ทำไมแม่เหล็กจึงมีขั้วเหนือกับขั้วใต้

.

.
ทำไมแม่เหล็กจึงมีขั้วเหนือกับขั้วใต้
© Wittayayut via Getty Images
.
.

การหมุนของอิเล็กตรอน
อาจช่วยอธิบายได้ว่า
ทำไมแม่เหล็กจึงมีขั้วเหนือกับขั้วใต้

การตัดก้อนแม่เหล็กออกครึ่งหนึ่ง
ก็ไม่ได้ทำให้ขั้วแม่เหล็กหายไป
แต่มันจะสร้างแม่เหล็กเป็น 2 ชิ้น
โดยแต่ละชิ้นยังมีขั้วเหนือกับขั้วใต้
ที่ดึงดูดกัน หรือ ผลักกันเหมือนเดิม

คุณสมบัติพื้นฐานของแรงดึงดูด
ที่ทำให้แม่เหล็กมีประโยชน์มาก
สำหรับวัตถุประสงค์ต่าง ๆ มากมาย
ตั้งแต่ของที่ระลึกติดที่ตู้เย็น HardDisk
จนถึงการแสดงภาพทางการแพทย์ MRI

แต่ขั้วเหนือกับขั้วใต้เกิดขึ้นได้อย่างไร
ทำไมแม่เหล็กจึงมีขั้วเหนือกับขั้วใต้

Greg Boebinger
ผู้อำนวยการห้องปฏิบัติการสนามแม่เหล็กสูงแห่งชาติ
National High Magnetic Field Laboratory 
ในเมือง Tallahassee รัฐ Florida  กล่าวว่า
" แม่เหล็ก คือ หนึ่งในความลึกลับ
ที่ลึกซึ้งที่สุดในฟิสิกส์ "

ในขณะที่ผู้คนใช้แม่เหล็กมา
เป็นเวลานานหลายพันปีแล้ว
 
.
.

.

.

.
.

.
อะตอมประกอบด้วยนิวเคลียส
ที่มีโปรตอนและนิวตรอน
ซึ่งโคจรรอบด้วยอิเล็กตรอน
©  Rost-9D via Getty Images
.
.


คำตอบพื้นฐานที่สุด คือ
เหตุใดแม่เหล็กจึงมีขั้วเหนือกับขั้วใต้
อยู่ที่พฤติกรรมของอิเล็กตรอน
สสารทั้งหมดรวมทั้งแม่เหล็ก
จะประกอบด้วยอะตอม

ในทุก ๆ อะตอม
นิวเคลียสถูกล้อมรอบด้วยอิเล็กตรอน
ที่มีประจุลบตั้งแต่หนึ่งตัวขึ้นไป
อิเล็กตรอนแต่ละตัว
จะสร้างประจุของมันเอง
สนามแม่เหล็กเล็ก ๆ ของตัวเอง
ซึ่งนักวิทยาศาสตร์เรียกว่า การหมุน (Spin)
หากสนามแม่เหล็กเล็ก ๆ เหล่านั้น
ชี้ไปในทิศทางเดียวกันมากพอ
วัสดุก็จะกลายเป็นแม่เหล็ก

การหมุนของอิเล็กตรอน
เป็นสิ่งที่มีแนวคิดเชิงนามธรรม
(ต้องจินตนการ/มโนทิพย์เอง)
ในทางเทคนิคแล้วไม่มีใครเคยเห็น
อิเล็กตรอนที่กำลังหมุนอยู่
มันเล็กเกินกว่าจะมองเห็นด้วยกล้องจุลทรรศน์

แต่นักฟิสิกส์รู้ว่า อิเล็กตรอน
มีสนามแม่เหล็กเพราะด้วยวีธีการวัด
และวิธีหนึ่งที่จะสร้างสนามแม่เหล็กได้
ก็คือ ถ้าอิเล็กตรอนหมุนอยู่
เกิดกลับทิศทางของการหมุน
สนามแม่เหล็กก็จะพลิกกลับด้าน

ความเป็นไปได้คือ
อิเล็กตรอนจะจับคู่กัน
เพื่อให้การหมุนของพวกมันหักล้างกัน
ทำให้เกิดแรงแม่เหล็กสุทธิของอะตอมเป็นศูนย์

แต่ในองค์ประกอบบางอย่าง เช่น เหล็ก
นั้นไม่สามารถเกิดขึ้นเองได้
จำนวนอิเล็กตรอนและวิธีที่อิเล็กตรอน
วางตำแหน่งรอบ ๆ นิวเคลียส
นั้นหมายความว่า
แต่ละอะตอมของเหล็ก
จะมีอิเล็กตรอนที่ไม่มีคู่
ซึ่งจะสร้างสนามแม่เหล็กขนาดเล็กได้

