AQUAMAN 2 : AQUAMAN AND THE LOST KINGDOM
เรื่องย่อ : Aquaman 2 Aquaman and the Lost Kingdom เป็นภาคต่อของ Aquaman กับเรื่องราวของ อาเธอร์ เคอร์รี่ (เจสัน โมมัว) ซูเปอร์ฮีโร่ผู้มีสายเลือดผสมระหว่างมนุษย์และชาวแอตแลนติส หลังจากที่ Black Manta แบล็ค แมนต้า (ยาห์ย่า อับดุล-มาทีน ที่ 2) ล้มเหลวในการเอาชนะ Aquaman เขาต้องการแก้แค้นให้กับการตายของพ่อ และจะไม่หยุดจนกว่าจะสามารถโค่น อควาแมน ลงได้ ซึ่งการกลับมาครั้งนี้ของ แบล็ค แมนต้า เต็มไปด้วยความยิ่งใหญ่และมีพลังที่ร้ายกาจมากขึ้น โดยเขาได้ครอบครองพลังในตำนานอย่าง Black Trident ซึ่งมาจากการปลดปล่อยพลังอันชั่วร้ายและเก่าแก่ออกมา
บอกเลยว่าเรื่องนี้ เป็นหนังภาคต่อฟอร์มยักษ์ส่งท้ายปี ที่น่าสนใจมาก ส่วนตัวคิดว่าภาคแรกก็สนุกดี ภาพสวย แต่ก็ไม่ได้ถึงกับว้าวหรือดีอะไรขนาดนั้น แต่ภาคนี้ เห็นตัวอย่างแล้ว ภาพสวย น่าดูมาก
ก็ไม่พลาดอีกเช่นเคย
เรื่องนี้ เราจัดแบบIMAX 3D with Laser เพราะอยากจัดเต็ม และดื่มดำกับการภาพสวยๆ ได้อย่างเต็มที่
ความรู้สึกหลังดูจบ
คือรู้สึกว่า เป็นหนังภาคต่อ ที่ไม่ค่อยประสบความสำเร็จอีกเรื่อง ถ้าดูเอามันส์ แบบไม่คิดมาก ก็น่าจะบันเทิง และดูได้เรื่อยๆ สนุกใช้ได้เลย
งานภาพสวยมากกกกก เพราะหนังทำมาสำหรับIMAX ยิ่งเราได้ดูในระบบIMAX LASER 3D
เรื่องนี้คือคุ้มค่ากับราคาที่เกินครึ่งพัน ที่เสียไป และตอบโจทย์มาก เพราะภาพสวยจริง ยิ่งดูแบบ3D คือถึงแม้ว่าฉากพุ่งๆจะไม่เยอะ แต่ความมิติของภาพ คือทำออกมาได้ไม่ขาดตกบกพร่องแต่อย่างใด
เหมือนกับว่าเราได้เป็นมนุษย์ตัวเล็กๆ และได้เข้าไปผจญภัยในสถานที่นั้น และเหตุการณ์นั้นจริงๆ สเกลภาพยิ่งใหญ่ เต็มตา สวยแทบทุกฉาก
เราชอบสุดคงจะเป็นฉากในป่า คือมันสวยสุดๆ มีอะไรแปลกๆใหม่ๆให้ดู และน่าสนใจ ตื่นตาตื่นใจดี เหมือนกำลังดูหนังผจญภัย ไปในด่านต่างๆ ในโลกที่แปลกตา คือมันว้าวมาก ฟีลเหมือนดู Oz the Great and Powerful แต่ภาพเรื่องนี้ สมจริงกว่า
การเล่าเรื่อง และดำเนินเรื่อง ก็ถือว่าดูได้เรื่อยๆ เพลินๆ ถึงแม้ช่วงแรกอาจจะเล่าออกมาได้แอบน่าเบื่อไปนิด แต่พอเครื่องติด หนังก็จัดเต็ม ทั้งแอคชั่น และบันเทิง แบบไม่มีกั๊ก
ตัวบท คิดว่านี่คงจะเป็นปัญหาหลักของหนังเลยก็ว่าได้ ด้วยความที่หนังถูกแก้ และเลื่อนฉายมา ด้วยดราม่านางเอก และการปรับทิศทางใหม่ของDC ภายใต้เจมส์ กัน ซึ่งเจมส์ วาน และทีมงาน คงน่าจะพยายามสุดๆแล้ว ให้หนังออกมาจบสวยๆ ถึงแม้ว่า เท่าที่ดู บทน่าจะเปลี่ยน และแก้ไขเยอะมาก
