สวัสดีค่ะ วันนี้จะมารีวิวชีวิตของเราเอง กว่าจะมาเป็นทนายความ
เริ่มต้นจากการเรียนจบ นิติศาสตรบัณฑิต จากมหาวิทยาลัยรามคำแหง ตอนเรียนก็มีเป้าหมายเหมือนกับคนทั่วๆไปว่า จะต้องสอบอัยการ ผู้พิพากษา พอเรียนจบก็ไปเรียนเนติบัณฑิต
แต่สอบไม่ผ่านจ้า เลยไปเรียน ป.ตรี อีกสักใบ น่าจะดี ตอนนั้นเราเรียน คณะศึกษาศาตร์
เอกจิตวิทยา นะ ก็ยากเอาเรื่องอยู่
ต่อมา ไปเรียน ป.โท นิติศาสตร์ สาขากฎหมายระหว่างประเทศ เลยเรียนที่ ม.ราม นั่นแหละ
ที่เดิม สะดวกดี และได้ย้ายไปเรียนคณะรัฐศาสตร์ สาขาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เพราะดูแล้ว น่าจะแนวๆ เดียวกัน คิดว่าจะไปสอบเป็นนักการทูต นะตอนนั้น แต่ก็ยังเสียดายอาชีพทางกฎหมายอยู่ ก็เลยไปสอบใบอนุญาตว่าความ หรือ ตั๋วทนาย พอสอบผ่านภาคทฤษฎีแล้ว เราต้องไปฝึกงาน 6 เดือน (จริงๆ ก็ไม่ได้ไปฝึกงานอะไรเท่าไหร่หรอก เพราะมัวแต่ติดเรียนอยู่)
ตอนเรียน ป.ตรี และ ป.โท ก็เริ่มๆเบื่อการเรียนอย่างเดียวแล้ว และไม่ค่อยอยากขอเงินทางบ้านใช้แล้ว เรามีเพื่อนอยู่คนหนึ่ง ชวนเราไปสอบเข้าทำงานราชการ เราก็ไปกับเขาแทบทุกที่ บางที่เขาขึ้นบัญชีไว้แล้ว จะเรียกเรามาทำงาน ตามลำดับจ้า
ตอนนั้น ยังไม่ได้ทำงานเลย ว่างงานอยู่ มีรุ่นพี่ชวนไปทำงานบริษัทอสังหาริมทรัพย์แห่งหนึ่ง ทำหน้าที่เกี่ยวกับบริหารสัญญา ก็เลยไปทำ ประมาณ 3 เดือน
ต่อมา กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ที่เราเคยขึ้นบัญชีไว้ เรียกให้ไปรายงานตัว และเริ่มงาน เราจึงได้ทำงานเป็นนิติกร ทำอยู่เกือบ 4 ปี
ขณะที่ทำงานเป็นนิติกรอยู่ ซึ่งต้องบอกก่อนว่าเราเป็นพนักงานราชการ ตามสัญญาจ้าง ไม่ใช่ข้าราชการ เราสามารถรับงานคดีมาทำบ้าง แต่งานส่วนใหญ่ก็ทำในเวลาราชการ เราจึงใช้วันลาต่างๆไปกับการทำงาน การไปสอบ การติดต่ออาจารย์ การทำวิทยานิพนธ์ จนหมด 555
บางครั้งงานไม่ทัน ก็ทำวันเสาร์ วันอาทิตย์ แทน
ช่วงนั้นถือว่าใช้เวลาได้อย่างคุ้มค่า ทั้งเรียน ทั้งทำงาน
พอเราเรียนจบ ป.ตรี รัฐศาสตร์ และทำวิทยานิพนธ์ของ ป.โท เสร็จ เราก็เลยตัดสินใจ ลาออกงานนิติกร เพราะอยากใช้ชีวิต slow life อยากกลับบ้านมาทำสวนแล้ว มีความเบื่อกรุงเทพ
เหตุที่เลือกเรียนแบบทำวิทยานิพนธ์ เพราะตอนนั้นมีความคิดว่าจะมาเป็นอาจารย์สอนกฎหมายที่มหาวิทยาลัยใกล้ๆบ้าน
แต่ได้ลองไปสอบดูแล้ว ไม่ผ่าน ประกอบกับต้องเลี้ยงลูกด้วย เลยหันมาทำงานอิสระ ก็คือทำอาชีพ ทนายความนี่แหละ ช่วงแรกๆ ไม่ค่อยมีคดีความนะ บอกเลย แต่อาศัยว่า ได้คดีขอแรงจากศาล ซึ่งจะเป็นคดีอาญาเป็นหลัก และเปิดเพจให้ความรู้เกี่ยวกับกฎหมาย มีคนติดตามเพิ่มขึ้น
ก็เลยทำให้มีคดีความเข้ามา
พอโควิดมา บางคดีก็ไม่รับ ก็เลยหาทำอีกแล้ว มีอาชีพใหม่เกิดขึ้นคือ ขายของออนไลน์
ช่วงปี พ.ศ. 2563 เมื่อโควิดระบาด มีการปิดสถานที่ต่างๆ เราเลยเอาเงาะจากสวนมาขายออนไลน์ (เรื่องขายของออนไลน์ เดี๋ยวขอต่อใน EP หน้านะ)
อยากบอกว่า เป้าหมายทุกอย่างจะสำเร็จไปไม่ได้ ถ้าไม่ครอบครัวคอยช่วยเหลือ
รีวิวชีวิต ทนายความ
เริ่มต้นจากการเรียนจบ นิติศาสตรบัณฑิต จากมหาวิทยาลัยรามคำแหง ตอนเรียนก็มีเป้าหมายเหมือนกับคนทั่วๆไปว่า จะต้องสอบอัยการ ผู้พิพากษา พอเรียนจบก็ไปเรียนเนติบัณฑิต
แต่สอบไม่ผ่านจ้า เลยไปเรียน ป.ตรี อีกสักใบ น่าจะดี ตอนนั้นเราเรียน คณะศึกษาศาตร์
เอกจิตวิทยา นะ ก็ยากเอาเรื่องอยู่
ต่อมา ไปเรียน ป.โท นิติศาสตร์ สาขากฎหมายระหว่างประเทศ เลยเรียนที่ ม.ราม นั่นแหละ
ที่เดิม สะดวกดี และได้ย้ายไปเรียนคณะรัฐศาสตร์ สาขาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เพราะดูแล้ว น่าจะแนวๆ เดียวกัน คิดว่าจะไปสอบเป็นนักการทูต นะตอนนั้น แต่ก็ยังเสียดายอาชีพทางกฎหมายอยู่ ก็เลยไปสอบใบอนุญาตว่าความ หรือ ตั๋วทนาย พอสอบผ่านภาคทฤษฎีแล้ว เราต้องไปฝึกงาน 6 เดือน (จริงๆ ก็ไม่ได้ไปฝึกงานอะไรเท่าไหร่หรอก เพราะมัวแต่ติดเรียนอยู่)
ตอนเรียน ป.ตรี และ ป.โท ก็เริ่มๆเบื่อการเรียนอย่างเดียวแล้ว และไม่ค่อยอยากขอเงินทางบ้านใช้แล้ว เรามีเพื่อนอยู่คนหนึ่ง ชวนเราไปสอบเข้าทำงานราชการ เราก็ไปกับเขาแทบทุกที่ บางที่เขาขึ้นบัญชีไว้แล้ว จะเรียกเรามาทำงาน ตามลำดับจ้า
ตอนนั้น ยังไม่ได้ทำงานเลย ว่างงานอยู่ มีรุ่นพี่ชวนไปทำงานบริษัทอสังหาริมทรัพย์แห่งหนึ่ง ทำหน้าที่เกี่ยวกับบริหารสัญญา ก็เลยไปทำ ประมาณ 3 เดือน
ต่อมา กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ที่เราเคยขึ้นบัญชีไว้ เรียกให้ไปรายงานตัว และเริ่มงาน เราจึงได้ทำงานเป็นนิติกร ทำอยู่เกือบ 4 ปี
ขณะที่ทำงานเป็นนิติกรอยู่ ซึ่งต้องบอกก่อนว่าเราเป็นพนักงานราชการ ตามสัญญาจ้าง ไม่ใช่ข้าราชการ เราสามารถรับงานคดีมาทำบ้าง แต่งานส่วนใหญ่ก็ทำในเวลาราชการ เราจึงใช้วันลาต่างๆไปกับการทำงาน การไปสอบ การติดต่ออาจารย์ การทำวิทยานิพนธ์ จนหมด 555
บางครั้งงานไม่ทัน ก็ทำวันเสาร์ วันอาทิตย์ แทน
ช่วงนั้นถือว่าใช้เวลาได้อย่างคุ้มค่า ทั้งเรียน ทั้งทำงาน
พอเราเรียนจบ ป.ตรี รัฐศาสตร์ และทำวิทยานิพนธ์ของ ป.โท เสร็จ เราก็เลยตัดสินใจ ลาออกงานนิติกร เพราะอยากใช้ชีวิต slow life อยากกลับบ้านมาทำสวนแล้ว มีความเบื่อกรุงเทพ
เหตุที่เลือกเรียนแบบทำวิทยานิพนธ์ เพราะตอนนั้นมีความคิดว่าจะมาเป็นอาจารย์สอนกฎหมายที่มหาวิทยาลัยใกล้ๆบ้าน
แต่ได้ลองไปสอบดูแล้ว ไม่ผ่าน ประกอบกับต้องเลี้ยงลูกด้วย เลยหันมาทำงานอิสระ ก็คือทำอาชีพ ทนายความนี่แหละ ช่วงแรกๆ ไม่ค่อยมีคดีความนะ บอกเลย แต่อาศัยว่า ได้คดีขอแรงจากศาล ซึ่งจะเป็นคดีอาญาเป็นหลัก และเปิดเพจให้ความรู้เกี่ยวกับกฎหมาย มีคนติดตามเพิ่มขึ้น
ก็เลยทำให้มีคดีความเข้ามา
พอโควิดมา บางคดีก็ไม่รับ ก็เลยหาทำอีกแล้ว มีอาชีพใหม่เกิดขึ้นคือ ขายของออนไลน์
ช่วงปี พ.ศ. 2563 เมื่อโควิดระบาด มีการปิดสถานที่ต่างๆ เราเลยเอาเงาะจากสวนมาขายออนไลน์ (เรื่องขายของออนไลน์ เดี๋ยวขอต่อใน EP หน้านะ)
อยากบอกว่า เป้าหมายทุกอย่างจะสำเร็จไปไม่ได้ ถ้าไม่ครอบครัวคอยช่วยเหลือ