สวัสดีเพื่อนๆชาว pantip ทุกคนค่ะ จากหัวข้อที่ถามไป คนที่เราไม่ขอให้อภัยคือ "น้าสาวแท้ๆ" ของเราเอง เกริ่นว่า บ้านเราอาศัยอยู่ 4 คน คือ เรา พี่สาว แม่ แล้วก็ยาย
ขออนุญาตเล่าย้อนไปเมื่อ 20 ปีก่อนค่ะ ตอนนั้นเราเป็นแค่เด็กประถม ส่วนน้าในความทรงจำตอนเป็นเด็ก คือเราไม่เคยได้เจอเขาสักเท่าไหร่ รู้แค่ว่าน้าชอบสร้างปัญหาให้กับแม่ มีเรื่องตบตี เรื่องเงินๆทองๆกับผัวตลอดเวลา แต่ก็เป็นลูกคนเล็กที่ยายรักที่สุด จนวันหนึ่งแม่มาบอกว่า"บ้านเราจะต้องรับน้ากลับมาอยู่ด้วย เพราะผัวของน้าขู่จะฆ่าน้า" และนี่คือจุดเริ่มต้นของเรื่องทั้งหมด
น้าที่ย้ายมาอยู่กับบ้านเรา มีนิสัยชอบขโมยของ แม้แต่เงินในกระปุกออมสินเรา ชอบเรื่องทรงเจ้าเข้าทรง และชอบเรื่องผู้ชายมาก จนวันหนึ่งน้าเขาก็สมใจมีผัวใหม่สักที ซึ่งผัวใหม่น้าคนใหม่นี้ มีลักษณะคือขี้เหล้า เมายา แม่เราคือไม่เห็นด้วยอย่างมาก แต่ยายเราขอให้อย่าไปขัดใจน้า ช่วงนั้นคือบ้านเราเพิ่งสร้างบ้านเสร็จพอดี (เงินแม่กู้ และส่ง 100%) แต่น้าขอว่าขอจัดงานแต่งพร้อมงานขึ้นบ้านใหม่เลย และขอให้ผัวแต่งเข้ามาอยู่ในบ้าน อ้างว่าบ้านจะได้มีผู้ชายอยู่ จะได้ปลอดภัย แม่เราพยายามแย้งว่าจะแต่งทำไม สิ้นเปลือง แต่ก็จบตามเดิมคือขัดใจไม่ได้เพราะยายขอไว้
วันงาน แขกที่มา 80% คือแขกแม่เรา และส่วนมากคือข้าราชการอาวุโส (แม่เรารับราชการ) ส่วน 20%ก็คือเพื่อนๆของน้า และสามี และซองวันงานทั้งหมดไม่ต้องสืบก็รู้ว่าน้าขอเก็บทั้งหมด บอกว่าจะเอาไปเป็นทุนตั้งตัว เพราะทั้งผัวทั้งตัวเองคือไม่มีอาชีพ
หลังจากน้าพาผัวย้ายเข้ามา แม่ พี่สาว กับเรา ก็รู้สึกอึดอัด ไม่อยากอยู่ร่วมบ้าน ทั้งนิสัย พฤติกรรม ความสกปรก ต่างๆ เลยมาอยู่กันที่บ้านพักข้าราชตามสิทของแม่ น้าและผัวเลยยึดครองบ้านหลังนั้นโดยสมบูรณ์
หลังจากนั้น 2-3 ปี ผัวน้าก็ออกลาย ตบตีน้า มีปัญหาเรื่องเงินๆทองๆ รวมถึงด่าลามไปถึงยาย แม่เราเลยบังคับให้หย่ากัน และให้ย้ายออกจากบ้าน ก็เหมือนจะจบด้วยดี แต่สภาพบ้านตอนนั้น บ้านที่ 2-3 ปีนานๆที เราจะได้กลับไปสอดส่องดูแล มันกลายเป็นสถานที่ที่เราไม่อยากหลับไปอยู่แล้ว และเราก็รู้สึกเกลียดน้าตัวเองมากขึ้นทุกวันๆ เพราะน้าเราเป็นคนไม่ทำมาหากิน ขี้เกียจ ขีขโมย ขี้นินทาสารพัดที่คนๆนึงจะเลวได้ แต่ก็ด้สยความเป็นน้องสาว แม่เราเลยยอมอภัยซ้ำแล้วซ้ำเล่า น้าก็ก่อเรื่องเรื่อยๆ
