JJNY : อิสราเอลโวสังหารฮามาสกว่า 2,000│6 นักการเมืองชายเฉิดฉาย│"ปิยบุตร" จับตา สว.│ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ แข็งค่าขึ้น

อิสราเอลโวสังหารสมาชิกฮามาสกว่า 2,000 รายในเดือนเดียว ลั่นไม่หยุดยิง
 https://www.dailynews.co.th/news/3015206/

กองทัพอิสราเอลอ้างการสังหารสมาชิกกลุ่มฮามาสมากกว่า 2,000 ราย นับตั้งแต่ข้อตกลงสงบศึกยุติ และยืนยันจะไม่มีการหยุดยิง จนกว่าจะบรรลุเป้าหมาย
 
 
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล เมื่อวันที่ 22 ธ.ค. ว่ากองทัพอิสราเอลออกแถลงการณ์ ว่านับตั้งแต่สิ้นสุดระยะเวลาของข้อตกลงสงบศึก ระหว่างวันที่ 24 พ.ย. – 1 ธ.ค. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงสามารถสังหารสมาชิกกลุ่มฮามาสได้มากกว่า 2,000 ราย จากการโจมตีทั้งทางบก ทางทะเล และทางอากาศ

ขณะที่นับตั้งแต่สงครามระหว่างทั้งสองฝ่ายเปิดฉาก เมื่อวันที่ 7 ต.ค. ที่ผ่านมา กองทัพอิสราเอลอ้างการสังหารสมาชิกกลุ่มฮามาสไปแล้วมากกว่า 8,000 ราย จากจำนวนดังกล่าวราว 1,000 ราย เกิดขึ้นในอิสราเอล เมื่อวันที่ 7 ต.ค. เพียงวันเดียว

ขณะที่นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ผู้นำอิสราเอล ยืนกรานปฏิเสธเงื่อนไขของกลุ่มฮามาส ที่ยังคงต้องการให้อิสราเอลยุติปฏิบัติการทางทหารในฉนวนกาซา “อย่างเด็ดขาด” เนื่องจากเป้าหมายสูงสุดของอิสราเอล คือการต้องทำลายอีกฝ่ายให้ราบคาบ และการช่วยเหลือตัวประกันที่ยังเหลืออยู่ 129 คน หลังจากนั้น ฉนวนกาซาจะเข้าสู่ “กระบวนการ” เพื่อไม่ให้เป็นอันตรายแก่อิสราเอลอีกต่อไป

ทั้งนี้ กลุ่มฮามาสประกาศ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา เน้นย้ำว่า จะไม่มีการเจรจาแลกเปลี่ยนตัวประกัน กับนักโทษปาเลสไตน์ในเรือนจำของอิสราเอล ภายใต้เงื่อนไขหยุดยิงอีก เนื่องจากเรื่องนี้เป็นเพียงการพักรบชั่วคราวเท่านั้น เมื่อครบกำหนด อิสราเอลก็จะกลับมาโจมตีฉนวนกาซาอีก.
 
https://twitter.com/TOIAlerts/status/1737915911020118274
 


6 นักการเมืองชาย เฉิดฉายสุดแห่งปี 66
https://www.innnews.co.th/video/general-news-clips/news_656650/

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
ในปี 2566 พบว่าประชาชนหันมาสนใจการเมืองเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็วโดยเฉพาะการเลือกตั้งที่ผ่านมา กระแสพรรคก้าวไกลมาแรงอย่างฉุดไม่อยู่ทำคนออกมาใช้สิทธิ์ หวังเห็นประเทศเปลี่ยนแปลง
 
โดยนักการ เมืองดาวรุ่งชายขวัญใจประชาชนคนแรกที่มาแรงเกินต้านนั้นก็คงจะเป็นใครไปไม่ได้นั่นคือนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ซึ่งหลังจากเลือกตั้งทำให้มีคนรู้จักพิธามากขึ้นขึ้นเรียกได้ว่าเขาฮอตสุดๆแถมยังแฟนคลับ หลากหลายวัยทั้งชายหญิง ไม่ว่าเขาจะลงพื้นที่ไปไหนก็มักจะได้รับการต้อนรับอย่างล้นหลาม

