แชร์ประสบการณ์เป็นหูดหงอนไก่ในวัย 19

สวัสดีค่ะ นี่เป็นกระทู้แรกของเรา ตั้งใจที่จะเขียนออกมาเพื่อแชร์ประสบการณ์ที่พบเจอเกี่ยวกับการติดเชื้อ hpv เพราะในตอนที่เป็นและกำลังรักษานั้นมันเครียดมากจริง ๆ กว่าจะหาย เลยอยากแชร์ประสบการณ์เผื่อใครกำลังเจอโรคนี้อยู่จะได้มีกำลังใจรักษาและดูแลตัวเองมากขึ้นค่ะ

เกริ่นก่อนว่า ตอนอายุ 17 เราเคยเป็นต่อมฝีบาร์โธลิน และมาเป็นอีกครั้งตอนอายุ 18 ทั้งสองครั้งคือฝีแตกและยุบไปเอง (ไม่แนะนำนะคะ ทางที่ดีไปพบแพทย์ดีกว่าค่ะ) อีก 2-3 ครั้งเหมือนจะเป็นแต่รู้ตัวทันเลยทานยาฆ่าเชื้อ ฝีเลยยุบไปค่ะ และเราเป็นคนเจ้าเนื้อค่ะ ก่อนที่เชื้อ hpv จะแสดงอาการ เราไม่ได้ออกกำลังกายเลย ทานอาหารไม่มีประโยชน์ น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น 10 kg ดูดบุหรี่ไฟฟ้า วนแบบนี้อยู่ 7-8 เดือน ส่วนที่ว่าติดเชื้อมาจากไหน ตรงนี้เราไม่ทราบเลยค่ะ เพราะเชื้อตัวนี้ติดง่ายมาก เรามีคู่นอนคนเดียว เราก็ไม่อยากโทษใคร เพราะเชื้อตัวนี้สามารถอยู่ในร่างกายเราได้นานมาก คู่นอนเราอาจจะได้รับเชื้อมานานแล้ว หรือเราอาจจะติดจากแฟนเก่าเราหรือห้องน้ำสาธารณะก็ได้ค่ะ

เดือนกรกฎา 2566 
เราสังเกตเห็นว่ามีเหมือนติ่งขึ้นที่ฝีเย็บ จับๆแล้วรู้สึกเป็นติ่งนูนออกมา ไม่เจ็บไม่คัน ตอนนั้นก็ใจเสียแล้วค่ะ เพราะไม่เคยคิดว่าตัวเองจะเป็นอะไรแบบนี้ พยายามหาข้อมูลเลยพอจะทราบว่าตัวเองน่าจะเป็นหูดหงอนไก่ เลยตัดสินใจไปคลินิกนรีเวชแถวเมืองทอง ตอนนั้นคุณหมอบอกว่าเป็นหูดหงอนไก่ แต่เป็นแค่นิดเดียว ให้จี้ยาก็พอ ตัวยาแสบมากอยู่ค่ะแต่ทนได้ และคุณหมอให้ตรวจหามะเร็งปากมดลูกกับตรวจฮอร์โมนไปด้วยเลย เพราะประจำเดือนเราขาดหลายเดือนด้วย ค่าใช้จ่ายประมาณ 2,500 ค่ะ ผ่านไปอาทิตย์นึงก็ไปหาหมอใหม่อีกรอบ ครั้งนี้ติ่งมันหลุดไปค่ะเหลือแค่ตอ หมอเลยจี้ยาอีกรอบ ครั้งนี้ค่าใช้จ่ายประมาณ 500 ค่ะ ผลตรวจมะเร็งปากมดลูกออกมาว่าเราไม่มีเชื้อนะคะ แต่ก็ยังคงเสี่ยงกว่าคนทั่วไป แนะนำตรวจทุก 1 ปีนะคะ

