Diablo Immortal Lore Master -Splintered souls Part II-

-Splintered souls Part II-

จากเหตุการณ์เนื้อหาส่วนที่แล้ว การเดินทางตามหาดาบแห่งความยุติธรรมและความแปลกประหลาดของการปกครองของผู้นำเมืองที่ดูโหดร้ายและน่าสงสัยว่าทำแบบนี้ไปทำไมกัน ความเป็นอยู่ยากลำบากของชาวบ้าน และพายุประหลาดที่ทำลายทั้งหมู่บ้านและเปลี่ยนผู้คนให้กลายเป็นสัตว์ประหลาด การเดิงทางจึงดำเนินต่อไป เพื่อจุดหมายที่ต้องไปให้ถึง............


นักผจญภัยเดินทางหลบหนีออกจากบริเวณหน้าประตูเมือง "Staalbreak" และเดินทางข้ามลำธารที่มีสะพานอยู่ใกล้ใกล้ เพื่อตามหาสามีของ "Marenna" ที่ชื่อว่า "Geoffrey" โดยสถานที่สุดท้ายที่ได้ยินว่ามีคนพบเห็นคือพื้นที่บริเวณ "Gray yard" ที่ในตอนนี้นักผจญภัยได้เดินทางมาถึงแล้ว สภาพโดยรอบมีแคมป์และผู้คนแปลกแปลกนั่งล้อมวงกันอยู่ โดยมีชายร่างใหญ่ที่ถูกเรียกว่า "Outcast tyrant" ได้เรียกนักผจญภัยเข้าไปคุยด้วย เมื่อถามไถ่เสร็จ มันก็ได้บอกว่าคนที่นักผจญภัยตามหานั้น "โอ้เจฟฟี่ ไอ้คนที่ชอบทำตัวเหมือนตัวเองเป็นกฏหมาย ผดุงความยุติธรรม ที่นี่มันคงไม่เหมาะกับมันและก็ไม่เหมาะกับพวกเจ้าด้วย" หลังจากกล่าวเสร็จมันได้ออกคำสั่งกับลูกน้องทันมี ผู้คนที่อยู่บริเวณรอบรอบต่างพุ่งเข้ามาจู่โจมนักผจญภัย ทำให้การต่อสู้นี้ไม่สามารถเลี่ยงได้แล้ว


นักผจญภัยได้เข้าต่อสู้กับพวก "Outcast" ที่ถาโถมเข้ามาโจม ก่อนที่จะมีชายผู้หนึ่งวิ่งฝ่าฝันต่อสู้ห้าต่อหนึ่งและเข้ามาช่วยเหลือตัวของนักผจญภัย ชายผู้นั้นคือ "เจฟฟรีย์" สามีของ "มาเรนน่า" นั่นเอง หลังจากที่การต่อสู้ได้จบลง ศัตรูทุกคนถูกสังหาร เจฟฟรีย์ได้เล่าว่าผู้คนที่นี่อดอยากและถูกกดขี่มามาก จากทั้งตัวผู้ปกครองเมืองที่ไล่พวกเขาออกมาและจากพวกโจรที่นี่ ที่ค่อยปล้นสะดมอาหารและเสบียงที่เขานำมาแจกจ่าย พวกมันฉวยโอกาสในตอนที่ผู้คนลำบากยากเข็น จึงให้อภัยไม่ได้เด็ดขาด......จากนั้นนักผจญภัยจึงได้ขอถามบางอย่าง และได้บอกกับเจฟฟรีย์ว่ามาเรนน่าส่งมา แต่เขาบอกให้เงียบไว้ก่อน คุยที่นี่และเอ่ยชื่อนางแถวนี้ไม่ได้ ไปหาที่คุยกันในที่ปลอดภัยดีกว่า ทั้งหมดจึงได้เดินทางไปยังที่แห่งนั้น