นอกจากนี้เขายังเป็นบุคคลที่ยังถูกค้นหามากสุดใน Googleปี 2023 อีกด้วย แต่ในขณะเดียวกันเขาต้องเผชิญกับปมคดีหุ้นสื่อ ที่ล่าสุดศาลรัฐธรรมนูญนัดชี้ชะตา พิธา ถือหุ้นไอทีวี วันที่24 ม.ค. 2567 นี้ คนที่ 2 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกและรมว.คลัง จากพรรคเพื่อไทย ซึ่งหลังเขานั่งนายกฯคนที่30 เขามักจะเดินสายลงพื้นที่อยู่ตลอดไม่ว่าจะเป็นต่างจังหวัดหรือต่างประเทศ หวังเร่งผลักดันนโยบายตามที่พรรคเพื่อไทย สัญญาไว้กับประชาชน แต่ถึงอย่างนั้นด้านนักวิชาการหลายคนต่างก็เคยพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเขาเป็นคนขยัน ตั้งใจทำงาน แต่ก็ยังคงมีข้อบกพร่องเช่นเดียวกัน โดยวันที่ 19 ธ.ค. 66 ที่ผ่านมา เศรษฐาเอาใจนักท่องเที่ยว สั่งทำประกันให้ทุกคน ครอบคลุมการเสียชีวิตรายละ 1 ล้าน พร้อมกันนั้นก่อนหน้านี้โฆษกรัฐบาลก็ออกมาแถลงผลงานของรัฐบาลเศรษฐาด้วยคือ1.ลดรายจ่ายค่าไฟ,น้ำมัน,ค่ารถไฟฟ้าสายสีม่วงและสีแดงฯลฯ 2. ช่วยชาวนาไร่ละ 1 พันบาท 3. พักหนี้เกษตรกร 4. กระตุ้นท่องเที่ยว นอกจากนี้หลายนโยบายก็ยังคงถูกจับตาและอีกหลายนโยบายก็เกิดกระแสดราม่าทั้งเงินดิจิทัลวอลเล็ต1หมื่นบาท ปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ซอฟต์พาวเวอร์และแก้หนี้นอกระบบ เป็นต้น
 
คนที่ 3 นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข จากพรรคเพื่อไทย ซึ่งหลังหมอชลน่าน ลาออกจากหัวหน้าพรรคเพื่อไทย แล้วมาคุมกระทรวงสาธารณสุขนั้น ทำให้หมอชลน่าน ถูกจับตาจนมีประเด็นดราม่าตามมาใน หลายๆเรื่อง อีกทั้งนักวิชาการชื่อดังก็ยังเคยบอกด้วยว่า หมอชลน่านนั้นมักทำตัวตลกขบขัน
 
โดยเฉพาะสิ่งที่พูดออกมาแต่ละอย่างนั้นในเชิงปฏิบัติไม่สามารถทำได้จริง ขณะที่ล่าสุดหมอชลน่าน ผลักดันบัตรประชาชนใบเดียว รักษาได้ทุกที่โดยนำร่อง 4 จว. ดังนี้ ร้อยเอ็ด แพร่ เพชรบุรีและนราธิวาส นอกจากนี้ทางสาธารณสุขก็ได้เปิดผลงานรูปธรรม Quick Win 100 วันแรกของหมอชลน่านภายใต้ 30 บาท อัปเกรด คือ.การให้บริการวัคซีน HPVในหญิงอายุ 11 – 20 ปี,จัดตั้งพื้นที่ท่องเที่ยวและนักท่องเที่ยวปลอดภัยฯนำร่องที่ จ.ภูเก็ต
 
คนที่ 4 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย สังกัดภูมิใจไทย ล่าสุดเขาก็ปั๊มทำผลงานอย่างเต็มที่ ลุยตรวจผับอย่างเคร่งครัดในหลายพื้นที่อาทิ กรุงเทพฯ เชียงใหม่ รวมถึงการปราบปรามผู้มีอิทธิพล ควบคุมอาวุธปืนแก้หนี้นอกระบบ พร้อมเล็งเพิ่มชั่วโมงขายแอลกอฮอล์ นอกจากนี้หลังจากเขาประกาศขยายเวลาเปิดผับถึงตี4นำร่องใน 5 พื้นที่ได้แก่กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ชลบุรี ภูเก็ต อ.เกาะสมุย สุราษฎร์ธานี ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์มีทั้งคนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย
 
คนที่ 5 นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อสังกัดพรรคก้าวไกล แถมปัจจุบันเขายังได้เป็นประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงของสภาผู้แทนราษฎรอีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นตัวตึงอันดับ1ของพรรคก้าวไกลเพราะระหว่างการเลือกตั้งตลอดจนเลือกตั้งเสร็จนั้นเขามักจะเดินสายตอบโต้ฝ่ายรัฐบาลอย่างรุนแรงอยู่เสมอ อีกทั้งยังนำทีม กมธ.ความมั่นคงฯ พบ ผบ.ทบ. แลกเปลี่ยนตัวแทนทำงานร่วมกัน หารือเลิกเกณฑ์ทหาร-ปัญหาชายแดนด้วย
 
