เรื่องนี้...เกิดกับตัวผู้เขียนเอง ลองอ่านดูนะคะ
เมื่อถึงเวลา ทุกคนต้องมีคู่ ผู้เขียนก็เช่นกัน แต่งงาน ย้ายตามสามีไป บังเอิญ ที่สามีเป็นนายตำรวจ ที่พักตำรวจแต่ละอำเภอก็ล้วนมีอาถรรณ์ป่าช้าเก่าทั้งนั้น แต่ทำไงได้มาแล้ว ก็ต้อง...เข้าเมืองตาหลิ่วก็หลิ่วตาตาม.... เราได้มาอยู่อำเภอไม่เจริญนัก แต่ก็มีไฟฟ้าปะปา มีทุกๆอย่างที่ระดับอำเภอเค้ามีกัน เราอยู่บ้านพักนายตำรวจก็สะดวกสบายตามสถานะอยู่หลังแรกติดถนน หน้าโรงพัก มีรั้วกั้นเรียบร้อย ถนนหน้าโรงพักข้ามไปคือลานกว้างเอนกประสงค์ อำเภอนี้ใช้แข่งกีฬา มีดนตรีหมอลำก็ตรงนี้ จอดรถเวลามีตลาดนัด เลย จากลานกว้างคือตลาดเล็กๆเหมือนตลาดทั่วไปเป็นอาคารโล่งๆจัดให้ขายของกันเฉพาะวันอาทิตย์จะมีตลาดนัดคนจะมาจับจ่ายเยอะมากไปอยู่อาทิตย์แรกเปิดประตูออกมาเจอ รถอีแต๋นจอดเต็มหน้าบ้าน ตกใจ ว่าเค้ามาทำอะไรกันจอดปิดหน้าบ้านแน่นไปหมดแต่เราอาศัยบ้านพักราชการก็ไม่เป็นไรชาวบ้านมาจอดซื้อของนานๆไปก็ชิน เที่ยวไปคุยกับเขาอีกสนุกไป แต่งงานมาเข้าสามปี และแล้วก็ถึงเวลา ผู้เขียนก็ตั้งท้อง........ท้องใหญ่ใกล้คลอดความที่สามีเป็นนายตำรวจ เค้าจะเรียกเราว่า คุณนาย ก่อนไปคลอดสักสองสามวัน มีพลขับและภรรยาเดินมาทางบ้านพัก ก็ทักทายกันปกติ
....................ป้าแอ๊ดเมียตำรวจถามว่าคลอดเมื่อไหร่.............ตอบไปอีกสองวันหมอนัดจ้า แต่ผู้เขียนสังเกตุ เห็นป้าแอ๊ด คล้อง......สายสิจญ์แล้วมีสำลีก้อนใหญ่อุดที่หู จึงถามป้าเป็นอะไร? แกก็ตอบว่า ผีชะมก (ผีบอป) มันทัก เลยปวดหู ผู้เขียนเลยถาม ห๊า....รู้ได้ไง คนไหน ป้าแอ๊ด ก็ชี้ไปทางตลาดแถวนั้นมีห้องแถวสักสิบห้อง แกบอกมันอยู่แถวนั้น คุณนายอย่าไปรู้เลย ผู้เขียนก็มองตามไป แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ
หลังจากนั้นก็ถึงวันตลอดก็ไปปกติพักที่โรงพยาบาล สองวัน ก็กลับบ้าน กลับมาก็บ่ายๆ มีแม่และน้องสาวมาช่วยดูหลาน คืนนั้นจำได้ ที่ลานเอนกประสงค์ มีดนตรี ร๊อคคงเคย (ไม่ทราบว่าเขียนถูกไหม) ยังนึกในใจเออเอาลูกมามีมหรสพ ถือว่าดีถึงแม้จะเป็นภาษาเขมร ก็อึกกะทึกครึกโครมจนเกือบสว่างกว่าจะได้นอนกัน ก็ใกล้ตีสี่แล้ว ก็พอได้งีบกัน พอตื่นตอนเช้า ตัวผู้เขียนรู้สึกปวดในหูด้านใน ก็เลยนึกถึงที่ ป้าแอ๊ด บอกแต่ไม่ได้คิดอะไรมากคิดว่าน่าจะบังเอิญมากกว่า แค่บอกสามีกับแม่ว่าปวดในหูนิดหน่อย แม่บอกว่าถ้าไม่ปวดมากอย่ากินยาเพราะต้องให้นมลูก วันนั้นก็ผ่านไป