นักผจญภัยและเจฟฟรีย์เดินทางลัดเลาะผ่านหมู่บ้านที่ถูกทิ้งร้างและช่วยชาวบ้านที่กำลังถูกทำร้ายโดยโจรที่อยู่แถวนั้น นำโดยชายสูงอายุอย่าง "Johan" ที่ขอบคุณการช่วยเหลือนี้ ก่อนที่ทุกคนจะเดินทางลงไปยังบริเวณใกล้ใกล้กับตีนเขา ซึ่งมีทางเดินลงไปจนไปพบกับถ้ำแห่งหนึ่ง เจฟฟรีย์ได้บอกให้ตามมา นักผจญภัยจึงได้เดินผ่านเข้าไป พบกับค่ายลับที่อยู่ภายในถ้ำ มีชาวบ้าน อดีตทหารประจำเมือง และนักสู้เพื่อเสรีภาพคนอื่นอื่น ที่นี่มีทั้งอาหาร ที่พัก และผู้คน แม้ไม่เยอะแต่ก็พอจะแบ่งปันกันได้ แต่แล้วก็มีสัตว์กลายพันธุ์บุกเข้ามาผ่านช่องแคบด้านในถ้ำ ทุกคนจึงร่วมด้วยช่วยกันสังหารมันลง



หลังจากได้เห็นนักผจญภัยต่อสู้ เจฟฟรีย์คิดว่าคนคนนี้ฝีมือไม่ธรรมดาและได้เอ่ยถามว่าต้องการอะไร นักผจญภัยได้เลยได้บอกว่ากำลังตามหาของบางสิ่งที่อยู่ในส่วนลึกของภูเขา มาเรนน่าบอกว่าเจฟฟรีย์อาจช่วยตามหามันได้ แต่ก่อนจะบอกอะไรมากกว่านี้ เจฟฟรีย์บอกว่าเขาจะช่วยแต่อยากให้ไปตามหาคนให้ก่อน เพราะมีมือดีของเขาหายไปสองสามคนแถวแถวคุกเก่า และต้องการตัวของ "Larkey" ผู้ที่คอยลักลอบส่งเสบียงมาให้พวกเรา ที่ตอนนี้หายไปเป็นอาทิตย์แล้วด้วย นักผจญภัยรับคำและออกเดินทางทันที


การเดินทางไปในที่ต่างต่างพบกับอุปสรรคพอสมควร เนื่องด้วยมีทั้งโจร สัตว์กลายพันธุ์และผู้คนที่ถูกเปลี่ยนเป็นปิศาจ แม้จะพบกับผู้ที่สูญหาย บ้างก็ตายบ้างก็มีชีวิตอยู่ ระหว่างนั้นนักผจญภัยได้พบกับชายชื่อ "Landric" และได้ช่วยเหลือเขาจากพวกโจร ซึ่งเขาน่าจะรู้จักกับ "Alpert" ชายที่ถูกลูกศรจนสิ้นใจ จึงได้นำจดหมายที่เหลืออยู่มาส่งให้ พร้อมกับบอกเรื่องราวการต่อต้านอำนาจเผด็จการที่เริ่มจะรุนแรงขึ้นแล้ว จากการนำของเจฟฟรีย์ เมื่ออ่านจดหมายเสร็จ "แลนดริก" ได้บอกว่าอัลเพริตนั้นเป็นคนจิตใจดี เขาไม่หนีออกมาเพราะต้องการปกป้องชาวบ้าน สุดท้ายเขาก็ต้องตายแบบนั้น เขาบอกกับนักผจญภัยว่าเขาจะคิดเกี่ยวกับเรื่องการต่อต้านนี้แน่นอน ไปบอกเจฟฟรีย์ให้ด้วย