ขณะวันที่21 ธ.ค.66ที่ผ่านมา โรม บอกสื่อว่าตอบยาก กฎหมายนิรโทษ ฉบับก้าวไกลจะไปถึงจุดที่มีทางออกร่วมกับพรรคอื่นได้ ยืนยันเป็นการ เสนอกฎหมายยืดหยุ่น-เปิดกว้างที่สุด และคนที่ 6 นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล อีกหนึ่งตัวตึงแห่งพรรคก้าวไกล ซึ่งเขาออกมาเปิดเผย ถึง Easy Passแบบพิสดาร ในรูปแบบ สติกเกอร์ ที่ออกโดยองค์กรลึกลับ ที่สามารถ
 
ทำให้รถบรรทุกต่างๆขับผ่านไปได้แบบฉลุย โดยไม่ต้องชั่งน้ำหนัก จนทำให้หลายฝ่ายออกมาตื่นตัวตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวกันยกใหญ่ อย่างไรก็ตามต้องบอกเลยว่านักการเมืองชายแต่ละคนในปี66นั้น เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง ดังนั้นก็คงต้องมาจับตาว่าปี67จะมีคนไหนโดดเด่นหรือมาแย่งซีนพิธา เศรษฐา หรือไม่



เดาไม่ออก! "ปิยบุตร" จับตา สว.จะผ่านกฎหมายสมรสเท่าเทียมหรือไม่ เหตุสมาชิก "หัวเก่า" จำนวนมาก
https://siamrath.co.th/n/501907

วันที่ 22 ธ.ค.66 นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Piyabutr Saengkanokkul - ปิยบุตร แสงกนกกุล ระบุว่า...

[จุดเริ่มต้นของการร่วมมือกันของพรรคการเมืองในการตรากฎหมายที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน]

สภาผู้แทนราษฎรลงมติให้ความเห็นชอบรับหลักการในวาระที่หนึ่ง ของร่างพระราชบัญญัติแก้ไขประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ในส่วนที่เกี่ยวกับการสมรส หรือที่รู้จักกันในชื่อ “สมรสเท่าเทียม”
มติในชั้นนี้ ได้คะแนนถล่มทลาย เกือบทุกพรรคการเมืองเห็นชอบกันถ้วนทั่ว
นี่คือกรณีตัวอย่าง
 
นี่คือจุดเริ่มต้น
นี่คือสัญญาณ สัญลักษณ์
ของการแสวงหาฉันทามติและสร้างแนวร่วมในการเมืองในระบบรัฐสภา โดยตั้งอยู่บนพื้นฐานของประโยชน์ประชาชนสูงสุด
ผมเฝ้าสังเกตการแสดงความเห็นของผู้สนับสนุนพรรคต่างๆ ในโลกออนไลน์ พบว่า ผู้สนับสนุนของบางพรรค บางคนบางฝ่าย ต่างโต้เถียงกันไปมาว่า นี่คือผลงานของพรรคตน
หากกล่าวให้จำเพาะเจาะจงชัดเจนลงไป ก็คือ ผู้สนับสนุนบางคนของพรรคก้าวไกล และผู้สนับสนุนบางคนของพรรคเพื่อไทย
แน่นอน เราเข้าใจได้ว่า การแข่งขันทางการเมือง ก็ต้องมีการแสวงหาผลงานเพื่อนำไปรณรงค์กับประชาชน
 
แต่การแข่งขันเช่นว่านี้ ต้องไม่นำพาไปสู่สถานการณ์ที่ในอนาคตจะไม่สามารถแสวงหาความร่วมมือกันของสองพรรคนี้ในการตรากฎหมายได้เลย
เอาตัวอย่างรูปธรรม
อีกไม่กี่เดือน ร่าง พรบ นี้ ก็คงผ่านวาระสามในชั้นสภาผู้แทนราษฎร และไปสู่วุฒิสภา
เราคาดเดาไม่ออกเลยว่า ในชั้นวุฒิสภา จะมีมติอย่างไร เพราะ มีสมาชิกที่หัวเก่าจำนวนมาก
ดังนั้น ในชั้นสภาผู้แทนราษฏรต้องตรึงกำลังให้แน่น หากพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยจับมือกันแน่นในการตรากฎหมายฉบับนี้ ก็ไม่มีทางที่กฎหมายฉบับนี้จะไม่ผ่าน ใครก็ขวางไม่ได้แน่นอน
ในอนาคต ก็อาจมีกฎหมายฉบับอื่นๆที่เป็นประโยชน์แก่ประชาชนอีก ซึ่งต้องอาศัยแรงของทั้งสองพรรค
 
