แชร์ประการณ์ ลูกชาย 9 ขวบ เป็นไข้เลือดออก
เริ่มจากวันเสาร์ตอนเช้า ก็วิ่งเล่นร่าเริงปกติ
ประมาณ 15.00 น. ต้องเตรียมตัวไปเรียนพิเศษ
ลูกเดินมาบอกว่ามึนๆ รู้สึกเหมือนเป็นไข้เลือดออก แต่ที่ตัวไม่มีตุ่มนะ (ย้อนกลับนึกดูลูกรู้ได้ไงว่าตัวเองเป็นไข้เลือดออก) ตอนนั้นลูกไม่มีไข้ ก็ให้ไปเรียนพิเศษตามปกติ หลังจากกลับจากเรียนพิเศษ ทาข้าวเย็นเสร็จ ก็ซึม มีไข้ 39 - 40 องศา ตัวร้อนจี๋
ให้ลูกทานยาลดไข้ เช็ดตัว เข้านอนเร็ว
คืนนั้นเช็ดตัว + ทานยาลดไข้ทุก 4 ช.ม. ทั้งคืนไข้ไม่ลด ตาแดง
เข้าของอีกวันลูกยังมีไข้ 39 - 40 องศา ถ่ายเหลว 2 ครั้ง รอดูอาการจนถึง 12.00 น. ไข้ไม่ลดเลยตัดสินใจพาไป ร.พ.
คุณหมอบอกไข้สูงมาก โชคดีที่เป็นเด็กโต แล้วจะให้ยาที่สามารถลดไข้สูง คุณหมอถามว่าจะ Admit เลย หรือให้กลับบ้านทานยาพารา แล้วพรุ่งนี้มา ร.พ. ใหม่ เราเลยตัดสินใจให้นอน ร.พ. เลย (เราค่อนข้างกังวลเพราะไม่เคยเห็นลูกมีไข้สูงติดต่อกันนานขนาดนี้)
คุณหมอแจ้งว่าขอตรวจโควิดกับไข้หวัดใหญ่ก่อน
แล้วพยาบาล ก็มาแจ้งว่าน้องไม่เป็นโควิด ไม่เป็นไข้หวัดใหญ่ ตอนนั้นโล่งใจมาก คิดว่าคงเป็นไข้ธรรมดา หรือลำไส้อักเสบ เดี๋ยวไข้ลดก็กลับบ้านได้
หลังจากพาลูกไปที่ห้อง พยาบาลก็มาแจ้งว่า น้องเป็นไข้เลือดออกนะคะ ห้ามแปรงฟัน ห้ามทานอาหารดำ-แดง ให้คอยดูอึ๊กับอาเจียนน้อง แล้วก็ให้ทานอาหารอ่อน ให้น้ำเกลือ+ยาฆ่าเชื้อ แล้วไม่สามารถให้ยาลดไข้สูงได้แล้ว
ลูกมีไข้สูงอยู่ 2 วัน ทานยาพาราเม็ดครั้งละ 1 เม็ด + พยาบาลมาเช็ดตัวทุก 4 .ช.ม. ไข้ก็ไม่ลดเลย
วันที่ 3 น้องมีไข้ สลับ ไข้ลด คุณหมอให้เจาะเลือดไปตรวจ เกล็ดเลือด 130,000 หมอบอกไปน่ากังวลอะไร แต่ยังไม่พ้นช่วงระยะอันตราย แต่น้องไม่ค่อยน่าห่วงเพราะทานข้าวได้ อึ ฉี่ ปกติ
วันที่ 4 น้องไม่มีไข้แล้ว หมอให้ระวังการมีเลือดออก ช่วงนี้อาจมีเลือดกำเดาไหล
วันที่ 5 น้องไม่มีไข้ คุณหมอให้เจาะเลือดไปตรวจ เกล็ดเลือดลดลงเหลือ 120,000 แต่น้องไม่น่าห่วง แต่ยังไม่พ้นช่วงอันตราย หมอให้กลับบ้านได้แต่ระมัดระวังเรื่องการมีเลือดออก และหลังจากนี้อาจจะมีฝื่นแดงขึ้น นัดมาตรวจเลือดอีก 1 อาทิตย์ต่อมา
ค่าใช้จ่ายนอน ร.พ. 6 วัน 5 คืน ร.พ.เอกชนแถวๆ ชานเมือง ห้องพิเศษคู่ (เหมือนห้องเดี่ยวเพราะอีกเตียงนึงว่าง) ประมาณ 40,000++ จ่ายเอง 1,300 บาท ที่เหลือเคลมประกัน
โรคไข้เลือดออกน่ากลัวมาก ขนาดระมัดระวังแล้ว ก็ไม่รู้เลยว่าลูกไปโดนยุงที่ไหนกัด คนรอบข้างรอบตัวระแวกบ้านก็ไม่มีใครเป็น
โชคดีที่น้องแข็งแรงเร็วทานข้าวเก่ง ไม่มีอะไรแทรกซ้อน หลังจากนี้คงเกลียดยุงลายไปเลยค่ะ
เมื่อลูกชายเป็นไข้เลือดออกครั้งแรกในบ้าน
เริ่มจากวันเสาร์ตอนเช้า ก็วิ่งเล่นร่าเริงปกติ
ประมาณ 15.00 น. ต้องเตรียมตัวไปเรียนพิเศษ
ลูกเดินมาบอกว่ามึนๆ รู้สึกเหมือนเป็นไข้เลือดออก แต่ที่ตัวไม่มีตุ่มนะ (ย้อนกลับนึกดูลูกรู้ได้ไงว่าตัวเองเป็นไข้เลือดออก) ตอนนั้นลูกไม่มีไข้ ก็ให้ไปเรียนพิเศษตามปกติ หลังจากกลับจากเรียนพิเศษ ทาข้าวเย็นเสร็จ ก็ซึม มีไข้ 39 - 40 องศา ตัวร้อนจี๋
ให้ลูกทานยาลดไข้ เช็ดตัว เข้านอนเร็ว
คืนนั้นเช็ดตัว + ทานยาลดไข้ทุก 4 ช.ม. ทั้งคืนไข้ไม่ลด ตาแดง
เข้าของอีกวันลูกยังมีไข้ 39 - 40 องศา ถ่ายเหลว 2 ครั้ง รอดูอาการจนถึง 12.00 น. ไข้ไม่ลดเลยตัดสินใจพาไป ร.พ.
