ตอนที่ 8: คอร์สปฏิบัติธรรม ณ ค่ายลูกเสือ

หลังจากที่ผมอาบน้ำอาบท่าเสร็จแล้ว พอสัก 5 โมงครึ่งก็มีเสียงระฆังดังมาจากศาลากลางที่ผมได้เจอพระอาจารย์จักรีเมื่อตอนกลางวัน เป็นอันรู้กันว่าถึงเวลาทำวัตรเย็นแล้ว

ที่ศาลากลางมีพระมาเข้าคอร์สเกือบ 20 รูปเห็นจะได้ ต่างคนต่างนั่งบนอาสนะหรือเบาะที่ถูกจัดเรียงไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ผมมองหาที่ว่างอยู่สักครู่ พอเจอแล้วก็ค่อยๆ เดินเข้าไป

ตรงอาสนะที่เรานั่งจะมีหนังสือสวดมนต์ปกสีขาวมีลายไทยสีเหลืองอยู่ 2 เล่ม ผมหยิบขึ้นมาอ่านสำรวจไปพลางระหว่างนั่งรอ บ้างก็เป็นบทที่คุ้นเคยที่พบเจอเมื่อไปทำบุญที่วัด บางบทเจอที่สวนโมกข์เป็นที่แรก บางบทอ่านแล้วก็เสียวไส้เพราะมีบรรยายถึงอวัยวะต่างๆ ในร่างกาย บางบทก็สั้นจุ๊ดจู๋ บางบทนี่ยาวเห็นแล้วยังท้อใจ

เป็นไงล่ะพระนัท หนีการสวดมนต์จากเมืองคอน มาอยู่ที่สวนโมกข์เจอบทสวดมนต์ใหม่อีก 2 เล่ม Haiyahhh! 🫣

นั่งอ่านดูนั่นดูนี่ ประมาณ 5 นาที พระอาจารย์จักรีก็เดินออกมาจากห้องแล้วมานั่งด้านหน้าสุด จากนั้นก็มีเสียงคล้ายๆ กระดิ่งแต่ดังกังวานกว่าดังขึ้นมา แล้วพระด้านหน้าก็ลุกขึ้นนั่งท่าเทพพนม ทุกรูปทำตาม แล้วก็มีเสียงดังว่า "กราบ!" แล้วพระทุกรูปก็ก้มกราบพร้อมกัน 3 ครั้ง จากการทำวัตรสวดมนต์ก็ได้เริ่มขึ้น

สวดมนต์ใช้เวลาไม่นานนักสักประมาณ 30 นาทีเห็นจะได้ เทียนถูกจุดขึ้นเพื่อให้เห็นหน้าพระอาจารย์ได้ถนัด จากนั้นพระอาจารย์ก็กล่าวต้อนรับพวกเรา ด้วยน้ำเสียงที่จริงจังและฟังชัด

ในคอร์สนี้ เราจะอยู่ในค่ายลูกเสือทั้งสิ้น 15 วัน จะออกไปข้างนอกหนเดียวในตอน 7 โมงเช้าเพื่อไปรับบิณฑบาตที่โรงครัว แล้วก็กลับคืนมาที่ค่ายลูกเสือ นอกเหนือจากนั้นเราจะไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปไหนเลย แม้แต่จะคุยกับใครก็ไม่สามารถทำได้ ทุกรูปจะต้องปิดวาจา ยกเว้นแต่มีเหตุอันสมควร

เราจะตื่นเช้ากับประมาณตี 3 ครึ่ง! (โคตรเช้า 😱) โดยจะมีการตีระฆังเป็นการบอกเวลา ทำธุระส่วนตัวล้างหน้าแปรงฟัน แล้วมาเจอกันที่นี่ตอนตี 4 เพื่อทำวัตรเช้าและนั่งสมาธิจนถึง 6 โมงตรง

เมื่อกลับมาจากบิณฑบาตแล้วก็จะกลับมาฉันพร้อมกันที่ลานทรายด้านนอก และที่ลานทรายนี้เองก็จะใช้เป็นที่ทำวัตรเช้าเย็นในวันถัดๆ ไปด้วย จะงดเว้นเพียงแต่ฝนตก จะเข้ามาทำในศาลาแห่งนี้

ฉันเสร็จพักประมาณ 1 ชั่วโมงก็จะกลับมานั่งสมาธิใหม่ที่ลานทราย นั่งบ้างเดินบ้างตามที่เราสะดวก ทำสัก 2 ชั่วโมงพอใกล้ๆ เที่ยงจึงปล่อยให้ไปพักอีกที