หรือตัวอย่างจากสภาสมัยที่แล้ว เพื่อนสมาชิกก็เคยช่วยกันแสวงหาความร่วมมือจนสำเร็จมาแล้ว
สมัยเมื่อผมยังเป็นผู้แทนราษฎร วันสุดท้ายของการเป็นประธาน กมธ กฎหมายฯ ผมเร่งเอาวาระเรื่องร่างกฎหมายต่อต้านการซ้อมทรมานและอุ้มหาย โดยขอให้ ส.ส.ทุกพรรคช่วยกันผลักดัน แล้ววันรุ่งขึ้น ผมก็พ้นจากตำแหน่งและถูกแบน 10 ปี
เพื่อน ส.ส.ของทุกพรรคนำเรื่องนี้ไปผลักดันต่อ เสนอร่างของแต่ละพรรคเข้าสภา และในท้ายที่สุด เราก็มีกฎหมายนี้ประกาศใช้
ผมเชื่อว่า เราจะมีกฎหมายดี เป็นประโยชน์แก่ประชาชน ที่จะผ่านความร่วมมือกันของทุกพรรคในสภาได้ อีกแน่นอน
หากทำสำเร็จ ไม่เพียงประชาชนได้ประโยชน์
ภาพลักษณ์ของนักการเมืองในสภาก็ดีขึ้น
 
ต่อไป เรื่องสำคัญๆใด เราก็สามารถหาฉันทามติจากนักการเมืองจากหลากหลายพรรค หลากหลายขั้วได้ ไม่ต้องตก “กับดัก” พวกเผด็จการ เนติบริกร นักปฏิรูปของคณะรัฐประหาร ที่เฝ้ารอฉกฉวยจังหวะ ยึดอำนาจ แล้วอ้างว่าต้องมีอำนาจเด็ดขาด ต้องไม่มีนักการเมืองจากการเลือกตั้ง จึงจะทำเรื่องใหญ่ เรื่องยาก ได้สำเร็จ
ในส่วนของผลงานความดีความชอบจากการผ่านกฎหมายสมรสเท่าเทียมนั้น
ผมเห็นว่า กฎหมายสมรสเท่าเทียม มิควรเป็น ผลงานของพรรคใดพรรคหนึ่ง แต่เพียงพรรคเดียว เพราะ “เกือบ” ทุกพรรคการเมืองร่วมกันผลักดัน และรวมถึงภาคประชาชนที่รณรงค์เรื่องนี้มาอย่างต่อเนื่อง
ต้องให้เครดิตยอมรับนับถือ ชื่นชม ทุกฝ่าย ที่ช่วยกันรณรงค์และผลักดันในแดนของตนเอง จนสำเร็จ
กล่าวสำหรับสองพรรคใหญ่ที่ขับเคี่ยวกันอยู่นั้น
พรรคอนาคตใหม่/พรรคก้าวไกล ก็ตั้งใจผลักดันเรื่องนี้มาตั้งแต่ตั้งพรรค นำเรื่องนี้เป็นนโยบาย “ชูธง” ตั้งแต่แรกเริ่ม ผลักดันให้มี ส.ส.ตัวแทนประเด็นเหล่านี้ และผลักดันร่าง พรบ ของพรรค เข้าไปแต่แรก พร้อมกับรณรงค์กับสังคม จนกลายเป็นกระแสวงกว้าง
พรรคเพื่อไทย ก็มีบทบาทสำคัญในการผลักดันจนสำเร็จ ในฐานะเข้าไปเป็นแกนนำรัฐบาล ดังที่เราทราบกันดีว่า หลายปีมานี้ คณะรัฐมนตรีชุดก่อนๆและระบบราชการ “ยอม” ให้แค่ในระดับ “คู่ชีวิต” ไม่ยอมให้ “สมรส” หากพรรคเพื่อไทยไม่ได้เป็นแกนนำรัฐบาล และไม่ทุบโต๊ะยืนยันว่าคณะรัฐมนตรีต้องเสนอร่าง พรบ สมรสเท่าเทียม เข้าสภาโดยเร็ว เราก็จะไม่เห็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้
นี่คือ จุดเริ่มต้นของการแสวงหาจุดร่วมของสองพรรคใหญ่ในสภา เพื่อตรากฎหมายที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน
ไม่มีใครดี ไม่มีใครเด่นกว่าใคร
ไม่ใช่แข่งขันว่าพรรคไหนชนะในเรื่องใด
เพราะ ในท้ายที่สุด ประชาชนชนะ

https://www.facebook.com/PiyabutrOfficial/posts/977195427099849?ref=embed_post
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่