ในวัสดุที่ไม่มีแม่เหล็ก 
สนามแม่เหล็กแต่ละอัน
จะชี้ไปในทิศทางสุ่มที่แตกต่างกัน 
ในสถานะแบบนั้น
สนามแม่เหล็กจะหักล้างกันเป็นส่วนใหญ่
ดังนั้น วัสดุโดยรวมจึงไม่ใช่แม่เหล็ก
แต่ภายใต้สภาวะที่ถูกต้อง
สนามแม่เหล็กย่อยของอะตอมขนาดเล็ก
จะสามารถจัดเรียงตัวได้
ชี้ไปในทิศทางเดียวกัน

ลองนึกถึงภาพความแตกต่าง
ระหว่างฝูงชนที่เดินไปมาปะปนกัน กับ
ฝูงชนที่รวมตัวกันแล้วเดินหน้า
ไปในทิศทางเดียวกัน (แบบ Mob)

การรวมกันของสนามแม่เหล็กขนาดเล็ก ๆ
จะทำให้เกิดสนามแม่เหล็กที่ใหญ่ขึ้น
ดังนั้นวัสดุนั้น จึงกลายเป็น แม่เหล็ก

แม่เหล็กจำนวนมากที่ใช้ในชีวิตประจำวัน 
เช่น แม่เหล็กติดตู้เย็น (แม่เหล็กถาวร)
ในวัสดุเหล่านี้จะประกอบด้วย
สนามแม่เหล็กของอะตอมจำนวนมาก
ในวัสดุนั้นจะถูกจัดเรียงอย่างถาวร
ด้วยแรงจากภายนอที่มีกำลังแรงกว่า
จะถูกใส่เข้าไปในสนามแม่เหล็ก
.
.
.


.
ตัวอย่างสนามแม่เหล็ก
ต่างขั้วดึงดูดและเหมือนขั้วผลักกัน
แม่เหล็กไฟฟ้าแสดงทิศทาง
ของกระแสไฟฟ้าในขด/เส้นลวด
และสนามแม่เหล็กของโลก
©  VectorMine via Getty Images
.
.


บ่อยครั้งที่สนามแม่เหล็ก
ที่มีกำลังแรงสูงกว่ามาก
ถูกสร้างขึ้นโดยกระแสไฟฟ้า

ไฟฟ้าและแม่เหล็ก
มีการเชื่อมโยงกันโดยพื้นฐาน
สนามแม่เหล็กถูกสร้างขึ้น
โดยการเคลื่อนที่ของประจุไฟฟ้า

นั่นคือ สาเหตุที่อิเล็กตรอน
ที่กำลังหมุนอยู่มีสนามแม่เหล็ก
แต่นักวิทยาศาสตร์สามารถควบคุมไฟฟ้า
เพื่อสร้างสนามแม่เหล็กตามที่ต้องการได้
Paolo Ferracin นักวิทยาศาสตร์อาวุโส
Lawrence Berkeley National Laboratory
รัฐแคลิฟอร์เนีย กล่าวว่า

" แม่เหล็กอันทรงพลังนั้น
จะมีกระแสไฟฟ้าเพียงพอ
ผ่านขดลวดทำให้เกิดสนามแม่เหล็ก
ที่มีกำลังแรงมากซึ่งจะคงอยู่
ตราบเท่าที่กระแสไฟฟ้าไหลอยู่

แม่เหล็กไฟฟ้าเหล่านี้
มักใช้ในการวิจัยทางฟิสิกส์
นอกจากนี้ยังใช้ใน
เครื่องมือทางการแพทย์ เช่น MRI “

โลกก็มีสนามแม่เหล็กของตัวเองเช่นกัน 
ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้เข็มเข็มทิศทำงานได้ 
นักวิทยาศาสตร์ได้ให้นิยาม
ขั้วเหนือของแม่เหล็กว่า
เป็นปลายที่จะชี้ไปยังขั้วเหนือของโลก
หากแม่เหล็กสามารถหมุนได้อย่างอิสระ 
แต่ในทางเทคนิคนั่นหมายความว่า
ขั้วแม่เหล็กด้านเหนือบนโลกจริง ๆ แล้ว
เป็นขั้วแม่เหล็กใต้เพราะขั้วตรงข้ามดึงดูดกัน

ตามกฎฟิสิกส์ เส้นของสนามแม่เหล็ก
จะไหลออกจากขั้วเหนือของแม่เหล็ก
ไปยังขั้วใต้ของแม่เหล็ก ทำให้เกิดวงปิด

