โดน BF บอกว่า "เธอมันง่าย" แล้วเราขอเลิกเลย เราผิดไหมคะ

เรื่องมันมีอยู่ว่า

ก่อนที่เราจะจบ ม.6 เราตั้งใจไว้ว่าจะไปเรียน ม. ที่ไกลบ้านหน่อยเพราะอยากมีแฟน ตลอดในช่วยอายุจนถึง 18ปี ไม่เคยมีแฟนเลย พ่อแม่หวงมากๆ แถมตั้งแต่เด็กเราก็มีแต่เพื่อนผู้ชายมาตลอดจนเพื่อนผู้ชายของเราไม่เห็นว่าเราเป็นผู้หญิงเลย แถมไม่เคยมีเพื่อนผู้หญิงอีกเราก็อยากจะลองใช้เทคนิคของ เดี่ยวไมโครโฟนท่านนึงที่แนะนำ "ให้ผู้หญิงเป็นฝ่ายจีบผู้ชายก่อน" แต่เราจะแอบมีแฟนโดยไม่ให้พ่อแม่รู้ กลัวพ่อแม่จะไม่ยอมให้มีแฟนแน่ๆ แต่ก็คิดว่าอาจจะได้ผลก็เป็นได้ค่ะ

ตอนนั้นเป็นช่วงโควิดระบาดแรกๆ ปี2019 เราขึ้นปี1 เราพักอยู่หอในของ ม. เป็นหอหญิงล้วน เวลาตอนไป ม. เราก็ได้เอาเทคนิคที่ "ให้ผู้หญิงเป็นฝ่ายจีบผู้ชายก่อน" เอามาใช้ คือมันใช้ได้จริง ก็จะลำบากนิดหน่อยที่ไม่ค่อยได้ไป ม. ต้องเรียนแบบออนไลน์ แต่ก็พอมีโอกาสได้ไป ม. เวลาไปส่งการบ้าน เราได้แฟนที่อยู่ในคณะเดียวกัน/อายุเท่ากัน/ต่างสาขา/บ้านแฟนอยู่ไม่ไกลจาก ม. เราตั้งเงื่อนไขกับแฟนว่า เราขอคบแบบแอบๆนะ เพราะเราไม่อยากให้พ่อแม่รู้ เวลาเรากลับบ้านพ่อแม่ ก็พิมพ์แชทคุยกันนะ เขาก็เข้าใจ ตลอดปี1เทอม1เราก็คุยกันจนได้มีอะไรกันครั้งแรก แล้วก็เป็นครั้งแรกที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เขาไม่ค่อยแข็งตัวคงเป็นเพราะตื่นเต้นก็ไม่ได้คิดอะไรมาก(ประเด็นนี้จะมีผลต่อในช่วงหลังๆ)

พอขึ้นปี1เทอม2 โควิดกลับมาระบาดหนัก ทำให้เราไม่ได้ไปเรียนที่ ม. จนเรียนจบปี2เลย ต้องไปเรียนออนไลน์ที่บ้านพ่อแม่ตัวเอง ทำให้ต่างคนต่างอยู่คนละที่ ไม่มีโอกาสได้เจอกัน ได้แต่พิมพ์แชทคุยกันอย่างเดียว โทรคุยไม่ได้ เพราะพ่อแม่จะชอบถามว่า คุยกับใคร เขาเป็นใคร โทรมาทำไม แม้กระทั้งเพื่อนโทรมาถามแค่เรื่องการบ้านก็ไม่เว้น มันทำให้เรารู้สึกอึดอัดมาก แฟนเราก็เข้าใจ

