ตอนที่ 14 โลกมืด
การทะเลาะของทั้งสองแม่ลูก ทำให้ขณะนี้ดินแดนทีวีฉายภาพค้างไว้ ผู้สนใจรายล่าสุดได้เดินจากบ้านหลังนี้ไปแล้ว ชาวประชาในสนามต่างร้องกันระงม หมอกแสงเทาดำสาดส่องทั่วทุกพื้นที่ แม้แต่คนไร้สียังไม่อาจปิดกันความรู้สึกเสียใจได้
ส่วนด้านชนเผ่าไร้แสง “พวกเรามีเวลาหนึ่งอาทิตย์หรือหนึ่งเดือน นายฟังใหม่สิ” อาบูลูกชายแม่เฒ่ากำชับกับทีมดักข้อมูลและขอการยืนยันอีกครั้ง
“ภายในหนึ่งอาทิตย์แน่นอนครับ คนบนฟ้าพูดมากกว่าหนึ่งครั้ง พวกเราฟังไม่ผิดครับ” ลูกทีมนายหนึ่งรายงาน
“เราอาจต้องยอมรับชะตากรรม ถึงไม่อยากยอมรับก็ตาม”
แม่เฒ่าพูดปลอบใจลูกชายพร้อมนำมือขวาสัมผัสที่หน้าผากแตะที่หัวใจของตน จากนั้นสัมผัสที่หน้าผากอาบู ไม่ทันใดแม่เฒ่าพบว่าท้องฟ้าเกิดแสงกระพริบ เดี๋ยวสว่างเดี๋ยวมืด
“คนมีสีกำลังใช้ไฟมากเกิน ถึงแม้แม่ไม่ชอบวิธียอมแมวขายแต่เพื่อรักษาชีวิตทุกคน เราอาจต้องยอมทำสักครั้ง” หัวหน้าเผ่ากล่าวเสร็จมองไปที่สนามเห็นภาพบนท้องฟ้ายังคงฉายภาพไม่หยุดและท้องฟ้าเดี๋ยวมืดเดี๋ยวสว่างด้วยจังหวะที่ถี่ยิ่งขึ้น
ท้ายที่สุด
โลกทีวีทั้งโลกดับลง ความมืดเข้าครอบงำทุกตารางนิ้ว เพียงเวลาไม่นาน ท้องฟ้ากลับสว่างเป็นปกติ ขณะนี้ผู้คนในสนามกำลังร้องไห้และไม่มีภาพใดปรากฏบนท้องฟ้าอีกแล้ว ชาวบ้านสับสนอลหม่าน จนทางการประกาศดังนี้
“เนื่องจากต้องการฟังข้อมูลของมนุษย์ ทำให้การเปิดทีวีใช้เวลามากกว่าปกติ ดังนั้นเวลากลางคืนจากสิบสองชั่วโมงต่อวัน ขอปรับเป็นสิบห้าชั่วโมงต่อวันเพื่อรักษาพลังงาน ประชาชนไม่ต้องตกใจกับเหตุการณ์ดังกล่าว เวลากลางวันยังคงเพียงพอสำหรับสิ่งมีชีวิตทุกชีวิตที่อาศัยในทีวีนี้”
“เห็นไหมแม่ ทีวีมันหมดสภาพแล้ว” ลูกชายจากโลกมนุษย์พูดกับแม่ เมื่อเห็นภาพในทีวีดับลงเอง “แม่เสียบปลั๊กทีวีค้างไว้ แม่ไม่กลัวไฟช็อตหรือไฟไหม้บ้านหรือไง” ลูกชายกระแทกเสียงกับแม่
“ปกติแม่ไม่ได้เสียบปลั๊กตลอดเวลานะมาร์ค แขกมาแม่ถึงเปิด”
“แล้วถ้าผมไม่อยู่แล้วแม่ลืมละครับ ผมรู้ทีวีเครื่องนี้เป็นเครื่องความทรงจำของครอบครัวของพ่อ แต่เราก็มีอย่างอื่นเป็นความทรงจำได้นะครับ”
แม่มาร์คเห็นลูกชายแล้วไม่อยากโต้เถียงหรือนี้
“แม่รักพ่อตรงไหนครับ ผมเห็นพ่อเอาแต่ทำงานไม่สนใจพวกเรา ผมอยากรู้จริงๆ พ่อรักแม่หรือรักผมบ้างไหม”
“แกคิดตลอดเวลาเหมือนเดิมว่าพ่อไม่รักแกใช่ไหม”
“ใช่ พ่อที่ไหนชอบตบหน้าลูก ตีลูก แม่รักพ่อตรงไหนผมอยากรู้”
“แม่รักพ่อของแกในส่วนดีที่แกไม่เคยมองไง พ่อมีความรักในแบบพ่อ ไม่จำเป็นต้องเหมือนคนอื่น”
“ตามใจหากแม่คิดแบบนั้น ผมให้เวลาหนึ่งอาทิตย์ครับ”
เสียงการทะเลาะกันของทั้งคู่ยังคงไม่หยุด แต่บทสรุปการซื้อขายทีวีได้จบลงแล้ว ผู้คนในเมืองทีวีรับทราบและต้องยอมรับชะตากรรมดังกล่าว