นักฟิสิกส์ยังพบ
การจัดเรียงขั้วแม่เหล็กแบบอื่นๆ 
ซึ่งรวมถึงแบบสี่ขั้วที่มีขั้วแม่เหล็ก
ทิศเหนือและทิศใต้รวมกันอยู่
ในรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส
แต่ยังมีอีกเป้าหมายหนึ่ง
ยังคงเป็นเรื่องยาก/ท้าท้าย
ยังไม่มีใครค้นพบ คือ
แม่เหล็กแบบขั้วเดียว (Monopole)
 
อิเล็กตรอน กับ โปรตอน
เป็นขั้วไฟฟ้าแบบขั้วเดียว
แต่ละตัวมีประจุไฟฟ้าเพียงประจุเดียว
ไม่ว่าจะเป็นบวกหรือลบ
แต่อิเล็กตรอน (และอนุภาคอื่น ๆ ด้วย)
จะมีขั้วแม่เหล็ก 2 ขั้ว
และพวกมันเป็นอนุภาคพื้นฐาน
จึงไม่สามารถสลายไปมากกว่านี้ได้
ความแตกต่างระหว่างวิธีการ
ที่อนุภาคมีทั้งไฟฟ้าและขั้วแม่เหล็ก
ทำให้นักฟิสิกส์หลายคนสนใจ
ที่จะค้นหาอนุภาคที่มีขั้วแม่เหล็กขั้วเดียว
เหมือนกับการค้นหา จอกศักดิ์สิทธิ์ Holy grail
การค้นพบนี้จะท้าทายกฎแห่งฟิสิกส์
ตามที่คนเราเข้าใจในปัจจุบัน

เรียบเรียง/ที่มา

https://bit.ly/4auqfHa
.
.
.


.
.

.
.

.
The Last Supper
.
.

.
Joseph of Arimathea
กำลังเตรียมทำพิธีศพพระเยซู
.

.
ปฏืทินวันนักบุญคริสต์
.
.


เรื่องเล่าไร้สาระ


อาหารมื้อสุดท้ายของพระเยซู
มีการวนจอกไวน์ให้กับสาวกทุกคน
จำนวนคนนั่งในงานเลี้ยงครั้งสุดท้าย
มีพระเยซู กับสาวก 12 คน รวม 13 คน

ตำนานฝรั่งจึงมีความเชื่อเลข 13
คือ เลขอาถรรพ์ เลขโชคร้าย
สถานที่บางแห่งจะไม่ใช้เลข 13 ในอาคาร
จะใช้เลขโดดข้ามไป 14 หรือ 12A แทน

แต่ในสยามความเชื่อนี้มีน้อยกว่าฝรั่ง
ในอดีตมักนิยมเลข 9 ก้าวหน้าก้าวหลัง
เลข 8 คือ เลข Infinity วนไม่รู้จบ
เกลียดเลข 6 หกล้มหกลุก คลุกคลาน
.
.

ตำนาน
ตอนที่พระเยซูถูกทหารโรมันจับกุม
ถูกจับกุมตัวในงานเลี้ยงครั้งสุดท้าย
ไม่มีสาวกคนไหนกล้าหือ/ต่อสู้

กับถูกจับกุมหลังงานเลึ้ยงเลิกรา
ขณะที่พระเยซู กับสาวกกำลังเดินทางไป
Garden of Gethsemane
แถวตีนเขา Mount of Olives
นอกเมือง Jerusalem

แต่ทั้งสองตำนานสอดคล้องกันว่า
หลังจากพระเยซูถูกจับกุมตัว
ถูกคุมขังชั่วคราวในคุกทหาร
ก่อนจับตัวมาตรึงไมักางเขนในวันรุ่งขึ้น
หลังจากดวงตะวันโผล่ขึ้นบนขอบฟ้า
.
.

Judas Iscariot คือ ผู้ทรยศ/คนชี้เป้า
โดยเดินออกจากงานเลี้ยงก่อนคนแรก
แล้วคาบข่าวไปบอกทหารโรมัน
เรื่องสถานที่พระเยซูอยู่ทึ่ไหน
โดยได้เงินค่าเปิดปาก 30 เหรียญเงิน

แต่หลังจากที่พระเยซูตายแล้ว
Judas Iscariot สำนึกผิด/รู้สึกเศร้าใจ
จึงมอบเงินทรยศทั้งหมดที่รับมา
ให้กับนักบุญ Peter หรือ Petro
หัวหน้าอัครสาวกของพระเยซู
ท่านถูกตรึงไม้กางเขนจนตาย
แต่ห้อยหัวลงไม่ให้เทียมเท่าพระเยซู
ตำนานเชื่อกันว่า ศพท่านฝังอยู่ใต้
St. Peter's Basilica นครรัฐ Vatican

ส่วน Judas Iscariot
หลังมอบเงินบาปทั้งหมดแล้ว
จึงเดินกลับบ้าน ก่อนแขวนคอตาย
.
.