คืนต่อมา...........ผู้เขียนเผลอหลับไปตอนสักสองทุ่ม แต่ตกใจตื่นขึ้นมา เห็น สามี ปลุกเขย่าแบบ จนสามีเหงื่อแตกเต็มตัว แม่กับน้องยืนมองแปลกๆ พอตื่น สามีบอกเธอเป็นอะไร นอนละเมอแต่เรื่องไม่ดี พูดเสียงดังเหมือนเสียงผู้ชายคือพูดนักเลง แต่หลับตานะเหมือนคนหลับปกติผู้เขียนไม่ใช่เป็นคนนอน ละเมอ แต่ครั้งนี้ ละเมอและน่ากลัว พูดแต่............จะเอาให้ตาย..........เคยเห็นมั๊ยเลือด สดๆ ...........กูจะทำให้ดู ....อยากตายห่า...ใช่มั๊ย
...แม่กูจะเอาตาย..... เอาเลือดมา.... ล้างตีนกู .....ด่า...ดุ.... ต่างๆนาๆ พูดแต่...เลือด...ตาย ซ้ำๆ เกือบสิบนาที ที่เขย่าปลุกแบบนั้น ผู้เขียนตื่นมาไม่รู้เรื่องไม่รู้ตัวเลย แต่รู้สึกเจ็บตรงแผลผ่าคลอด เหมือนมีคนมากดๆให้ช้ำ พอผู้เขียนตื่น สามีเหงื่อแตก เค้าก็บ่นนอนละเมออะไรขนาดนี้ อย่าเพิ่งนอนอีกนะ แม่กับน้องไม่พูดอะไรแต่ยืนมองเงียบๆ สามีก็บอกว่าอย่าเพิ่งนอนกัน เดี๋ยวเค้ามา ขอขึ้นไปบนโรงพักสักแปป แม่ก็มาอุ้มหลานนั่งใกล้ๆน้องส่วนผู้เขียนนั่งบนเตียง ยัง งงๆ อยู่ แม่อุ้มหลานอยู่มองหน้าพูดเบาๆว่า ดูนอกหน้าต่างซิ มีลมพัดแรงมั๊ย เพราะแกอุ้มหลานนั่งที่พื้น จึงมองนอกหน้างต่าง แต่เริ่มใจไม่ดีละ บอกแม่ไปว่าไม่มีลม แม่ก็ใช้สายตาให้มองตามตาแกไปที่ประตู ช่องระหว่างประตูกับพื้นเหมือนมีลมตี ดังพับๆๆๆๆเหมือนมีอะไรจะเข้ามา ก็มองหน้ากัน เราสามคนนั่งนิ่งเงียบ ในใจคิด อะไรว่ะเนี่ย ใจเริ่มสั่นมองหน้ากันล่อกแล่ก สักยี่สิบนาที ได้ยินเสียงสามีเปิดประตูเข้าบ้าน เสียงลมตีประตูหายไป สามคนถอนหายใจพร้อมกัน สามีเข้ามาพร้อมกับพระพุทธรูป หลายองค์ แล้วก็ตราหมวกตำรวจอีกสองอัน ( ตราแผ่นดินที่ใส่หน้าหมวกตำรวจ) เอามาวางบนหัวนอนทุกคนแล้วเอาตราแผ่นดินวางหัวเตียงแล้วในอู่ของลูก ก็ไม่มีเหตุการณ์อะไรอีก
รุ่งเช้า........ผู้เขียนก็เลี้ยงลูกทำงานบ้านกับแม่และน้องปกติ ตกตอนสายๆสักสิบโมงเช้า สามีเข้าบ้านมา พร้อม สายสิจญ์เอามาล้อมบ้านโดยเฉพาะประตู โดยมีตำรวจนายดาบที่สนิทกันช่วย แกชื่อ ลุงเหลียว พันรอบบ้าน มีใบหนาดด้วย เอามาใส่ใต้ที่นอนทุกที่ใส่อู่ลูก และพระพวงโต เอามาคล้องให้ พอถามอะไร สามีบอกไม่มีอะไรใส่ไว้นะอย่าถอด ไปขอพระอาจารย์แก่กล้าทางอาคม มา เอ้า.............ได้แต่สงสัย พอใกล้เที่ยง ดาบเหลียว แกเดินไปหน้าโรงพักแต่อยู่ในเขตโรงพัก มีวิทยุ(ตำรวจทำหน้าที่วิทยุ) ไปยืนเป็นเพื่อนแดดกำลังร้อน แกไปทำอะไร ได้แต่สงสัย จู่ๆแกชักปืน ขึ้นมา ยิงขึ้นฟ้า ปังงงงงงงง หน้าอำเภอหน้าโรงพัก ตลาด เงียบ แกพูดเสียงดังแบบ ตะโกน .................พร้อมเอาปืนเล็งไปที่ตลาด.................ละพูดว่า............อย่านะ.............
