับคำตอบว่า เก็บเงินลูกค้ายังไม่ได้ จะได้วันที่ 25 ได้แน่นอน
พี่เก๋เสนอให้เอาแฟนผมเอารถมาจอดเป็นหลักค้ำประกันก่อน แฟนผมเชื่อใจพี่เก๋ เนื่องจากเป็นเพื่อนหัวหน้าและก็รู้จักกันด้วย จึงบอกว่าไม่ต้องเอามาจอด โดยตกลงกันว่า วันที่ 25-12-2566 จะคืนเงินที่ค้างทั้งหมด
วันที่ 25-12-2566
ไม่มีการติดต่อกลับจากพี่เก๋ แฟนผมไลน์ไป ไม่อ่าน หัวหน้าที่เป็นเพื่อนกับพี่เก๋ติดต่อไปก็ไม่รับสาย ไม่อ่านไลน์
แฟนเริ่มเครียด จึงหาข้อมูลติดต่อไปสอบถามคนอื่นที่เคยร่วมงานกับพี่เก๋
คำตอบที่ได้ ทำให้แฟนยิ่งเครียดไปใหญ่ นั่นคือ ทำไมไม่สอบถามก่อน ให้พี่เก๋ยืมทำไม
สอบถามคนอื่น ๆ อีกสองสามคน ก็ได้คำตอบลักษณะเดียวกันคือ ถ้าถามก่อน จะบอกเลยว่า อย่าให้ยืม
แฟนนอนไม่หลับ นอนร้องไห้ เพราะไม่คิดว่าจะเจอสถานการณ์แบบนี้
วันที่ 26-12-2566
เวลาประมาณบ่ายโมง ผมไปดูบ้านพักของพี่เก๋ ซึ่งเป็นที่ตั้งของบริษัทพี่เก๋ด้วย (หาข้อมูลจากที่ตั้งบริษัท) ประตูบ้านปิดทั้งด้านนอกและด้านใน แต่ไม่ได้คล้องกุญแจ หน้าต่างเปิดอยู่ 2 บาน รองเท้าระเกะระกะ (ทาวน์เฮ้าส์ 2 ชั้น)
วันที่ 27-12-2566
ผมพาแฟนไปดูบ้านพี่เก๋อีกครั้ง ก็ไม่เจอตัว ตะโกนเรียก ไม่มีเสียงตอบกลับ ที่ประตูด้านนอกมีเอกสารเสียบอยู่ สอบถามบ้านตรงข้าม ได้ความว่า ไม่เห็นแกเข้ามาหลายวันแล้ว ผมเขียนกระดาษไปติดที่หน้าบ้าน ให้พี่เก๋ ติดต่อกลับแฟนผมด่วน
บริษัทพี่เก๋เป็นบริษัทรับทำความสะอาด เวลาพี่เก๋ไปรับงาน คุยงานแกชอบโพสไชท์งาน ชอบไลฟ์สดคุยเรื่องการไปคุยงาน จุดนี้ทำให้ผมเริ่มหาข้อมูลของพี่เก๋ได้มากขึ้น
คืนวันนั้นแฟนผม เพื่อนแฟนผม เข้าไปดูข้อมูลในเฟสบุ๊คพี่เก๋ พยายามลองขอเป็นเพื่อนกับเพื่อนพี่เก๋ในเฟสฯ (เน้นคนที่มักมาแสดงความเห็นเวลาพี่เก๋โพส) แต่ไม่มีใครตอบรับเป็นเพื่อน
ผมเริ่มคิดวางแผนการติดตามเอาเงินคืน
- วิธีที่หนึ่ง จะตามหาตัวให้เจอก่อน เพื่อพูดคุยตกลงว่าจะคืนอย่างไร เมื่อไหร่ โดยจะตามไปตามไชท์งานต่าง ๆ ที่พี่เก๋รับงาน ถ้าเจอตัวก็เจรจา ถ้าไม่เจอตัว จะทำทีเป็นฝากเอกสารกับพนักงานของพี่เก๋ไว้ (พิมพ์ข้อความใส่ซองไว้) จุดประสงค์เพื่อให้พี่เก๋รู้ว่า เรารู้ว่าแกรับงานที่ไหนบ้าง