เมือกลับมาถึงค่ายลับนักผจญภัยได้บอกกับเจฟฟรีย์ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น เจฟฟรีย์เข้าใจเหตุการณ์แล้วจึงบอกนักผจญภัยว่าจะพาไปหาสิ่งที่กำลังตามหา นักผจญภัยจึงเดินทางร่วมกับเจฟฟรีย์ ลงลึกเข้าไปยังใต้ขุนเขา ข้างใต้ของมันมีพื้นที่ที่เรียกว่า "Underdeeps" เป็นแหล่งอาศัยของแมลงยักษ์และสัตว์กลายพันธุ์มากมาย นักผจญภัยและเจฟฟรีย์ต่อสู้ฝ่าฝูงแมลง มุ่งสู่เส้นทางเข้าไปยังส่วนลึกที่น่าหวาดกลัวที่กำลังจะถึงในไม่กี่ก้าว


ทั้งหมดได้เดินทางมาถึงแล้ว พื้นที่ในส่วนนี้ถูกเรียกว่า "Gully of madness" เป็นส่วนที่ทุกสิ่งที่แตกสลายยังคงหลงเหลือซากและถูกรายล้อมโดยปิศาจที่กำเนิดจากการสรรสร้างที่บ้าครั้ง "Tyreal" จะคอยอธิบายและบอกตำแหน่งของดาบ "El'Druin" เป็นระยะเมื่อเริ่มเข้าใกล้ กระทั่งคนทั้งหมดได้พบกับพายุหมุนประหลาด เจฟฟรีย์บอกว่าตรงนั้นแหละ คือจุดที่น่าจะเข้าไปได้ ก่อนที่ทุกอย่างจะโกลาหล เมื่อมีปิศาจออกมาเล่นงานนักผจญภัยและผู้นำทาง แม้จะสามารถจัดการได้ แต่เหมือนว่านักผจญภัยได้หลุดเข้าไปอีกมิตินึงในที่สุด



ภาพในอดีตแสดงให้เห็นถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อสองปีก่อน ทุกอย่างเริ่มหนาวสั่น ในตอนที่ "Navair" ลูกสาวของอดีตผู้นำหมู่บ้าน "Bitter Hearth" ได้นำกองกำลัง "Barbarian" เข้าจูโจม "Ruins of Sescheron" เพื่อสร้างโอกาสให้กับนักผจญภัยและ "Tassi" เข้าไปยัง "Hall of Ancients" แม้จะทำสำเร็จ แต่นางก็ได้ถูกสังหารและตายไปโดยที่นักผจญภัยช่วยไว้ไม่ได้ ภาพที่เกิดขึ้นหลอกหลอนนักผจญภัยอีกครั้ง และมันได้นำพาไปสู่อีกความทรงจำ หรือเรื่องราวอีกเรื่องนึงที่ดูจะเปียกโชก


นักผจญภัยได้พบว่าตนเองอยู่ในคุกที่ถูกทิ้งร้างของ "Stormpoint" และได้พบกับเด็กหนุ่มที่ชื่อว่า "Esmund" ที่เคยเจอและช่วยเหลือเขาในการตามหาน้องสาวที่ชื่อว่า "Fern" แม้สุดท้ายจะร่วมกันฝ่าฟันและตามหาน้องสาวจนเจอและช่วยกลับมาได้ แต่ตัวของพี่ชายกลับตายจากไปแทน ภาพที่เกิดซ้ำย้ำความจริงว่านักผจญภัยไปที่ใดก็มีแต่ผู้ที่ต้องสูญเสีย ความสิ้นหวัง ความเจ็บปวดเข้ารุมเร้า จนแทบอยากยอมแพ้ต่อทุกสิ่ง



แต่แล้วอัครเทวทูตได้ปรากฏตัวในมิตินั้น และได้ส่งมอบพลังเพื่อให้นักผจญภัยได้หลุดพ้นต่อภาพฝันร้ายจากมิติแห่งนี้ พร้อมทั้งบอกว่านักผจญภัยนั้นต้องสู้กับมัน สู้กับทุกสิ่งเพื่อความยุติธรรม อย่ายอมแพ้เด็ดขาด มันจึงทำให้นักผจญภัยได้สติกลับมาอีกครั้ง และหลุดพ้นจากภาพของฝันร้ายที่จอมมารได้ส่งมาเล่นงานได้ในที่สุด