หลักจากนั้นขอตัดเข้าสู่ยุคที่ Facebook เริ่มเข้ามา น้าเราก็เริ่มปฏิบัติการหาผัวใหม่อีกครั้ง (อายุ40+แล้ว) โดยชอบเช็คอินพิกัดบ้าน โพสโสด โพสอวดว่าแม่เราเป็นราชการ หลานเรียนมหาลัยดีอย่างนั้น อย่างนี้ เปิดเผยความเป็นส่วนตัวทุกอย่างของคนที่บ้าน ลืมบอกว่าแม่เราโดนคำสั่งโยกย้ายมาทำงานอีกจังหวัดนึง เลยไม่ได้อยู่บ้านที่สร้างไว้ จึงต้องมาอยู่บ้านพักข้าราชการเหมือนเดิม แต่รอบนี้รับยายมาอยู่ด้วย เพราะเรากับพี่เรียนมหาลัยที่ใน กทม.ทั้งคู่ คราวนี้ก็มีคนมาติดกับเหมือนเดิม แต่อย่างว่า คนดีๆก็คงไม่มาเอาคนแบบน้าเรา รอบนี้ผัวใหม่คือสภาพไม่ต่างกับคนก่อนหน้าเลย และก็เหมือนเดิมพาย้ายมาอยู่ในบ้าน บ้านที่แม่เราเป็นคนส่งมาตลอด10 กว่าปี
รอบนี้เราไม่ทนแล้ว เราเลยบอกแม่ว่า เราจะไม่ยอมให้น้าเอาทุกสิ่งทุกอย่างที่แม่สร้างไปแบบนี้ ถ้าปัญหาคือแม่ทำงานไกลบ้าน เลยไม่ได้ไปอยู่บ้านหลังนั้น งั้นเราขายมั้ย มาซื้อบ้านใหม่ที่จังหวัดที่ทำงานตอนนี้ ไหนๆก็จะเกษียนที่นี่อยู่แล้ว แถมใกล้โรงพยาบาลประจำที่ยายต้องไปด้วย
**เดี๋ยวมาเล่าต่อนะคะ
ผิดมั้ยที่เราไม่สามารถให้อภัยคนที่ทำลายชีวิตครอบครัวเรา ?? (ขออนุญาตระบายค่ะ)
ขออนุญาตเล่าย้อนไปเมื่อ 20 ปีก่อนค่ะ ตอนนั้นเราเป็นแค่เด็กประถม ส่วนน้าในความทรงจำตอนเป็นเด็ก คือเราไม่เคยได้เจอเขาสักเท่าไหร่ รู้แค่ว่าน้าชอบสร้างปัญหาให้กับแม่ มีเรื่องตบตี เรื่องเงินๆทองๆกับผัวตลอดเวลา แต่ก็เป็นลูกคนเล็กที่ยายรักที่สุด จนวันหนึ่งแม่มาบอกว่า"บ้านเราจะต้องรับน้ากลับมาอยู่ด้วย เพราะผัวของน้าขู่จะฆ่าน้า" และนี่คือจุดเริ่มต้นของเรื่องทั้งหมด
น้าที่ย้ายมาอยู่กับบ้านเรา มีนิสัยชอบขโมยของ แม้แต่เงินในกระปุกออมสินเรา ชอบเรื่องทรงเจ้าเข้าทรง และชอบเรื่องผู้ชายมาก จนวันหนึ่งน้าเขาก็สมใจมีผัวใหม่สักที ซึ่งผัวใหม่น้าคนใหม่นี้ มีลักษณะคือขี้เหล้า เมายา แม่เราคือไม่เห็นด้วยอย่างมาก แต่ยายเราขอให้อย่าไปขัดใจน้า ช่วงนั้นคือบ้านเราเพิ่งสร้างบ้านเสร็จพอดี (เงินแม่กู้ และส่ง 100%) แต่น้าขอว่าขอจัดงานแต่งพร้อมงานขึ้นบ้านใหม่เลย และขอให้ผัวแต่งเข้ามาอยู่ในบ้าน อ้างว่าบ้านจะได้มีผู้ชายอยู่ จะได้ปลอดภัย แม่เราพยายามแย้งว่าจะแต่งทำไม สิ้นเปลือง แต่ก็จบตามเดิมคือขัดใจไม่ได้เพราะยายขอไว้