ละ....................กูมีลูกปืนอาคม................อยากลองก็เอา.....................กูรู้นะว่าเป็นใคร......................อยากตายก็ลองดู.......................อย่าข้ามเขต.....................ให้รู้ไว้บ้างใครเป็นใคร.........................แก...ส่ายปืน...............ไปมา........เหมือนขู่ สักสองสามนาที แกก็ก้มตัวกำดินขึ้นมา..............ละบอกว่า.....................อย่ามาแหยม...................กูเป็นใครรู้ดี................ไม่พอใจมาหากู................กูพร้อม.....................ว่าละกะเป่าดินในมือ ละโรยเป็นทางยาวสักสองสามเมตร แล้วแกก็เก็บปืนเดินมาที่บ้านพัก แกเดินไปกินน้ำแล้วบอกร้อน ตัวผู้เขียน ทึ่ง อยู่ นึกในใจ ลุงเหลียวของแท้ว่ะ มีวิชาอาคมด้วย พอแกใจเย็นเลยถามว่าแก มีวิชาอาคมอะไรไปไล่ ผีชะมก ลุงเหลียว บอกไม่มีหรอก คุณนาย ขู่มันไปงั้น ไม่เห็นเหรอ ว่ารอง(รองสารวัตร)ตำแหน่งสามีตอนนั้น ไปขอนายอำเภอ เพื่อยิงปืนนัดนึง ก็ถามต่อละที่เสกดินละ แกว่าทำไปงั้นเองเผื่อ.................มัน...........กลัว......................เอ้า................ลุง................โธ่...เอ๋ย..............55555555
หลังจากนั้นผู้เขียนก็หายปวดหูไปเอง.............. คิดถึงนะ บ้านขาม
อ่อนละมัย........ผู้เขียน
เรื่อง.......ละเมอ.....หรือ.....ผีเข้า !!!!!
เมื่อถึงเวลา ทุกคนต้องมีคู่ ผู้เขียนก็เช่นกัน แต่งงาน ย้ายตามสามีไป บังเอิญ ที่สามีเป็นนายตำรวจ ที่พักตำรวจแต่ละอำเภอก็ล้วนมีอาถรรณ์ป่าช้าเก่าทั้งนั้น แต่ทำไงได้มาแล้ว ก็ต้อง...เข้าเมืองตาหลิ่วก็หลิ่วตาตาม.... เราได้มาอยู่อำเภอไม่เจริญนัก แต่ก็มีไฟฟ้าปะปา มีทุกๆอย่างที่ระดับอำเภอเค้ามีกัน เราอยู่บ้านพักนายตำรวจก็สะดวกสบายตามสถานะอยู่หลังแรกติดถนน หน้าโรงพัก มีรั้วกั้นเรียบร้อย ถนนหน้าโรงพักข้ามไปคือลานกว้างเอนกประสงค์ อำเภอนี้ใช้แข่งกีฬา มีดนตรีหมอลำก็ตรงนี้ จอดรถเวลามีตลาดนัด เลย จากลานกว้างคือตลาดเล็กๆเหมือนตลาดทั่วไปเป็นอาคารโล่งๆจัดให้ขายของกันเฉพาะวันอาทิตย์จะมีตลาดนัดคนจะมาจับจ่ายเยอะมากไปอยู่อาทิตย์แรกเปิดประตูออกมาเจอ รถอีแต๋นจอดเต็มหน้าบ้าน ตกใจ ว่าเค้ามาทำอะไรกันจอดปิดหน้าบ้านแน่นไปหมดแต่เราอาศัยบ้านพักราชการก็ไม่เป็นไรชาวบ้านมาจอดซื้อของนานๆไปก็ชิน เที่ยวไปคุยกับเขาอีกสนุกไป แต่งงานมาเข้าสามปี และแล้วก็ถึงเวลา ผู้เขียนก็ตั้งท้อง........ท้องใหญ่ใกล้คลอดความที่สามีเป็นนายตำรวจ เค้าจะเรียกเราว่า คุณนาย ก่อนไปคลอดสักสองสามวัน มีพลขับและภรรยาเดินมาทางบ้านพัก ก็ทักทายกันปกติ