ตำนานภาพวาด The Last Supper
ที่วาดโดย Leonado da Vinci
ใบหน้า Judas Iscariot กับพระเยซู
มึต้นแบบจากนายแบบคนเดียวกัน
ใบหน้าพระเยซู นายแบบร่ำรวย อิ่มบุณย์
มีสง่าราศรีบนใบหน้าตอนวาดภาพ

ใบหน้า Judas Iscariot นายแบบตกต่ำ
ผึพนัน ขี้เหล้าเมายา แบบค่ำเช้าเฝ้าสีซอ
เข้าแต่หอล่อกามา (บ่ใช่ล่ออีกาให้มาหา)
เพราะนายแบบทักช่างภาพเองว่า
“ ท่านจำไม่ได้หรือว่า
ผมเคยเป็นนายแบบให้กับท่าน ”

แสดงว่าบุญกับบาปเป็นเส้นบางบาง
แบบความดีต้องสั่งสม ต้องอดทน
แต่ความชั่วเรียนรู้ง่าย ไม่ต้องฝึกฝนนานวัน
แบบคนบางคน เจียะเหลา เปี๊ยงไพ่
(เจียะ=กิน เหลา=แก่ เปี๊ยง=เปลี่ยน ไพ่=เลว)
.
.

Joseph of Arimathea
คือ เศรษฐีใจบุญ/สาวก-ลับ
ที่คอยเป็นท่อน้ำเลี้ยงให้พระเยซู
ได้นำจอกแรกวา(วันก่อน)
นำมารองรับเลือดพระเยซูที่ไม้กางเขน
พร้อมกับยัดเบี้ยให้ทหารโรมันที่เฝ้าศพ
เพื่อให้ปลดศพลงมาก่อนวันที่กำหนด
แล้วท่านนำศพพระเยซูไปฝังในสุสาน
ประจำตระกูลของครอบครัวตนเอง

ท่านได้รับแต่งตั้งเป็นนักบุญ Saint
ในปฏิทินทางศาสนาคริสต์
จะมีวันของนักบุญประจำวัน
ธรรมเนียมฝรั่งบางครอบครัว
มักจะนำมาเป็นชื่อกลางลูกหลาน

เรื่องนี้จึงเป็นที่มาของตำนานจอกศักดิ์สิทธิ์
ใครมีไว้ครอบครองจะทรงอำนาจ
นำมาผสมน้ำ/ยา รักษาโรคภัยไข้เจ็บได้
จึงเป็นที่มาของการแสวงหา/ครอบครอง
และแหล่งที่มาของนักต้มตุ๋น นักมายากล
.
.

สยามไม่นิยมตั้งชื่อกลาง
แถวปักษ์ใต้บางพื้นที่
เด็กที่เจ็บไข้ออด ๆ แอด ๆ
นอกจากเปลี่ยนชื่อ
ยกให้เป็นลูกยก(ลูกบุญธรรม) คนอื่น
แบบแก้ดวงไม่ถูกกัน (ชงกัน)

บางคนจะยกลูก
ให้เป็นลูกยกพระเกจิอาจารย์
ทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่หรือมรณภาพแล้ว เช่น
หลวงพ่อคล้าย หลวงปู่ทวด อาจารย์ทิม
แบบความเชื่อว่า พ่อพระบุญธรรม
จะปกป้องคุ้มครองลูกยกตลอด
ตราบเท่าที่ปฏฺิบัติตัวดีอยู่ในศีลในธรรม
และกรรมเก่ายังไม่มาถึง

มีความเชื่อ/ข้อสังเกตว่า
ลูกยกของพระเกจิอาจารย์
มักจะหายเจ็บหายไข้เร็วพลัน
และเติบโตเป็นพลเมืองดีของสังคม

แต่ก็มีบางคนที่เบล่อ/ชาติเบล่อ
(ไม่เอาไหน ไม่ได้เรื่อง นิสัยเสีย)
ซึ่งเป็นเรื่องธรรมชาติธรรมดา
เพราะสัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม
.
.

คนหาดใหญ่บางคน/รุ่นเก่า
มักจะมีคำวลีเริ่มต้นว่า
เบล่อ กะเบล่อ ก่อนพูดคำถัดไป
ถ้าญึ่ปุ่นก็ อะโหน่ ๆ ก่อนพูดคำต่อไป
ถ้าน้าค่อม ก็เริ่มต้นว่า อ้ายซัด

แต่ก็ยังดีกว่าคนบางพื้นที่
เวลาพูดจากับเพื่อน/คนที่ด้อยกว่า
มักเริ่มต้นด้วยคำสารพัดสัตว์ คำด่าแม่
ถ้าไม่เข้าใจวัฒนธรรมท้องถิ่น
อาจจะมีการราวีหรือแจกหมากสด
มีสีแดงที่ปากที่ใบหน้าที่ตาได้
.
.
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่