หลังจากเราขึ้นปี3 ก็กลับมาเรียนที่ ม. แบบเต็มตัว ได้เจอแฟนตลอด อยู่ด้วยกันมากขึ้น แต่แฟนเราไม่ได้เรียนต่อเพราะไม่มีเงินเรียน แฟนก็เลยออกมาช่วยธุรกิจทางบ้านและแฟนรับจ้างวาดรูปออนไลน์ แต่คนจ้างก็น้อยมาก และก็ทำให้ได้เห็นอะไรมากขึ้น คือ แฟนเราเป็นคนที่ทำอะไรไม่ค่อยเป็นเลย แม้กระทั้งขับมอเตอร์ไซค์หรือรถยนต์ เราที่มีมอเตอร์ไซค์ส่วนตัวก็ต้องแบกเขาไปไหนมาไหนด้วย แล้วเราต้องไปขออนุญาตแม่ของเขาว่า "จะขอพาลูกชายแม่ไปนู้ไปนี้ แล้วจะมาส่งถึงบ้านนะคะ" ต้องมาขออนุญาตทุกครั้งและทุกวัน ต้องไปรับไปส่งยันหน้าบ้าน ขนาดตอนช่วงงานฤดูหนาวประมาณ 1ทุ่ม แม่ของแฟนโทรมาตามให้กลับบ้านเพราะเห็นว่าฝนมันลงเม็ดแล้ว เราก็ต้องรีบขับรถไปส่ง แถมตอนนั้นฝนตกแรงด้วย แม่ของแฟนไม่มีการบอกให้เราเข้าบ้านมาหลบฝนก่อน ไม่มีเลย เราต้องขับมอเตอร์ไซต์ทั้งๆที่ฝนยังตกอย่างนั้นจนถึงหอตัวเอง แม้กระทั้งตอนที่แฟนบอกว่าอยากไปนอนโรงแรมกับเรา เราก็ต้องไปรับมันแล้วขับมอเตอร์ไซค์พาเข้าโรงแรมทุกครั้ง เรื่องเงินช่วงตอนปี1เขาก็เป็นฝ่ายออกให้แต่เราเกรงใจแฟน ถ้าเป็นไปได้จะขอหาร2กัน แต่ตอนปี3เราแทบจะเป็นฝ่ายออกเงินส่วนต่างให้แทนเพราะทางบ้านเขามีปัญหาเรื่องเงิน แล้วเขาก็ชอบมาบ่นเรื่องธุรกิจครอบครัวของเขา เศรษฐกิจไม่ดีจนต้องไปกู้เงินเป็นหนี้หลักแสน-หลักล้าน แม่ไม่ยอมให้ไปทำงานในห้างใหญ่(ห้างใหญ่แถบจะอยู่บ้านของเขาเลย) ตอนนั้นเราก็เครียดกับการเรียน เครียดจากการทำงานPart-Time เครียดเรื่องพ่อแม่ตัวเองอยู่แล้ว ยังจะต้องมาเครียดกับเรื่องของแฟนอีก จนเราแทบนอนร้องไห้เกือบทุกคืน แถมเวลามีอะไรกันก็ทำให้ยิ่งหงุดหงิดเข้าไปอีก คือ เขาเป็นคนติดช่วยตัวเองมาก วันนึงช่วยตัวเอง3-5ครั้งขึ้นไป และทำทุกๆวัน พอจะมีอะไรกัน ของของเขาก็ไม่แข็ง นุ่มนิ่ม หดระหว่างทาง และหดแบบไม่ฟื้นเลย เรารู้สึกไม่โอเคกับแฟนมากๆ ทำให้เราหมดอารมณ์ทางเพศเวลาทำกับแฟนตลอด เราก็แนะนำว่าลองลดความถี่ในการช่วยตัวเองดีกว่าไหม แต่เขาก็ไม่ยอมทำตามที่เราแนะนำเลย

พอเราจะขึ้นปี4เทอม1เราต้องออกฝึกงานตั้งแต่ เมษายน - ตุลาคม ก็ขอแฟนว่าเราของลดสถานะจากแฟนเป็นเพื่อนนะ เพราะเราอยากจะโฟกัสกับการฝึกงาน แฟนก็โอเค ฝึกงานก็ไม่ค่อยได้เล่นมือถือ นานๆทีจะพิมพ์แชทคุยกัน อาจจะมีการแชร์วิดีโอตลกๆมาบ้าง แต่พอมาถึงช่วงสิ้นเดือนสิงหาคม เราก็คุยกันแบบกวนไปกวนมากันปกติอยู่แล้ว แฟนก็หลุดพิมพ์มาว่า "เขาไปเต๊าะสาวที่เป็นเพื่อนของเราแต่ก็ไม่เอาเพราะสาวมีผัวแล้ว เลยมาเอาเธอ เห็นว่าจีบง่ายดี แล้วก็ง่ายจริง แบบไม่ต้องลงทุนจีบ" ตอนนั้นเราอึ้งกับประโยคนั้นมาก อ่านหลายๆรอบ เราก็พิมพ์แชทให้เขารู้ว่าเราไม่โอเค แล้วเขาก็ขอโทษพร้อมกับพิมพ์ต่อกลับมาว่า "กะจะกวนตีนเธอเล่น" เราโกรธมาก และรู้สึกเสียใจมาก เราก็เลยบล็อคทุกช่องทางของเขา แต่เขาก็พยายามที่จะคุยกับเรา ถึงขั้นสร้างบัญชี Facebook หลุมเพื่อสแปมข้อความมาหาเราในเชิงขอโทษ หรือมา Comment ใต้โพสต์ที่เราแชร์ แต่เราก็ไม่สนใจ ความรู้สึกดีๆของเรามันไม่เหลือแล้ว แถมยังรู้สึกดีมากๆ หัวโล่งสุดๆ ที่เอาเรื่องปวดหัวออกไปจากหัวได้แล้ว รู้สึกมีความสุขมากๆอยู่กับเพื่อนของตัวเองมันสบายใจกว่าเยอะเลย

จนเข้าเดือนพฤศจิกายนเรากลับมาเรียนที่ ม. ตอนปี4เทอม2 เหมือนเขาจะรู้ว่าเรากลับมาเรียนแล้ว เขาก็เริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ สแปมข้อความมาหา มา Comment ใต้โพสต์ที่เราแชร์ ถึงขั้นไปขอร้องเพื่อนของเขาที่รู้จักเรา ให้เป็นตัวกลางมาบอกให้เรา "ช่วยยกเลิกบล็อคให้หน่อย อยากจะคุยด้วย" มันเริ่มมากไปแล้ว เรารู้สึกจิตตกมาก เราก็เลยไปปรึกษากับเพื่อนของเรา เพื่อนเราก็เข้าใจ เพื่อนของเราเลยอาสาไปบอกกับแฟนของเราว่า เราไม่โอเคกับที่เขาทำอยู่ มันเหมือนกับพวก "สตอล์คเกอร์" มากๆ หลังจากนั้นเขาก็เงียบหายไปแล้ว 

ตอนนี้เรามาคิดกับตัวเองว่า เราทำเกินไปหรือเปล่า เราทำแบบนี้มันผิดไหม
เราสับสนกับตัวเองมากค่ะ เพื่อนๆคิดยังไงบ้างคะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่