คุณหมอบอกไข้สูงมาก โชคดีที่เป็นเด็กโต แล้วจะให้ยาที่สามารถลดไข้สูง คุณหมอถามว่าจะ Admit เลย หรือให้กลับบ้านทานยาพารา แล้วพรุ่งนี้มา ร.พ. ใหม่ เราเลยตัดสินใจให้นอน ร.พ. เลย (เราค่อนข้างกังวลเพราะไม่เคยเห็นลูกมีไข้สูงติดต่อกันนานขนาดนี้)
คุณหมอแจ้งว่าขอตรวจโควิดกับไข้หวัดใหญ่ก่อน
แล้วพยาบาล ก็มาแจ้งว่าน้องไม่เป็นโควิด ไม่เป็นไข้หวัดใหญ่ ตอนนั้นโล่งใจมาก คิดว่าคงเป็นไข้ธรรมดา หรือลำไส้อักเสบ เดี๋ยวไข้ลดก็กลับบ้านได้
หลังจากพาลูกไปที่ห้อง พยาบาลก็มาแจ้งว่า น้องเป็นไข้เลือดออกนะคะ ห้ามแปรงฟัน ห้ามทานอาหารดำ-แดง ให้คอยดูอึ๊กับอาเจียนน้อง แล้วก็ให้ทานอาหารอ่อน ให้น้ำเกลือ+ยาฆ่าเชื้อ แล้วไม่สามารถให้ยาลดไข้สูงได้แล้ว
ลูกมีไข้สูงอยู่ 2 วัน ทานยาพาราเม็ดครั้งละ 1 เม็ด + พยาบาลมาเช็ดตัวทุก 4 .ช.ม. ไข้ก็ไม่ลดเลย
วันที่ 3 น้องมีไข้ สลับ ไข้ลด คุณหมอให้เจาะเลือดไปตรวจ เกล็ดเลือด 130,000 หมอบอกไปน่ากังวลอะไร แต่ยังไม่พ้นช่วงระยะอันตราย แต่น้องไม่ค่อยน่าห่วงเพราะทานข้าวได้ อึ ฉี่ ปกติ
วันที่ 4 น้องไม่มีไข้แล้ว หมอให้ระวังการมีเลือดออก ช่วงนี้อาจมีเลือดกำเดาไหล
วันที่ 5 น้องไม่มีไข้ คุณหมอให้เจาะเลือดไปตรวจ เกล็ดเลือดลดลงเหลือ 120,000 แต่น้องไม่น่าห่วง แต่ยังไม่พ้นช่วงอันตราย หมอให้กลับบ้านได้แต่ระมัดระวังเรื่องการมีเลือดออก และหลังจากนี้อาจจะมีฝื่นแดงขึ้น นัดมาตรวจเลือดอีก 1 อาทิตย์ต่อมา
ค่าใช้จ่ายนอน ร.พ. 6 วัน 5 คืน ร.พ.เอกชนแถวๆ ชานเมือง ห้องพิเศษคู่ (เหมือนห้องเดี่ยวเพราะอีกเตียงนึงว่าง) ประมาณ 40,000++ จ่ายเอง 1,300 บาท ที่เหลือเคลมประกัน
โรคไข้เลือดออกน่ากลัวมาก ขนาดระมัดระวังแล้ว ก็ไม่รู้เลยว่าลูกไปโดนยุงที่ไหนกัด คนรอบข้างรอบตัวระแวกบ้านก็ไม่มีใครเป็น
โชคดีที่น้องแข็งแรงเร็วทานข้าวเก่ง ไม่มีอะไรแทรกซ้อน หลังจากนี้คงเกลียดยุงลายไปเลยค่ะ