- วิธีที่สอง ถ้าวิธีแรกไม่ได้ผล จะไปลงเทียบแก้หนี้ ในฐานะเจ้าหนี้
- วิธีที่สาม ถ้าสองวิธีแรกไม่ได้ผล จะฟ้องศาล
ผมบอกแฟนว่า ให้ทำใจ ถ้าถึงขั้นไม่รับสาย ไม่แจ้งกลับ หายไปแบบนี้ คงอีกนานกว่าจะเจอตัว อาจจะได้คืนหรือไม่ได้คืนก็ได้
ผมเริ่มเข้าไปหาข้อมูลพี่เก๋จากเฟสฯ ข้อมูลบริษัทพี่เก๋ เพจบริษัท ไล่ดูข้อความที่โพส ไล่ดูรูปที่โพส จนได้ข้อมูลที่น่าสนใจ คือทะเบียนรถ รูปถ่ายขณะอยู่ที่ไซท์งานต่าง ๆ
เผอิญที่ตึกแถวทางเข้าบ้านพี่เก๋ มีลูกค้าผมอยู่เจ้าหนึ่ง ผมวางแผนไว้ว่าจะไปขออนุญาตติดตั้งกล้องวงจรปิดไว้ เพื่อเช็คดูว่าพี่เก๋จะเข้ามาที่บ้านบ้างหรือไม่
วันที่ 28-12-2566
แฟนไปทำงาตามปกติ ผมไปแก้ปัญหาคอมพิวเตอร์ให้ลูกค้าแห่งหนึ่ง แล้วกลับมาเพื่อกินข้าวเที่ยงที่บ้าน ก่อนกลับบ้าน ผมไปดูลาดเลาที่บ้านพี่เก๋อีกครั้ง ทุกอย่างยังเงียบเหมือนเดิม ไม่มีรถจอดในบ้าน ตำแหน่งของกระดาษที่เสียบไว้ที่ประตู ยังอยู่ตำแหน่งเดิม ผมถ่ายรูปตำแหน่งของรองเท้าหน้าบ้านไว้ เพื่อดูว่า ถ้ามาดูอีกครั้ง ตำแหน่งจะเปลี่ยนไปไหม
เนื่องจากใกล้จะเดินทางไปตจว. เมื่อกลับมากินข้าวเที่ยงที่บ้านเสร็จ ผมเลยเอาเสื้อผ้ามาซักเตรียมไว้ด้วย ประมาณบ่ายโมงผมออกเดินทางไปที่ไซท์งานที่ใกล้ที่สุดของพี่เก๋ เป้าหมายคือหาพนักงานบริษัทพี่เก๋ให้เจอ แล้วฝากเอกสารไป
ระหว่างทาง ผมแวะปั้มประมาณ 15 นาที แล้วเดินทางต่อจนถึงจุดหมาย เป็นคอนโดเอื้ออาทรแห่งหนึ่ง
ผมเดินตามถนนที่ตัดผ่ากลางคอนโดไปเรื่อย ๆ เพื่อหาดูลูกน้องพี่เก๋ (ลูกน้องต้องใส่เสื้อบริษัทพี่เก๋-เป็นฟอร์มบริษัท) แต่ก็ไม่เจอ
เดินมาจนถึงประมาณกลางทาง ผมเห็นตำแหน่งที่พี่เก๋เคยจอดรถถ่ายรูปลงเฟส ตำแหน่งที่จอดรถ-ถังขยะ-พุ่มดอกเข็ม-ชื่ออาคารซ้ายขวา เหมือนในรูปทุกประการ และตรงนั้นมีป้ายบอกว่า นิติบุคคลอาคารชุด.... ผมยืนดูสักครู่ เผื่อจะมีพนักงานพี่เก๋เดินมา ปรากฏว่าเงียบ
ผมเดินต่อไปเรื่อย ๆ แบบลม ๆ แล้ง ๆ เกือบจะสุดทาง ผมก็วกกลับบมา แล้วมานั่งตรงม้านั่งข้างทาง ตรงข้ามจุดที่พี่เก๋เคยจอดรถ
ประมาณไม่ถึง 5 นาที หัวใจผมก็เต้นแรง เพราะเห็นรถพี่เก๋ (จำได้จากที่เห็นในเฟสฯ) ขับมาจอดตรงหน้าสำนักงานนิติบุคคลฯ