เดือนสิงหาคม 2566
ต้นเดือนเราไปหาหมออีกครั้งแต่ยังไม่หายขาดค่ะ มันมีขึ้นมาข้างๆ เหมือนแบ่งเซลล์ เลยจี้ยาอีกครั้ง ในตอนนั้นเรายังไม่เลิกดูดบุหรี่ไฟฟ้า ยังมีเพศสัมพันธ์บ้างประปรายเพราะชะล่าใจด้วย ถ้าใครที่เป็นอยู่แนะนำให้งดมีเพศสัมพันธ์แบบเด็ดขาด บุหรี่ แอลกอฮอล์ให้งดเลยนะคะ เพราะทำให้ภูมิตกมาก งดจับงดสัมผัสบริเวณที่เป็นเลย เพราะมันลามเร็วมากค่ะ และเพราะมีเพศสัมพันธ์ทำให้มีแผลถลอกบริเวณปากช่องคลอดค่ะ ทีนี้เชื้อลามเร็วเลยค่ะ บวกกับกลับบ้านต่างจังหวัดไม่ได้ไปตามนัดด้วย ครั้งนี้เป็นเยอะมากกก เป็นตรงฝีเย็บเยอะไปหมด ข้างๆช่องคลอดทั้งสองข้างอีก สยองมากกกก ปลายเดือนไปหาหมออีกครั้ง ครั้งนี้หมอเลยนัดวันจี้ไฟฟ้าเลย เพราะจี้ยามา 4-5 ครั้งแล้วไม่หายสักที

เดือนกันยายน 2566 
วันที่ 6 กันยา หมอนัดมาจี้ไฟฟ้าค่ะ ตอนนั้นในใจคือกลัวมากกกกก หมอคนที่จี้ไฟฟ้าให้เป็นคนละคนกับคนที่จี้ยาให้ตลอด คนที่จี้ยาให้เป็นผู้หญิง คนที่จี้ไฟฟ้าให้เป็นหมอผู้ชายค่อนข้างมีอายุ หมอบอกว่า โรคนี้มันหายด้วยภูมิคุ้มกันร่างกายตัวเองได้ เลิกให้หมดทั้งแอลกอฮอล์ บุหรี่ ออกกำลังกายลดน้ำหนัก อย่าเครียด งดช่วยตัวเอง งดมีเพศสัมพันธ์ ทางที่ดีฉีดวัคซีนด้วย การจี้ไฟฟ้าไม่เจ็บ แต่เจ็บตอนฉีดยาชากับหลังจากยาชาหมดฤทธิ์ วันนั้นโดนฉีดยาชาไปประมาณ 8 จุด เพราะเป็นเยอะมากจริง ๆ ค่ะ เจ็บเป็นพิเศษตรงเนื้ออ่อนปากช่องคลอด ระหว่างจี้ได้กลิ่นไหม้ ๆ บ้างประปราย หลังจากนั้นหมอให้ขี้ผึ้งมาทาแผลกันเสียดสี ค่าใช้จ่ายทั้งหมด 4,000 บาทค่ะ หมอนัดอีกครั้งอีกสองอาทิตย์ค่ะ หลังจากนั้นเราก็เลิกบุหรี่แบบหักดิบและงดช่วยตัวเอง+เพศสัมพันธ์อย่างเด็ดขาดค่ะ และหากรู้สึกว่ามันขึ้นมาให้รีบมาหาหมอเพื่อที่จะจี้ออกก่อนที่จะแพร่เชื้อ
ผ่านไปประมาณหนึ่งอาทิตย์ เรารู้สึกว่ามันมีขึ้นมาเหมือนมันยังหลุดไม่หมด เลยคิดจะเปลี่ยนคลินิกเพราะเรามีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายบวกกับรู้สึกคลินิกเลี้ยงไข้เกินไป เลยอยากลองไปโรงพยาบาลรัฐดูเผื่อมียาจี้ที่ดีกว่า (เพราะหมอผู้หญิงที่คลินิกบอกว่า โรงพยาบาลจะมียาจี้อีกตัวที่ได้ผลมากกว่า แต่คลินิกไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้ยาตัวนี้ หากจี้ที่คลินิกไม่หายให้ลองไปโรงพยาบาล) เลยตัดสินใจไปศูนย์โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ของรัฐบาลที่อยู่ติดกับ bts เซนต์หลุย แต่เมื่อไปถึงก็ตัดสินใจไม่จี้ยา เพราะถ้าเปลี่ยนมารักษากับที่นี่ ต้องเริ่มรักษาใหม่ทั้งหมด และในตอนนั้นไม่สามารถตรวจภายในเราได้ด้วยเพราะเรายังมีแผลจากจี้ไฟฟ้า แต่ทางคลินิกก็ให้ยาแก้ปวดกับยาประคบแผลมาค่ะ
มาถึงวันที่หมอนัดอีกครั้ง หมอบอกว่ายังมีหูดอยู่ ไม่ใช่ขึ้นเป็นติ่งติดๆกัน แต่ขึ้นกระจายๆกันมากกว่า เลยจี้ไฟฟ้าอีกรอบบวกกับฉีดวัคซีน hpv 4 สายพันธุ์ไป ยังเจ็บตอนฉีดยาชาเหมือนเดิม ค่าใช้จ่าย 5,700 บาท ค่าจี้ไฟฟ้า 3,000 ค่าวัคซีนเข็มที่ 1 2,700 บาท แผลหลังจากจี้ไฟฟ้า ทรมานพอตัวอยู่ค่ะ หลังจากจี้แนะนำลาเรียนหรือลางานสัก 2 วัน นอนอยู่ห้องพักผ่อน ไม่ต้องใส่กางเกง นอนอ้าขาอย่าให้แผลอับ คอยซับ น้ำเหลืองที่ออกจากแผล กินอาหารที่มีประโยชน์ หลังจากจี้รอบที่สองผ่านไป 3-4 วัน ก็เหมือนจะมีขึ้นมานิดหน่อยค่ะ เหมือนคัน ๆ ไม่แน่ใจว่าหูดหรือผื่น แต่ขึ้นนูนๆขึ้นมา แต่ไม่อยากไปหาหมอแล้ว ทั้งเหนื่อยกาย เหนื่อยใจ เหนื่อยเงิน เลยตัดสินใจหาข้อมูลในพันทิปดู เจอกระทู้นึงแนะนำยา Aldara ว่าสามารถทาที่บริเวณที่เป็นหูดได้เลย ยาจะไปกระตุ้นภูมิคุ้มกันเฉพาะที่ให้ต่อสู้กับโรค เลยเอาว่ะลองดู เย็นวันนั้นขับรถวนหาร้านยาแถวมอทุกร้านก็ไม่มี แต่มีเภสัชร้านนึงแนะนำให้สั่งจากร้านยากรุงเทพ ซึ่งมีแอพที่เราสามารถคุยกับเภสัชและสั่งผ่านแอพได้เลย พอได้ยาตัวนี้มา เราใช้ตามที่เภสัชแนะนำ ตอนทาไม่มีอาการแสบหรือคันเลย หลังจากยาแห้งมีระคายเคืองนิดหน่อย