“จีน่าลูกรักไม่ต้องเสียใจนะลูก ที่ขายไม่ได้เพราะคนบนฟ้าทะเลาะกัน” ปะป๋าปลอบใจลูกสาว
“ไม่ใช่ประเด็นนั้นค่ะปะป๋า ป๋าได้ยินเหมือนหนู ไดแอนน่าพูดกับยายว่าทีวีมีบางจุดสีเพี้ยน” ทันทีที่เธอกล่าวจบเธอหันมองไปทั่วสนามพบว่าคนแก่เข้ามาในสนามพิกเซลหลายคน
“หยุดเดี๋ยวนี้ ฉันบอกแล้วไงไม่อนุญาตให้คนแก่เข้ามา เพราะแกทำให้ฉันขายภาพไม่ได้ ภาพของดาวินชียากมาก กว่าที่ฉันจะบันทึกเข้าที่สมองของฉัน” เธอหันไปกลุ่มคนแก่กลุ่มหนึ่งที่แอบเข้ามาในสนาม
“ปะป๋าต้องทำตามกฏ ต้องไล่พวกมันออกจากเมืองนะคะ”
“ลูกรักของปะป๋า พวกเขาอายุเยอะอีกอย่างเวลานี้ไม่ใช่เวลามาทะเลากัน ภาพของลูกรักต้องขายได้อยู่แล้วจ้า”
“ปะป๋ารู้นี้ค่ะ ปลั๊กไฟทีวีใช้ไม่ได้แล้ว พวกเราต้องสร้างพลังงานเองเพื่อหลอกมนุษย์ว่าทีวียังเปิดติด กว่าจะฉายภาพได้เราต้องดึงพลังงานมาใช้มากแค่ไหน ไหนต้องพยายามทำภาพให้คมชัดที่สุดเพื่อหลอกมนุษย์ด้วย”
สุดท้ายอธิการบดีผู้เป็นพ่อของจีน่าไม่เอาความกลุ่มเหล่านั้น จากนั้นทุกคนแยกย้ายกันกลับบ้านแนบด้วยความผิดหวัง ซาร่าอุ้มเจ้าไซแนปเพื่อไปส่งที่ฟาร์ม ส่วนจีน่าและพ้องเพื่อนเดินกลับเข้าบ้านชมรม ระหว่างที่เดิน ไซแนปกลับเห่าไล่ตามจีน่าอย่างไม่หยุดหย่อน
“เจ้าตัวยุ่งเงียบนะ” ซาร่าดุใส่มัน เธอเองไม่เข้าใจเจ้าไซแนป ทำไมถึงชอบเห่าใส่จีน่า แต่เธอไม่ได้ใส่ใจมากนัน มันคงไม่ชอบเธอ เหมือนจีน่าก็ไม่ชอบพวกซิสแนปเปอร์เช่นเดียวกัน
หลังจากเหตุการณ์สงบแล้ว ไม่นานคนทำความสะอาดสนามกลาง พบบุคคลหลายคนถูกมัดปากมัดมือซ่อนอยู่หลังพุ่มไม้หลังสนามกีฬา นั้นเป็นฝีมือของผู้อาวุโสที่อยากเข้าสนาม
7.5 ตอนที่ 14 เรื่อง Meeting point นิยายดีที่อยากแนะนำ
ส่วนด้านชนเผ่าไร้แสง “พวกเรามีเวลาหนึ่งอาทิตย์หรือหนึ่งเดือน นายฟังใหม่สิ” อาบูลูกชายแม่เฒ่ากำชับกับทีมดักข้อมูลและขอการยืนยันอีกครั้ง
“ภายในหนึ่งอาทิตย์แน่นอนครับ คนบนฟ้าพูดมากกว่าหนึ่งครั้ง พวกเราฟังไม่ผิดครับ” ลูกทีมนายหนึ่งรายงาน
“เราอาจต้องยอมรับชะตากรรม ถึงไม่อยากยอมรับก็ตาม” แม่เฒ่าพูดปลอบใจลูกชายพร้อมนำมือขวาสัมผัสที่หน้าผากแตะที่หัวใจของตน จากนั้นสัมผัสที่หน้าผากอาบู ไม่ทันใดแม่เฒ่าพบว่าท้องฟ้าเกิดแสงกระพริบ เดี๋ยวสว่างเดี๋ยวมืด
“คนมีสีกำลังใช้ไฟมากเกิน ถึงแม้แม่ไม่ชอบวิธียอมแมวขายแต่เพื่อรักษาชีวิตทุกคน เราอาจต้องยอมทำสักครั้ง” หัวหน้าเผ่ากล่าวเสร็จมองไปที่สนามเห็นภาพบนท้องฟ้ายังคงฉายภาพไม่หยุดและท้องฟ้าเดี๋ยวมืดเดี๋ยวสว่างด้วยจังหวะที่ถี่ยิ่งขึ้น
ท้ายที่สุด