....................ป้าแอ๊ดเมียตำรวจถามว่าคลอดเมื่อไหร่.............ตอบไปอีกสองวันหมอนัดจ้า แต่ผู้เขียนสังเกตุ เห็นป้าแอ๊ด คล้อง......สายสิจญ์แล้วมีสำลีก้อนใหญ่อุดที่หู จึงถามป้าเป็นอะไร? แกก็ตอบว่า ผีชะมก (ผีบอป) มันทัก เลยปวดหู ผู้เขียนเลยถาม ห๊า....รู้ได้ไง คนไหน ป้าแอ๊ด ก็ชี้ไปทางตลาดแถวนั้นมีห้องแถวสักสิบห้อง แกบอกมันอยู่แถวนั้น คุณนายอย่าไปรู้เลย ผู้เขียนก็มองตามไป แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ
หลังจากนั้นก็ถึงวันตลอดก็ไปปกติพักที่โรงพยาบาล สองวัน ก็กลับบ้าน กลับมาก็บ่ายๆ มีแม่และน้องสาวมาช่วยดูหลาน คืนนั้นจำได้ ที่ลานเอนกประสงค์ มีดนตรี ร๊อคคงเคย (ไม่ทราบว่าเขียนถูกไหม) ยังนึกในใจเออเอาลูกมามีมหรสพ ถือว่าดีถึงแม้จะเป็นภาษาเขมร ก็อึกกะทึกครึกโครมจนเกือบสว่างกว่าจะได้นอนกัน ก็ใกล้ตีสี่แล้ว ก็พอได้งีบกัน พอตื่นตอนเช้า ตัวผู้เขียนรู้สึกปวดในหูด้านใน ก็เลยนึกถึงที่ ป้าแอ๊ด บอกแต่ไม่ได้คิดอะไรมากคิดว่าน่าจะบังเอิญมากกว่า แค่บอกสามีกับแม่ว่าปวดในหูนิดหน่อย แม่บอกว่าถ้าไม่ปวดมากอย่ากินยาเพราะต้องให้นมลูก วันนั้นก็ผ่านไป
คืนต่อมา...........ผู้เขียนเผลอหลับไปตอนสักสองทุ่ม แต่ตกใจตื่นขึ้นมา เห็น สามี ปลุกเขย่าแบบ จนสามีเหงื่อแตกเต็มตัว แม่กับน้องยืนมองแปลกๆ พอตื่น สามีบอกเธอเป็นอะไร นอนละเมอแต่เรื่องไม่ดี พูดเสียงดังเหมือนเสียงผู้ชายคือพูดนักเลง แต่หลับตานะเหมือนคนหลับปกติผู้เขียนไม่ใช่เป็นคนนอน ละเมอ แต่ครั้งนี้ ละเมอและน่ากลัว พูดแต่............จะเอาให้ตาย..........เคยเห็นมั๊ยเลือด สดๆ ...........กูจะทำให้ดู ....อยากตายห่า...ใช่มั๊ย ...แม่กูจะเอาตาย..... เอาเลือดมา.... ล้างตีนกู .....ด่า...ดุ.... ต่างๆนาๆ พูดแต่...เลือด...ตาย ซ้ำๆ เกือบสิบนาที ที่เขย่าปลุกแบบนั้น ผู้เขียนตื่นมาไม่รู้เรื่องไม่รู้ตัวเลย แต่รู้สึกเจ็บตรงแผลผ่าคลอด เหมือนมีคนมากดๆให้ช้ำ พอผู้เขียนตื่น สามีเหงื่อแตก เค้าก็บ่นนอนละเมออะไรขนาดนี้ อย่าเพิ่งนอนอีกนะ แม่กับน้องไม่พูดอะไรแต่ยืนมองเงียบๆ สามีก็บอกว่าอย่าเพิ่งนอนกัน เดี๋ยวเค้ามา ขอขึ้นไปบนโรงพักสักแปป แม่ก็มาอุ้มหลานนั่งใกล้ๆน้องส่วนผู้เขียนนั่งบนเตียง ยัง งงๆ อยู่ แม่อุ้มหลานอยู่มองหน้าพูดเบาๆว่า ดูนอกหน้าต่างซิ มีลมพัดแรงมั๊ย เพราะแกอุ้มหลานนั่งที่พื้น จึงมองนอกหน้างต่าง แต่เริ่มใจไม่ดีละ บอกแม่ไปว่าไม่มีลม แม่ก็ใช้สายตาให้มองตามตาแกไปที่ประตู ช่องระหว่างประตูกับพื้นเหมือนมีลมตี ดังพับๆๆๆๆเหมือนมีอะไรจะเข้ามา ก็มองหน้ากัน เราสามคนนั่งนิ่งเงียบ ในใจคิด อะไรว่ะเนี่ย ใจเริ่มสั่นมองหน้ากันล่อกแล่ก สักยี่สิบนาที ได้ยินเสียงสามีเปิดประตูเข้าบ้าน เสียงลมตีประตูหายไป สามคนถอนหายใจพร้อมกัน สามีเข้ามาพร้อมกับพระพุทธรูป หลายองค์ แล้วก็ตราหมวกตำรวจอีกสองอัน ( ตราแผ่นดินที่ใส่หน้าหมวกตำรวจ) เอามาวางบนหัวนอนทุกคนแล้วเอาตราแผ่นดินวางหัวเตียงแล้วในอู่ของลูก ก็ไม่มีเหตุการณ์อะไรอีก
รุ่งเช้า........ผู้เขียนก็เลี้ยงลูกทำงานบ้านกับแม่และน้องปกติ ตกตอนสายๆสักสิบโมงเช้า สามีเข้าบ้านมา พร้อม สายสิจญ์เอามาล้อมบ้านโดยเฉพาะประตู โดยมีตำรวจนายดาบที่สนิทกันช่วย แกชื่อ ลุงเหลียว พันรอบบ้าน มีใบหนาดด้วย เอามาใส่ใต้ที่นอนทุกที่ใส่อู่ลูก และพระพวงโต เอามาคล้องให้ พอถามอะไร สามีบอกไม่มีอะไรใส่ไว้นะอย่าถอด ไปขอพระอาจารย์แก่กล้าทางอาคม มา เอ้า.............ได้แต่สงสัย พอใกล้เที่ยง ดาบเหลียว แกเดินไปหน้าโรงพักแต่อยู่ในเขตโรงพัก มีวิทยุ(ตำรวจทำหน้าที่วิทยุ) ไปยืนเป็นเพื่อนแดดกำลังร้อน แกไปทำอะไร ได้แต่สงสัย จู่ๆแกชักปืน ขึ้นมา ยิงขึ้นฟ้า ปังงงงงงงง หน้าอำเภอหน้าโรงพัก ตลาด เงียบ แกพูดเสียงดังแบบ ตะโกน .................พร้อมเอาปืนเล็งไปที่ตลาด.................ละพูดว่า............อย่านะ.............ละ....................กูมีลูกปืนอาคม................อยากลองก็เอา.....................กูรู้นะว่าเป็นใคร......................อยากตายก็ลองดู.......................อย่าข้ามเขต.....................ให้รู้ไว้บ้างใครเป็นใคร.........................แก...ส่ายปืน...............ไปมา........เหมือนขู่ สักสองสามนาที แกก็ก้มตัวกำดินขึ้นมา..............ละบอกว่า.....................อย่ามาแหยม...................กูเป็นใครรู้ดี................ไม่พอใจมาหากู................กูพร้อม.....................ว่าละกะเป่าดินในมือ ละโรยเป็นทางยาวสักสองสามเมตร แล้วแกก็เก็บปืนเดินมาที่บ้านพัก แกเดินไปกินน้ำแล้วบอกร้อน ตัวผู้เขียน ทึ่ง อยู่ นึกในใจ ลุงเหลียวของแท้ว่ะ มีวิชาอาคมด้วย พอแกใจเย็นเลยถามว่าแก มีวิชาอาคมอะไรไปไล่ ผีชะมก ลุงเหลียว บอกไม่มีหรอก คุณนาย ขู่มันไปงั้น ไม่เห็นเหรอ ว่ารอง(รองสารวัตร)ตำแหน่งสามีตอนนั้น ไปขอนายอำเภอ เพื่อยิงปืนนัดนึง ก็ถามต่อละที่เสกดินละ แกว่าทำไปงั้นเองเผื่อ.................มัน...........กลัว......................เอ้า................ลุง................โธ่...เอ๋ย..............55555555
หลังจากนั้นผู้เขียนก็หายปวดหูไปเอง.............. คิดถึงนะ บ้านขาม
อ่อนละมัย........ผู้เขียน