จากนั้นจะมีเสียงระฆังดังมาอีกทีตอนบ่าย 2 ให้ออกจากกุฏิมานั่งสมาธิเดินจงกรมอีกรอบยาวๆ ไปจนถึง 4 โมงเย็นก็จะเป็นเวลาในการทำความสะอาดกวาดลานวัด ขัดห้องส้วม พอ 5 โมงครึ่งก็กลับมาทำวัตรเย็นอีกครั้งที่ลานทราย

ใน session ช่วงเย็นหลังจากทำวัตรเสร็จแล้ว ก็จะมีการบรรยายธรรมโดยพระอาจารย์จักรีบ้าง พระอาจารย์ท่านอื่นบ้างตามแต่สมควร แล้วก็นั่งสมาธิยิงยาวไปจน 3 ทุ่มจึงจะปล่อยให้เข้านอน

ฟังเสร็จผมนึกในใจ ทำไมมันโหดจังวะ เข้าค่ายลูกเสือยังไม่โหดขนาดนี้เลย นี่เราคิดถูกแล้วใช่มั้ยที่มาที่นี่ แต่จะกลับไปตอนนี้ก็ไม่ทันเสียแล้ว ก็เหลือแค่ออปชั่นเดียวคือต้องเดินหน้าต่อไป

พระอาจารย์จักรีท่านก็อธิบายแนวทางในการปฏิบัติของที่นี่ โดยเราจะยึดตามหลักอานาปานสติ คือการมีสติอยู่กับลมหายใจ หายใจเข้ารู้ หายใจออกรู้ โดยไม่ต้องมีคำบริกรรมใดๆ แค่มีสติรู้เนื้อรู้ตัวก็พอ

จากนั้นพระอาจารย์ก็กล่าวอะไรอีกนิดหน่อยพอสมควรแก่เวลา ก็ปล่อยให้ทุกคนเดินกลับกุฏิ แต่ว่า...กุฏิกูอยู่ไหนวะ! ทำไมข้างนอกมันมืดแบบนี้ มองขึ้นไปนี่เห็นดาวบนฟ้าได้ชัดเจน เสียงรถเสียงลาไม่ได้ยิน ได้ยินแต่เสียงจิ้งหรีดเรไร และเสียงกบร้องอบๆ จากที่ไกลเท่านั้น นี่มันโคตรธรรมชาติเสียเหลือเกิน

เปิดไฟฉายแล้วเดินไปยังกุฏิ ไม่มีเสียงคุยกันให้ได้ยิน 1 กุฏิมีพระ 1 รูป แต่ละกุฏิก็ไม่ใช้จะใกล้กัน ใครโดนผีหลอกบอกเลยว่าเสร็จ รอพาไปอาบน้ำมนต์ตอนเช้าอย่างเดียว ทำใจเอาไว้ซะ

ในกุฏินี่ก็มืดมากอ่ะ มืดสุดๆ มืดขนาดไหนเอาง่ายๆ ปิดไฟฉายปั๊บ ยกฝ่ามือขึ้นมาก็มองไม่เห็นฝ่ามือข้างหน้าอ่ะบอกเลย ใครกลัวความมืดนะคุณเอ้ย ไม่อยากจะคิด หึหึ

เอาวะไม่มีไรให้ทำมาก บวกกับเดินทางมาทั้งวันอากาศก็ร้อน เลยง่วงตั้งแต่สามทุ่มครึ่ง เลยล้มตัวลงนอนบนตั่งที่ตั้งไว้ หลับลงไปตอนไหนก็ไม่รู้ แต่รู้ตัวอีกทีเสียงระฆังดังแล้ว ทำให้ต้องสะดุ้งตื่นในทันทีนึกว่ามีเหตุอะไรฉุกเฉิน พอหยิบมือถือมาดูเวลาเท่านั้นแหละ ตี 3 ครึ่งแล้ว แม่เจ้า ยังรู้สึกเพิ่งนอนไปเมื่อกี้เอง

แค่เริ่มต้นวันแรกยังขนาดนี้ นี่ยังเหลืออีกตั้ง 14 วัน เข้ามาอยู่ยังนับไม่ถึง 24 ชั่วโมงดี นี่นับวันคิดจะกลับเสียแล้ว ช่างอ่อนด้อยเสียจริงพระนัทเอ๋ย 555

บทนี้ยาวพอสมควรนะครับ แต่เป็นการปูพื้นว่าภายในคอร์สนี่จะต้องพบเจอกับอะไรบ้าง อ่านแล้วอาจจะเฉยๆ แต่บอกเลยว่า 2 ตอนจากนี้ไป ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวงครับ 😊

สวัสดี

#ชนจิตโต