ขาดความลงตัว และกลมกล่อม
ทำให้ผลลัพธ์ที่ออกมา เราไม่ค่อยอิน และมีอารมณ์ร่วมไปกับตัวละคร ซีนดราม่า ซึ้ง เศร้า ไปได้ไม่สุด
ถึงแม้ว่าเราจะอินบ้าง แต่ก็คิดว่า น่าจะไปได้สุดกว่านี้ นี่คือแตะดราม่าแบบผิวเผิน พอจะอิน ก็ตัดไปซะละ
และจากที่ดู การตัดต่อ และเนื่อเรื่อง ตัดสลับไปมา ฉากนึงจบตัด ฉากนึงตัด เป็นแบบนี้ทั้งเรื่อง เหมือนไม่ได้มาด้วยกัน เหมือนเอาแต่ละฉากมารวมกันเฉยๆ ดูแล้วไม่ค่อยปะติดปะต่อ และดูเป็นเส้นเรื่องและกลุ่มก้อนเดียวกันสักเท่าไหร่
ยิ่งนักแสดงนะ ถึงดราม่าข้างนอกจะแทบไม่คุยกันแล้ว แต่ในหนังก็เช่นกันจ้า แอมเบอร์ ออกเยอะ แต่เหมือนบท ถึงตัดไปเยอะมาก ทำให้เกิดช่องโหว่ ที่ค่อนข้างใหญ่ และมีผลต่อหนัง และอารมณ์ร่วมของคนดูมากๆ
ในหนังคือ ฉากที่ตัวละคร อควาแมนและเมร่า สนทนา และมีปฏิสัมพันธ์ต่อกัน คือน้อยมาก ถึงแม้ว่าจะเข้าฉากด้วยกัน แต่เหมือนทั้งคู่ ไม่ทำให้คนดูรู้สึกว่ามีความผูกพันธ์กัน ไม่รู้สึกแบบนั้นเลย
มันคือความรู้สึกห่างเหิน ซึ่งคนดูรับรู้ได้ชัดเจน
ยิ่งพอเจอบทที่ปรับมาแล้ว มันยิ่งไปกันใหญ่
ในฐานะคนดู เราไม่รู้สึกถึงการมีอยู่ของทั้งคู่ในฉากเดียวกัน และแน่นอน มันไม่อิน
สิ่งที่ชอบในหนังเรื่องนี้ และมีมาแต่ภาคแรก และคิดว่า เป็นสิ่งที่ควรนำเสนอ และทำออกมาได้ดี
คือเรื่องภาวะโลกร้อน จากฝีมือมนุษย์ และผลกระทบจากภาวะโลกร้อน น้ำแข็งละลาย หนังนำสิ่งเหล่านี้มาปรับให้เข้ากับบริบทของหนังได้ดีมาก
แอริคัลคัม ที่เปรียบเหมือนมลพิษ ที่มนุษย์ขึ้น ในโลกแห่งความเป็นจริง ชอบที่ในหนังสื่อถึงมลพิษ เปลี่ยนธรรมชาติเป็นสัตว์ร้าย และคนที่จะโดนทำลายในท้ายที่สุด และได้รับผลกระทบคือตัวเรานั่นเอง เราชอบประเด็นนี้ ที่หนังใส่มา ให้คิด แบะตระหนักถึงสิ่งเหล่านี้ และตีความมันออกมา ในรูปแบบที่เข้ากับหนัง
ข้อด้อยและส่วนที่ไม่ชอบ
อย่างที่กล่าวไว้ด้านบทเลย บท การตัดต่อ และความสัมพันธ์ของตัวละคร ซึ่งสิ่งเหล่านี้ คือแก่นหลักของหนัง และหัวใจของหนังเลยก็ว่าได้ แต่เมื่อหนังขาดสิ่งเหล่านี้ไป เลยทำให้หนังภาคต่อ ที่น่าจะทำได้ดีกว่าภาคแรก กลับไม่ค่อยดีเท่าภาคแรก
ตัวร้ายที่เป็นตัวเดิม ไม่ค่อยมีอะไรแปลกใหม่
ถึงแม้จะใช้เวลากับตัวร้ายนาน ก็ไม่ได้รู้สึกว่า
