สาเหตุที่ทำให้ระบบสาธารณสุขไทย เป็นระบบที่รอวันล่มสลาย

สวัสดีครับก่อนอื่นผมขอแนะนำตัวก่อน
ผมเป็นแพทย์โรงพยาบาลรัฐ ที่รพ.ชุมชนแห่งหนึ่ง กำลังใช้ทุนเป็นปีสุดท้าย 
สิ่งที่ผมอยากตั้งกระทู้นี้เพื่ออยากให้คนอื่นนอกวงการได้รับรู้ถึงปัญหาของระบบสาธารณสุขของประเทศของเรา ว่าวิกฤตและน่าเป็นห่วงมากแค่ไหน
โดยมุมมองจากผมซึ่งเป็นแพทย์ในระบบเท่านั้น ไม่ได้มีข้อมูลเชิงสถิติอะไรมาประกอบให้เห็น แต่ผมเชื่อว่ามีเคร้าโครงมาจากข้อเท็จจริง สามารถไปค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ โดยซึ่งอาจจะไม่ครอบคลุมประเด็นทั้งหมดแต่จะพยายามเล่าให้ครบทุกประเด็นมากที่สุดครับ

ปัญหาสาธารณสุขในประเทศเรานั้นจริงๆก็มีมาช้านาน มีคนบอกว่าจะล่มมาเป็นสิบๆปัแล้ว
ก่อนที่ผมจะมาเรียนแพทย์ซะอีก ก่อนมาเรียนจ่าพิชิต drama-addict ก็เคยเขียนหนังสือเป็นการ์ตูนมาแล้ว ชื่อ นิทานอีสัส
ซึ่งพอผมมาทำงานก็มีปัญหาเหมือนเดิม แถมหนักกว่าเดิมและยังมีปัญหาใหม่ๆเข้ามาอีก ผมจะเขียนเป็นข้อๆนะครับ 

สาเหตุที่ทำให้ระบบสาธารณสุขไทย เป็นระบบที่รอวันล่มสลาย

1.ค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาสุขภาพของประเทศไทยนับวันจะยิ่งสูงขึ้น และงบประมาณไม่น่าจะเพียงพอต่อการดูแล

1.1 สังคมไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มตัว
โดยที่ผู้สูงอายุจำนวนมากไม่สามารถพึ่งพาตัวเองได้เลย ไม่มีทั้งเงิน ไม่มีทั้งความรู้ในการดูแลรักษาตัวเอง ระหว่างที่ผมได้ใช้ทุนนั้นผมได้พบเจอผู้สูงอายุจำนวนมากที่อยู่บ้านเพียงลำพัง ลูกหลานไปทำงานต่างจังหวัด จะมาพบแพทย์ก็ต้องอาศัยคนอื่นมา ไม่มีแม้แต่เงินจะใช้เดินทางมาโรงพยาบาล และขาดความรู้ในการดูแลตัวเองอย่างสิ้นเชิง ไม่ทราบว่าอะไรที่ควรกิน/ไม่ควรกิน การใช้ยาชุด ยาสมุณไพรที่ผสมสเตียรอยด์ยังพบเจอเป็นประจำ ไม่ทราบอะไรคือภาวะฉุกเฉินต้องรีบมารพ. ทั้งหมดทั้งมวลทำให้กลายเป็นผู้สูงอายุที่เต็มไปด้วยโรคเรื้อรังมหาศาล รายจายค่ายาต่อหัวหลักพันทุกเดือนที่รัฐต้องออกค่าใช้จ่ายให้ แต่ด้วยความที่การแพทย์ก้าวหน้าขึ้นทำให้สามารถประคับประคองมีอายุที่ยืนยาวได้ ปัจจุบันแม้จะไตวายระยะสุดท้ายก็ล้างไตฟรี ฟอกเลือดฟรีแล้ว

1.2 สุขภาพของผู้คนในประเทศแย่ลงเรื่อยๆ จากอาหารต่างๆที่มีน้ำตาลเป็นส่วนประกอบมากขึ้น ทำให้อัตรการเป็นเบาหวานในผู้คนยุคปัจจุบันเพิ่มสูงขึ้น และภาวะดื้ออินซูลินก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดโรคอื่นตามมา ตอนผมทำงานพบผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวตั้งแต่อายุ 3x จำนวนมาก มีทั้งไปถึงขั้นไตวายเรื้อรังจากเบาหวานจนต้องฟอกไตก็มี ซึ่งเมื่อเจ็บป่วยตั้งแต่อายุยังน้อย ถ้ารักษาต่อเนื่องกินยาเป็นประจำก็ยังสามารถมีชีวิตต่อได้อย่างยืนยาว ซึ่งพวกนี้เป็นรายจ่ายทั้งสิ้น 