โลกทีวีทั้งโลกดับลง ความมืดเข้าครอบงำทุกตารางนิ้ว เพียงเวลาไม่นาน ท้องฟ้ากลับสว่างเป็นปกติ ขณะนี้ผู้คนในสนามกำลังร้องไห้และไม่มีภาพใดปรากฏบนท้องฟ้าอีกแล้ว ชาวบ้านสับสนอลหม่าน จนทางการประกาศดังนี้
“ปกติแม่ไม่ได้เสียบปลั๊กตลอดเวลานะมาร์ค แขกมาแม่ถึงเปิด”
“แล้วถ้าผมไม่อยู่แล้วแม่ลืมละครับ ผมรู้ทีวีเครื่องนี้เป็นเครื่องความทรงจำของครอบครัวของพ่อ แต่เราก็มีอย่างอื่นเป็นความทรงจำได้นะครับ”
แม่มาร์คเห็นลูกชายแล้วไม่อยากโต้เถียงหรือนี้
“แม่รักพ่อตรงไหนครับ ผมเห็นพ่อเอาแต่ทำงานไม่สนใจพวกเรา ผมอยากรู้จริงๆ พ่อรักแม่หรือรักผมบ้างไหม”
“แกคิดตลอดเวลาเหมือนเดิมว่าพ่อไม่รักแกใช่ไหม”
“ใช่ พ่อที่ไหนชอบตบหน้าลูก ตีลูก แม่รักพ่อตรงไหนผมอยากรู้”
“แม่รักพ่อของแกในส่วนดีที่แกไม่เคยมองไง พ่อมีความรักในแบบพ่อ ไม่จำเป็นต้องเหมือนคนอื่น”
“ตามใจหากแม่คิดแบบนั้น ผมให้เวลาหนึ่งอาทิตย์ครับ”
เสียงการทะเลาะกันของทั้งคู่ยังคงไม่หยุด แต่บทสรุปการซื้อขายทีวีได้จบลงแล้ว ผู้คนในเมืองทีวีรับทราบและต้องยอมรับชะตากรรมดังกล่าว
“จีน่าลูกรักไม่ต้องเสียใจนะลูก ที่ขายไม่ได้เพราะคนบนฟ้าทะเลาะกัน” ปะป๋าปลอบใจลูกสาว
“ไม่ใช่ประเด็นนั้นค่ะปะป๋า ป๋าได้ยินเหมือนหนู ไดแอนน่าพูดกับยายว่าทีวีมีบางจุดสีเพี้ยน” ทันทีที่เธอกล่าวจบเธอหันมองไปทั่วสนามพบว่าคนแก่เข้ามาในสนามพิกเซลหลายคน
“หยุดเดี๋ยวนี้ ฉันบอกแล้วไงไม่อนุญาตให้คนแก่เข้ามา เพราะแกทำให้ฉันขายภาพไม่ได้ ภาพของดาวินชียากมาก กว่าที่ฉันจะบันทึกเข้าที่สมองของฉัน” เธอหันไปกลุ่มคนแก่กลุ่มหนึ่งที่แอบเข้ามาในสนาม
“ปะป๋าต้องทำตามกฏ ต้องไล่พวกมันออกจากเมืองนะคะ”
“ลูกรักของปะป๋า พวกเขาอายุเยอะอีกอย่างเวลานี้ไม่ใช่เวลามาทะเลากัน ภาพของลูกรักต้องขายได้อยู่แล้วจ้า”
“ปะป๋ารู้นี้ค่ะ ปลั๊กไฟทีวีใช้ไม่ได้แล้ว พวกเราต้องสร้างพลังงานเองเพื่อหลอกมนุษย์ว่าทีวียังเปิดติด กว่าจะฉายภาพได้เราต้องดึงพลังงานมาใช้มากแค่ไหน ไหนต้องพยายามทำภาพให้คมชัดที่สุดเพื่อหลอกมนุษย์ด้วย”
สุดท้ายอธิการบดีผู้เป็นพ่อของจีน่าไม่เอาความกลุ่มเหล่านั้น จากนั้นทุกคนแยกย้ายกันกลับบ้านแนบด้วยความผิดหวัง ซาร่าอุ้มเจ้าไซแนปเพื่อไปส่งที่ฟาร์ม ส่วนจีน่าและพ้องเพื่อนเดินกลับเข้าบ้านชมรม ระหว่างที่เดิน ไซแนปกลับเห่าไล่ตามจีน่าอย่างไม่หยุดหย่อน
“เจ้าตัวยุ่งเงียบนะ” ซาร่าดุใส่มัน เธอเองไม่เข้าใจเจ้าไซแนป ทำไมถึงชอบเห่าใส่จีน่า แต่เธอไม่ได้ใส่ใจมากนัน มันคงไม่ชอบเธอ เหมือนจีน่าก็ไม่ชอบพวกซิสแนปเปอร์เช่นเดียวกัน
หลังจากเหตุการณ์สงบแล้ว ไม่นานคนทำความสะอาดสนามกลาง พบบุคคลหลายคนถูกมัดปากมัดมือซ่อนอยู่หลังพุ่มไม้หลังสนามกีฬา นั้นเป็นฝีมือของผู้อาวุโสที่อยากเข้าสนาม