ใช้ตัวร้ายตัวนี้ได้คุ้ม และไม่ได้มีอะไรน่าสนใจ
การใส่ดนตรีประกอบ ที่ใส่มาทุกฉากจริงๆ นิดๆหน่อยๆก็จะเอา แล้วส่วนใหญ่ มันไม่เข้ากับหนัง มันดูรุงรัง ดูรกเกินไป ใส่มาพร่ำเพรื่อ และเยอะเกิน จนแอบน่ารำคาญ
ฉากไคล์แมกซ์ที่ดูไร้น้ำหนัก และง่ายเกินไป ไม่อิมแพค แต่อย่างใด
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ถ้ามีมีพลังสิงร่างคนขนาดนี้ แต่พอตื่นมา เพื่อมาตาย ก็ไม่น่าจะเล่าเรื่องให้ยืดยาว
คือดูแล้ว ก็อะไรอะ? หลายฉากมาก
หนังติดตลกเกินไป ทั้งที่หนังมันควรจริงจัง
แต่กลับมาทำให้กลายเป็นหนังตลกคู่หูพี่น้องผจญภัยซะงั้น ออกแนวคอมเมดี้ มากกว่าฮีโร่ ซึ่งมันไปไม่ได้กับหนังเรื่องนี้ มาผิดทางจริงๆ
มันส่งผลกับฉากดราม่า ที่ยิ่งทำให้ไม่อินกันไปใหญ่
และฉากจบที่ดูรวบรัดตัดตอน ไม่สมเหตุสมผล
แถมฉากสุดท้าย ที่เป็นทางการ และควรจริงจัง
กลับทำให้เป็นตลกคาเฟ่ ขายขำไปซะงั้น
เลยไม่มีอะไรน่าจดจำ และประทับใจ แต่อย่างใด
น่าเสียดายมาก
สำหรับคะแนนความชอบให้ 7/10 คะแนน
สำหรับใครที่ไปดูมาแล้ว คิดเห็นอย่างไรกันบ้าง มาแชร์กันได้นะ
https://www.facebook.com/MouthMoyMovie?mibextid=LQQJ4d
AQUAMAN 2 : AQUAMAN AND THE LOST KINGDOM (7/10) l ภาคต่อ..ที่ไม่ปะติดปะต่อ (สปอยล์)
เรื่องย่อ : Aquaman 2 Aquaman and the Lost Kingdom เป็นภาคต่อของ Aquaman กับเรื่องราวของ อาเธอร์ เคอร์รี่ (เจสัน โมมัว) ซูเปอร์ฮีโร่ผู้มีสายเลือดผสมระหว่างมนุษย์และชาวแอตแลนติส หลังจากที่ Black Manta แบล็ค แมนต้า (ยาห์ย่า อับดุล-มาทีน ที่ 2) ล้มเหลวในการเอาชนะ Aquaman เขาต้องการแก้แค้นให้กับการตายของพ่อ และจะไม่หยุดจนกว่าจะสามารถโค่น อควาแมน ลงได้ ซึ่งการกลับมาครั้งนี้ของ แบล็ค แมนต้า เต็มไปด้วยความยิ่งใหญ่และมีพลังที่ร้ายกาจมากขึ้น โดยเขาได้ครอบครองพลังในตำนานอย่าง Black Trident ซึ่งมาจากการปลดปล่อยพลังอันชั่วร้ายและเก่าแก่ออกมา
บอกเลยว่าเรื่องนี้ เป็นหนังภาคต่อฟอร์มยักษ์ส่งท้ายปี ที่น่าสนใจมาก ส่วนตัวคิดว่าภาคแรกก็สนุกดี ภาพสวย แต่ก็ไม่ได้ถึงกับว้าวหรือดีอะไรขนาดนั้น แต่ภาคนี้ เห็นตัวอย่างแล้ว ภาพสวย น่าดูมาก
ก็ไม่พลาดอีกเช่นเคย
เรื่องนี้ เราจัดแบบIMAX 3D with Laser เพราะอยากจัดเต็ม และดื่มดำกับการภาพสวยๆ ได้อย่างเต็มที่
ความรู้สึกหลังดูจบ