1.3 อัตราการเกิดที่น้อยลง ทำให้ในอนาคตเงินภาษีที่เก็บได้ก็จะน้อยลงด้วย ซึ่งเงินที่ใช้ในระบบสาธารณะสุขในบ้านเรามาจากสามแหล่ง 1.กองทุนประกันสังคม 2.สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ 3.กรมบัญชีกลาง ซึ่งทั้ง 3 แหล่งนั้นแหล่งเงินมาจากการเก็บเงินจากคนวัยทำงานทั้งสิ้น ทำให้เมื่ออัตรการเกิดน้อยลง ในอนาคตคนวัยทำงานน้อยลง แต่ผู้สูงอายุกลับไม่น้อยลงตามกลับมากขึ้นๆนื่องจากการแพทย์ที่ทำให้อายุยาว และเต็มไปด้วยโรคประจำตัวมากมาย ทำให้ผมคิดว่างบประมาณไม่พอที่จะใช้จ่ายแน่ๆ

2.ปัญหาด้านบุคลการไม่เพียงพอต่อการปฏิบัติงาน 

2.1 ตำแหน่งไม่พอต่อภาระงาน 
ในโรงพยาบาลรัฐในปัจจุบัน ตำแหน่งไม่เพียงพอต่อการทำงานและภาระงาน ซึ่งเกิดขึ้นกับแทบจะทุกฝ่ายไม่ว่าจะเป็น แพทย์ เภสัช พยาบาล เทคนิคการแพทย์ นักรังษีเทคนิค และอีกหลากหลายวิชาชีพ หลายๆคนมาทำงานโดยเป็นแค่ลูกจ้าง ไม่ได้เป็นข้าราชการด้วยซ้ำ โดยค่าจ้างถูกแสนถูก

2.2 การลาออกของบุคลากร 
ในส่วนที่นี้ผมจะขอแสดงความเห็นในมุมมองของแพทย์เป็นหลักนะครับ สาเหตุที่แพทย์ยังคงขาดแคลนมาอย่างอย่างนาน เนื่องจากปัญหาคือการลาออก โดยมีสาเหตุมากมาย

2.2.1 ภาระงาน การทำงานในโรงพยาบาลรัฐนั้นจะมีอาการขึ้นเวรครับซึ่งการขึ้นเวรของแพทย์นั้นคือการอยู่เวรนอกเวลาราชการทั้งหมด ทำให้ต้องทำงานมากว่า 24 ชั่วโมงต่อเนื่อง ยิ่งถ้าโรงพยาบาลไหนใหญ่ๆคนไข้ก็จะเยอะ แทบจะไม่ได้พัก ที่ไหนน้อยก็มีโอกาสได้นอนบ้าง แต่เชื่อเถอะครับ ต่อให้ได้นอนก็นอนหลับไม่สนิท เพราะต้องพร้อมโดนปลุกทุกเมื่อ วันรุ่งขึ้นก็ต้องกลับมาทำงานตามปกติต่อ ไม่ได้พักหลังจากลงเวรเหมือนวิชาชีพอื่นๆ เนื่องจากคนไม่พอ และในเวลาคนไข้ของรพ.รัฐก็มากมายมหาศาลจริงๆ 

2.2.2 รายได้ รายได้ของแพทย์ในโรงพยาบาลรัฐนั้นไม่เคยปรับขึ้นมาเป็น 10กว่าปีแล้วครับ ทั้งที่เงินเฟ้อไปมากมายขนาดไหน เมื่อก่อนยอมรับจริง แม้เหนื่อย แม้ไม่ได้นอนแต่รายได้อาจะคุ้ม แต่ปัจจุบันนั้น รายได้แต่จากรพ.รัฐอย่างเดียวถือว่าน้อยมากครับเมื่อเทียบกับความรับผิดชอบ ตัวผมเองรายได้ที่ได้จากรพ.นั้นเทียบกับเพื่อนที่สายอาชีพอื่นก็พอๆกันเลย ไม่ได้ต่างกันแล้ว หากเทียบกับรัฐและเอกชนแล้วรายได้แพทย์ห่างกันเยอะมากครับ ถ้าคิดรวมๆก็น่าจะประมาณ 3-5 เท่า แต่ถ้าคิดจากภาระงานแล้วน่าจะเกิน 10 เท่า แต่สาเหตุที่เป็นแบบนี้เพราะเอกชนให้เงินเยอะ แต่ภาระงานน้อยกว่ามาก และรายได้เอกชนมาจากงานที่ทำไม่ได้รับเป็นเงินเดือนเหมาๆแบบรัฐครับ ดังนั้นปัจจุบันจึงมีแพทย์ลาออกเยอะมาก เพื่อนร่วมรุ่นผมใช้ทุนไม่ครบลาออกกันไปก็หลายคน

2.3 การแก้ปัญหาที่ผิดวิธี 
อย่างที่ได้กล่าวไปปัญหาที่แพทย์ขาดแคลน ไม่ได้มาจากการผลิตไม่พอแต่มาจากปัญหาที่ทำให้แพทย์ไม่สามารถทนในระบบต่อไปได้ แต่นโยบายต่างๆที่ออกนั้นมีแต่การเน้นที่การผลิตแพทย์เพิ่มทั้งสิ้น ปัญหาด้ายรายได้ ปัญหาด้านการทำงาน ไม่เคยหยิบนำมาพูดคุยอย่างจริงจังเลย ทั้งๆที่ทุกคนในระบบรู้กันหมดแต่คนบนหอคอยงาช้างไม่เคยรู้ 