พี่เก๋ลงมาจากรถ ผมจำได้ว่าใช่แน่ แล้วแกก็เดินตัวปลิวเข้าไปในสำนักงานฯ
ผมโทรหาแฟน บอกว่าเจอตัวพี่เก๋แล้ว แกกำลังเข้าไปในสำนักงานฯ (แฟนผมไปบอกหัวหน้าด้วย ว่าเจอพี่เก๋แล้ว เพื่อให้หัวหน้าช่วยเจรจา) และไม่ต้องวางสาย
สักพักพี่เก๋ถือเอกสารใบเล็ก ๆ เดินออกมา ผมรีบเดินเข้าไปหาแกทันที (จะบอกว่าพุ่งไปหา ก็ไม่ผิด) ไปยืนตรงตำแหน่งประตูด้านคนขับ แล้วยิงคำพูดนิ่ง ๆ คำแรกไปว่า พี่เก๋ทำไมทำกับ(ชื่อแฟนผม)แบบนี้ แล้วตามด้วยคำอื่น ๆ ทำนองต่อว่า พี่เก๋บอก ไม่ได้หนี ๆ นี่มารับเช็คแล้วจะโอนให้เลย ผมเลยบอกว่า ไม่หนี แต่ติดต่อไม่ได้ ไม่ติดต่อกลับ ไปหาที่บ้านไม่เจอ แกบอกว่า ก็ยังอยู่ที่บ้านนั่นแหละ (ซึ่งความจริงแล้ว แกไม่กลับบ้าน ไม่รู้ไปนอนที่ไหน)
จากที่หาข้อมูลตัวแกและน้องแกมา หนีแน่ แต่คงเป็นจนมุมเลยพุดมาแบบนั้น
หัวหน้าแฟนก็ช่วยพูด ให้พี่เก๋ยอมมอบเช็คที่เพิ่งรับมาให้ผมเก็บไว้เป็นหลักประกันก่อน (เช็คยังถอดไม่ได้) เพราะจากเหตุการณ์ที่ผ่านมาสองสามวัน ทำให้หมดความไว้วางใจแล้ว
ทุกอย่างจบลงด้วยการที่แฟนผมได้เงินคืนครบถ้วน (ได้คืนหลังปีใหม่ )
**********
แฟนบอกว่า เช้าวันนั้นก่อนเข้าทำงาน ได้ไหว้ขอพรจากพระพรหมหน้าบริษัท ให้ตามตัวเจอ ได้เงินคืนภายใน 3 วัน 7 วัน
คงเป็นเพราะพระพรหม ทำให้สามารถติดตามเงินมาได้
หากมองว่าเป็นความโชคดี หรือเหตุบังเอิญก็ได้เพราะ
- เวลามันเหมาะเจาะพอดี หากผมอยู่ที่บ้านซักผ้านานไป อยู่ที่ปั้มนานไป หรือแม้กระทั่งเดินในถนนกลางคอนโดฯจนสุดซอย ผมอาจจะไม่ได้เจอตัวพี่เก๋
- พี่เก๋ แกมีไซท์งานหลายที่ เหมาะเจาะจริง ๆ ที่แกมาไซท์งานที่ผมไปตามหาพอดี
- เมื่อเจอตัว ก็หวังแค่เจรจา ขอความชัดเจนในการจ่ายเงินคืน แต่ในวันนั้นกลับเป็นวันที่พี่เก๋มารับเช็คพอดี ทำให้ผมได้หลักประกันว่าจะได้เงินคืนแน่
เป็นเหตุการณ์ที่เหลือเชื่อจริง ๆ หัวหน้าแฟนยังบอกว่าเหลือมากที่ตามเจอพอดีแล้วได้หลักประกันไว้
ในวันไปเอาเช็คเข้า พี่เก๋ถามวิธีติดตามหนี้กับผม (แกคงสงสัยว่า ผมตามตัวแกเจอได้อย่างไร ทั้ง ๆ ที่แต่ละวัน แกไปหลายที่มาก)
ผมบอกแกไปว่าให้แกไปลงทะเบียนแก้หนี้กับรัฐ