ทางด้านของเจฟฟรีย์ที่กำลังถูกฝันร้ายเล่นงาน ได้เห็นภาพภรรยาของตนยกขวานใส่และหน้าแยกออกเป็นสองส่วน เรื่องผวาเหล่านี้ถูกหยุดลง เมื่อนักผจญภัยส่งพลังบางส่วนที่ได้รับมาไปปกป้องเจฟฟรีย์และบอกให้เขาตื่นจากฝันร้ายนี้ห้ามยอมแพ้เด็ดขาด เขาจึงได้สติกลับคืนมาและพูดคุยกับเรื่องที่เกิดขึ้นกัน


โดยอย่างแรกเป็นเรื่องราวของฝันร้ายที่ได้อธิบายให้นักผจญภัยได้ฟัง ส่วนอีกเรื่องนึงคือความน่าสงสัยเกี่ยวกับเรื่องของ "Laird Aymer" ที่เคยถูกพายุนี้พัดใส่มาก่อน แต่ทำไมเขายังไม่เป็นอะไรทั้งนั้น มันเกิดขึ้นได้ยังไง ขนาดตัวเขาและนักผจญภัยยังทนไม่ได้หากไม่ได้รับการช่วยเหลือไว้จากพลังของเบื้องบน "เอมเมอร์" มักพูดถึง "Light of Zakarum" แทบจะตลอดเวลา มันอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกันก็ได้ คงต้องรีบกลับไปรวมกับคนอื่นอื่นที่แคมป์กันก่อน เพื่อหารือกันเกี่ยวกับเรื่องนี้



แต่เมื่อกลับมาถึง ที่ค่ายแห่งนี้กลับถูกโจมตีและผู้ที่โจมตีก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เอมเมอร์นั่นเองที่นำกองกำลังทหารมาบุกสังหารเหล่าผู้ต่อต้าน โดยที่ตนเองไม่ลุกขึ้นจากเก้าอี้แม้แต่น้อย คอยชี้สั่งสังหารผู้คน จนกระทั่งได้เห็นเจฟฟรีย์เข้า โดยที่ตัวของนักผจญภัยและเจฟฟรีย์ได้ต่อสู้ช่วยเหลือกองกำลังต่อต้านคนอื่นอื่นมาได้จำนวนนึง และได้เผชิญหน้ากับเอมเมอร์โดยตรง และถูกเอมเมอร์กล่าวหาว่าเจฟฟรีย์ขโมยของของเขามา ผู้คนเลยอดอยากแบบนี้ไง คราวนี้ถึงเวลาตายแล้ว ของทุกคนที่ต่อต้านเขา



เมื่อเห็นท่าไม่ดีเจฟฟรีย์ได้บอกให้คนที่เหลือ รวมทั้งนักผจญภัยให้หนีไปยังช่องแคบที่อยู่ด้านในสุดของถ้ำ ด้านหลังของพวกเขานี่เอง และบอกให้รีบไปเดี๋ยวนี้ ทุกคนจึงไปในทันที โดยมีเจฟฟรีย์ต่อสู้ถ่วงเวลาไว้ให้ ในจังหวะที่ทุกอย่างเกือบเป็นใจ เจฟฟรีย์พุ่งตัวตามทุกคนไปแต่กลับมีลูกศรจำนวนขวางไว้ และทหารอีกหลายนายล้อมตัวของเขาอยู่ ทำให้ตอนนี้เจฟฟรีย์ต้องสู้เพื่อยื้อเวลาให้นานที่สุด ภาพสุดท้ายที่นักผจญภัยเห็นคือเจฟฟรีย์ถูกฟันล้มลง ก่อนที่ทุกอย่างจะหายไปเมื่อนักผจญภัยและกลุ่มต่อต้านที่เหลือหลบหนีออกมาด้านนอกได้สำเร็จ


แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่