คือรู้สึกว่า เป็นหนังภาคต่อ ที่ไม่ค่อยประสบความสำเร็จอีกเรื่อง ถ้าดูเอามันส์ แบบไม่คิดมาก ก็น่าจะบันเทิง และดูได้เรื่อยๆ สนุกใช้ได้เลย
งานภาพสวยมากกกกก เพราะหนังทำมาสำหรับIMAX ยิ่งเราได้ดูในระบบIMAX LASER 3D
เรื่องนี้คือคุ้มค่ากับราคาที่เกินครึ่งพัน ที่เสียไป และตอบโจทย์มาก เพราะภาพสวยจริง ยิ่งดูแบบ3D คือถึงแม้ว่าฉากพุ่งๆจะไม่เยอะ แต่ความมิติของภาพ คือทำออกมาได้ไม่ขาดตกบกพร่องแต่อย่างใด
เหมือนกับว่าเราได้เป็นมนุษย์ตัวเล็กๆ และได้เข้าไปผจญภัยในสถานที่นั้น และเหตุการณ์นั้นจริงๆ สเกลภาพยิ่งใหญ่ เต็มตา สวยแทบทุกฉาก
เราชอบสุดคงจะเป็นฉากในป่า คือมันสวยสุดๆ มีอะไรแปลกๆใหม่ๆให้ดู และน่าสนใจ ตื่นตาตื่นใจดี เหมือนกำลังดูหนังผจญภัย ไปในด่านต่างๆ ในโลกที่แปลกตา คือมันว้าวมาก ฟีลเหมือนดู Oz the Great and Powerful แต่ภาพเรื่องนี้ สมจริงกว่า
การเล่าเรื่อง และดำเนินเรื่อง ก็ถือว่าดูได้เรื่อยๆ เพลินๆ ถึงแม้ช่วงแรกอาจจะเล่าออกมาได้แอบน่าเบื่อไปนิด แต่พอเครื่องติด หนังก็จัดเต็ม ทั้งแอคชั่น และบันเทิง แบบไม่มีกั๊ก
ตัวบท คิดว่านี่คงจะเป็นปัญหาหลักของหนังเลยก็ว่าได้ ด้วยความที่หนังถูกแก้ และเลื่อนฉายมา ด้วยดราม่านางเอก และการปรับทิศทางใหม่ของDC ภายใต้เจมส์ กัน ซึ่งเจมส์ วาน และทีมงาน คงน่าจะพยายามสุดๆแล้ว ให้หนังออกมาจบสวยๆ ถึงแม้ว่า เท่าที่ดู บทน่าจะเปลี่ยน และแก้ไขเยอะมาก
ขาดความลงตัว และกลมกล่อม
ทำให้ผลลัพธ์ที่ออกมา เราไม่ค่อยอิน และมีอารมณ์ร่วมไปกับตัวละคร ซีนดราม่า ซึ้ง เศร้า ไปได้ไม่สุด
ถึงแม้ว่าเราจะอินบ้าง แต่ก็คิดว่า น่าจะไปได้สุดกว่านี้ นี่คือแตะดราม่าแบบผิวเผิน พอจะอิน ก็ตัดไปซะละ
และจากที่ดู การตัดต่อ และเนื่อเรื่อง ตัดสลับไปมา ฉากนึงจบตัด ฉากนึงตัด เป็นแบบนี้ทั้งเรื่อง เหมือนไม่ได้มาด้วยกัน เหมือนเอาแต่ละฉากมารวมกันเฉยๆ ดูแล้วไม่ค่อยปะติดปะต่อ และดูเป็นเส้นเรื่องและกลุ่มก้อนเดียวกันสักเท่าไหร่
ยิ่งนักแสดงนะ ถึงดราม่าข้างนอกจะแทบไม่คุยกันแล้ว แต่ในหนังก็เช่นกันจ้า แอมเบอร์ ออกเยอะ แต่เหมือนบท ถึงตัดไปเยอะมาก ทำให้เกิดช่องโหว่ ที่ค่อนข้างใหญ่ และมีผลต่อหนัง และอารมณ์ร่วมของคนดูมากๆ
ในหนังคือ ฉากที่ตัวละคร อควาแมนและเมร่า สนทนา และมีปฏิสัมพันธ์ต่อกัน คือน้อยมาก ถึงแม้ว่าจะเข้าฉากด้วยกัน แต่เหมือนทั้งคู่ ไม่ทำให้คนดูรู้สึกว่ามีความผูกพันธ์กัน ไม่รู้สึกแบบนั้นเลย