วันงาน แขกที่มา 80% คือแขกแม่เรา และส่วนมากคือข้าราชการอาวุโส (แม่เรารับราชการ) ส่วน 20%ก็คือเพื่อนๆของน้า และสามี และซองวันงานทั้งหมดไม่ต้องสืบก็รู้ว่าน้าขอเก็บทั้งหมด บอกว่าจะเอาไปเป็นทุนตั้งตัว เพราะทั้งผัวทั้งตัวเองคือไม่มีอาชีพ
หลังจากน้าพาผัวย้ายเข้ามา แม่ พี่สาว กับเรา ก็รู้สึกอึดอัด ไม่อยากอยู่ร่วมบ้าน ทั้งนิสัย พฤติกรรม ความสกปรก ต่างๆ เลยมาอยู่กันที่บ้านพักข้าราชตามสิทของแม่ น้าและผัวเลยยึดครองบ้านหลังนั้นโดยสมบูรณ์
หลังจากนั้น 2-3 ปี ผัวน้าก็ออกลาย ตบตีน้า มีปัญหาเรื่องเงินๆทองๆ รวมถึงด่าลามไปถึงยาย แม่เราเลยบังคับให้หย่ากัน และให้ย้ายออกจากบ้าน ก็เหมือนจะจบด้วยดี แต่สภาพบ้านตอนนั้น บ้านที่ 2-3 ปีนานๆที เราจะได้กลับไปสอดส่องดูแล มันกลายเป็นสถานที่ที่เราไม่อยากหลับไปอยู่แล้ว และเราก็รู้สึกเกลียดน้าตัวเองมากขึ้นทุกวันๆ เพราะน้าเราเป็นคนไม่ทำมาหากิน ขี้เกียจ ขีขโมย ขี้นินทาสารพัดที่คนๆนึงจะเลวได้ แต่ก็ด้สยความเป็นน้องสาว แม่เราเลยยอมอภัยซ้ำแล้วซ้ำเล่า น้าก็ก่อเรื่องเรื่อยๆ
หลักจากนั้นขอตัดเข้าสู่ยุคที่ Facebook เริ่มเข้ามา น้าเราก็เริ่มปฏิบัติการหาผัวใหม่อีกครั้ง (อายุ40+แล้ว) โดยชอบเช็คอินพิกัดบ้าน โพสโสด โพสอวดว่าแม่เราเป็นราชการ หลานเรียนมหาลัยดีอย่างนั้น อย่างนี้ เปิดเผยความเป็นส่วนตัวทุกอย่างของคนที่บ้าน ลืมบอกว่าแม่เราโดนคำสั่งโยกย้ายมาทำงานอีกจังหวัดนึง เลยไม่ได้อยู่บ้านที่สร้างไว้ จึงต้องมาอยู่บ้านพักข้าราชการเหมือนเดิม แต่รอบนี้รับยายมาอยู่ด้วย เพราะเรากับพี่เรียนมหาลัยที่ใน กทม.ทั้งคู่ คราวนี้ก็มีคนมาติดกับเหมือนเดิม แต่อย่างว่า คนดีๆก็คงไม่มาเอาคนแบบน้าเรา รอบนี้ผัวใหม่คือสภาพไม่ต่างกับคนก่อนหน้าเลย และก็เหมือนเดิมพาย้ายมาอยู่ในบ้าน บ้านที่แม่เราเป็นคนส่งมาตลอด10 กว่าปี
รอบนี้เราไม่ทนแล้ว เราเลยบอกแม่ว่า เราจะไม่ยอมให้น้าเอาทุกสิ่งทุกอย่างที่แม่สร้างไปแบบนี้ ถ้าปัญหาคือแม่ทำงานไกลบ้าน เลยไม่ได้ไปอยู่บ้านหลังนั้น งั้นเราขายมั้ย มาซื้อบ้านใหม่ที่จังหวัดที่ทำงานตอนนี้ ไหนๆก็จะเกษียนที่นี่อยู่แล้ว แถมใกล้โรงพยาบาลประจำที่ยายต้องไปด้วย
**เดี๋ยวมาเล่าต่อนะคะ