เดือนตุลาคม 2566
เดือนนี้หลังจากเราได้ยา Aldara มา เราใช้ทาอยู่ประมาณ 2 อาทิตย์ ก็ไม่มีหูดขึ้นเพิ่มแล้วค่ะ แผลที่จี้ยาก็เริ่มหายดี หลังจากนั้นเลยหายขาด ไม่มีหูดขึ้นแล้ว ตอนนี้ผ่านมา 2 เดือนแล้วค่ะ แต่ก็ยังต้องระวังกันต่อไป เพราะสายพันธุ์นี้มีโอกาศเกิดซ้ำใน 6 เดือนแรก

สำหรับใครที่กำลังเป็นอยู่ จะบอกว่ากำลังใจเป็นสิ่งสำคัญมากค่ะ เราเข้าใจดีว่าความรู้สึกที่อยากจะหาย เครียดทุกวันว่าจะหายตอนไหนเป็นยังไง อีกอย่างเรื่องแบบนี้ไม่ใช่เรื่องที่จะคุยกับใครก็ได้ เพราะฉะนั้นเราต้องให้กำลังใจตัวเองมาก ๆ เชื่อว่าตัวเองจะหาย แล้วเดี๋ยวเราจะผ่านมันไปได้แน่นอน เป็นกำลังใจให้ทุกคนที่กำลังเผชิญโรคนี้นะคะ ถ้าใครมีคำถามในเรื่องการรักษาตรงไหน หลังไมค์ได้นะคะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่