มันคือความรู้สึกห่างเหิน ซึ่งคนดูรับรู้ได้ชัดเจน
ยิ่งพอเจอบทที่ปรับมาแล้ว มันยิ่งไปกันใหญ่
ในฐานะคนดู เราไม่รู้สึกถึงการมีอยู่ของทั้งคู่ในฉากเดียวกัน และแน่นอน มันไม่อิน
สิ่งที่ชอบในหนังเรื่องนี้ และมีมาแต่ภาคแรก และคิดว่า เป็นสิ่งที่ควรนำเสนอ และทำออกมาได้ดี
คือเรื่องภาวะโลกร้อน จากฝีมือมนุษย์ และผลกระทบจากภาวะโลกร้อน น้ำแข็งละลาย หนังนำสิ่งเหล่านี้มาปรับให้เข้ากับบริบทของหนังได้ดีมาก
แอริคัลคัม ที่เปรียบเหมือนมลพิษ ที่มนุษย์ขึ้น ในโลกแห่งความเป็นจริง ชอบที่ในหนังสื่อถึงมลพิษ เปลี่ยนธรรมชาติเป็นสัตว์ร้าย และคนที่จะโดนทำลายในท้ายที่สุด และได้รับผลกระทบคือตัวเรานั่นเอง เราชอบประเด็นนี้ ที่หนังใส่มา ให้คิด แบะตระหนักถึงสิ่งเหล่านี้ และตีความมันออกมา ในรูปแบบที่เข้ากับหนัง
ข้อด้อยและส่วนที่ไม่ชอบ
อย่างที่กล่าวไว้ด้านบทเลย บท การตัดต่อ และความสัมพันธ์ของตัวละคร ซึ่งสิ่งเหล่านี้ คือแก่นหลักของหนัง และหัวใจของหนังเลยก็ว่าได้ แต่เมื่อหนังขาดสิ่งเหล่านี้ไป เลยทำให้หนังภาคต่อ ที่น่าจะทำได้ดีกว่าภาคแรก กลับไม่ค่อยดีเท่าภาคแรก
ตัวร้ายที่เป็นตัวเดิม ไม่ค่อยมีอะไรแปลกใหม่
ถึงแม้จะใช้เวลากับตัวร้ายนาน ก็ไม่ได้รู้สึกว่า
ใช้ตัวร้ายตัวนี้ได้คุ้ม และไม่ได้มีอะไรน่าสนใจ
การใส่ดนตรีประกอบ ที่ใส่มาทุกฉากจริงๆ นิดๆหน่อยๆก็จะเอา แล้วส่วนใหญ่ มันไม่เข้ากับหนัง มันดูรุงรัง ดูรกเกินไป ใส่มาพร่ำเพรื่อ และเยอะเกิน จนแอบน่ารำคาญ
ฉากไคล์แมกซ์ที่ดูไร้น้ำหนัก และง่ายเกินไป ไม่อิมแพค แต่อย่างใด
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
คือดูแล้ว ก็อะไรอะ? หลายฉากมาก
หนังติดตลกเกินไป ทั้งที่หนังมันควรจริงจัง
แต่กลับมาทำให้กลายเป็นหนังตลกคู่หูพี่น้องผจญภัยซะงั้น ออกแนวคอมเมดี้ มากกว่าฮีโร่ ซึ่งมันไปไม่ได้กับหนังเรื่องนี้ มาผิดทางจริงๆ
มันส่งผลกับฉากดราม่า ที่ยิ่งทำให้ไม่อินกันไปใหญ่
และฉากจบที่ดูรวบรัดตัดตอน ไม่สมเหตุสมผล
แถมฉากสุดท้าย ที่เป็นทางการ และควรจริงจัง
กลับทำให้เป็นตลกคาเฟ่ ขายขำไปซะงั้น
เลยไม่มีอะไรน่าจดจำ และประทับใจ แต่อย่างใด
น่าเสียดายมาก
สำหรับคะแนนความชอบให้ 7/10 คะแนน
สำหรับใครที่ไปดูมาแล้ว คิดเห็นอย่างไรกันบ้าง มาแชร์กันได้นะ
https://www.facebook.com/MouthMoyMovie?mibextid=LQQJ4d