ส่วนของวิชาชีพอื่นๆในโรงพยาบาลที่น่าจะหนักกว่าแพทย์อีกครับเพราะไม่ให้ตำแหน่งบรรจุเป็นข้าราชการด้วยซ้ำ

3.ปัญหาด้านคุณภาพงานบริการ 
3.1 บุคลากร จากที่กล่าวไปข้างต้นการที่บุคลาการไม่เพียงพอนั้น ทำให้การบริการไม่มีทางดีได้แน่ๆ แพทย์คนนึงในรพ.จังหวัดตรวจคนไข้เป็นร้อยคน ไม่มีทางที่จะตรวจให้ละเอียด หรือให้การแนะนำอย่างเหมาะสมได้ การรอคิวต่างๆของผู้รับบริการก็ยาวนานมาก และอีกประการ การที่รายได้และภาระงานของคนทำงานไม่ไปด้วยกัน ทำให้คนที่ทำงานอยู่จะหลอกตัวเองหรือมีอการส่งต่อกันมาว่าทำงานด้วยการเสียสละ (บังคับให้เสียสละ) ทำให้หลายๆคนยกตนขึ้นสูงกว่าเพราะตนเองเป็นผู้เสียสละไปโดยปริยาย ทำให้การบริการก็จะแย่ลงไปอีก
3.2 งบประมาณ ด้วยงบประมาณที่จำกัด ทำให้ยาดีๆใหม่ๆหลายตัวไม่มีใช้ในการรักษา ยาในโรงพยาบาลรัฐก็จำกัด แม้แต่สิทธิข้าราชการไม่มียาดีๆใช้ ประกันสังคมแทบไม่ต้องพูดถึง 

4.การขาดการแข่งขันในตลาดล่าง 
ผมมองกว่าที่การรักษาของรัฐนั้นฟรี ทำให้ไม่เกิดการแข่งขันตลาดล่างขึ้น โรงพยาบาลเอกชนราคาถูกไม่สามารถอยู่รอดได้ เพราะคนที่ใช้ของถูกก็หันไปใช้ของฟรีกันหมด ทำให้รพ.เอกชนที่จะทำราคามาถูกแต่อาศัยปริมาณ ไม่สามารถอยู่รอดได้ ตัวเลือกของคนที่พอจะจ่ายเองก็ได้หายได้ สังเกตได้จากเอกชนจำนวนมากในปัจจุบันมีแต่ราคาแพงๆแทบทั้งสิ้น ทำให้คนยิ่งไปกระจุกแต่รพ.ของรัฐ

5.ปัญหาจากระบบบัตรทอง
ระบบบัตรทองนั้นเป็นส่วนหนึ่งของปัญหาสาธารณสุขไทยไม่มากก็น้อย เพราะการที่รัฐต้องออกค่าใช้จ่ายให้ทุกคนนั้น ทำอย่างไรก็ไม่พอ ยิ่งนับวันค่าใช้จ่ายยิ่งมากขึ้น ผลก็คือต้องไปพยายามจำกัดงบส่วนอื่นๆ สิ่งที่ตามก็ไปจำกัดกับบุคลากรและยาต่างๆดังที่กล่าวไปข้างต้น และด้วยความที่อยู่มายาวนานหลายสิบปี การที่จะยกเลิกเป็นไปได้ยากมากเพราะรัฐบาลไหนทำต้องเสียคะแนนนิยมและโดนโจมตีหนักมากแน่ๆ

6.ยุคสมัยที่เปลี่ยนไป
เด็กรุ่นใหม่จำนวนมากไม่สนใจค่านิยมทำเพื่อสังคมอีกต่อไปแล้ว ชีวิตต้องมี work-life balance การหลอกให้เสียสละใช้ไม่ได้กับเด็กยุคใหม่ จึงได้เห็นหมอจบใหม่จำนวนมากลาออกกันเยอะมาก ไปทำเอกชนบ้าง ไปทำคลินิกความงามกันบ้าง ซึ่งคิดง่ายๆ งานสบายเงินดีใครจะไม่อยากไป ลองนึกภาพพนักงานบริษัทจะเปลี่ยนงานไปงานที่สบายขึ้น รายได้เพิ่มขึ้น 3-5 เท่า ใครจะไม่เปลี่ยนงานบ้าง ทำให้ปัจจุบันนอกจากแพทย์จะลาออกกันเยอะ ทำให้ในบางสาขาที่งานหนักแต่จำเป็นต่อสังคมสูงอายุเช่นแผนกศัลยกรรม อายุรกกรรมก็มีแพทย์สมัครเรียนต่อน้อยลงด้วย

ผมขอจบแต่เพียงเท่านี้ครับ
หากคิดประเด็นอื่นๆออกจะพิมพ์เพิ่ม
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่