หลักความเชื่อของศาสนาคริสต์ : อ้างอิงจากคัมภีร์ไบเบิล
พระเจ้าผู้ประเสริฐ (พระเจ้าผู้สูงสุด) ได้สร้างมนุษย์ชายหญิงคู่แรกของโลกคือ อาดัมและเอวา
โดยที่พระองค์มีพระประสงค์ให้ทั้งคู่มีลูกหลานสืบต่อกันมา และแพร่ขยายไปทั่วโลก
ซึ่งพระองค์ได้สร้างเงื่อนไขการมีลูกของทั้งคู่ ด้วยการให้ทั้งคู่มีเพศสัมพันธ์กัน
พระองค์จึงได้ประทานความรื่นรมย์ให้แก่มนุษย์ในขณะที่มีเพศสัมพันธ์
เพื่อจูงใจให้มนุษย์ชายหญิงมีเพศสัมพันธ์กัน แล้วจะได้มีลูกด้วยกัน
แต่พระเจ้าผู้ประเสริฐได้ห้ามมนุษย์มีเพศสัมพันธ์กับเพศเดียวกัน รวมทั้งห้ามมีเพศสัมพันธ์กับสัตว์
ดังนั้นการที่มนุษย์มีเพศสัมพันธ์กับเพศเดียวกัน จึงเป็นการขัดต่อพระประสงค์ของพระเจ้าผู้ประเสริฐ
จึงถือว่าเป็นความบาปโดยที่มนุษย์ไม่สมควรทำ แต่เนื่องจากมนุษย์แต่ละคนมีใจที่แข็งกระด้างแตกต่างกัน
บางคนจึงไม่รู้สึกผิดจากการกระทำดังกล่าว และยังคงกระทำต่อไปโดยไม่เชื่อว่าเป็นความบาป
คัมภีร์ไบเบิลได้บันทึกเรื่องการมีเพศสัมพันธ์กับเพศเดียวกัน ซึ่งถือว่าเป็นความบาปไว้ในหลายตอนด้วยกัน
โดยได้กล่าวถึงการมีเพศสัมพันธ์ระหว่างชายด้วยกันว่าเป็นความบาปอย่างชัดเจน โดยที่ไม่ต้องตีความ
แต่ได้กล่าวถึงการมีเพศสัมพันธ์ระหว่างหญิงด้วยกันเป็นความนัย ซึ่งจะต้องตีความให้ถูกต้อง
จึงทำให้มีบางคนเข้าใจว่าพระเจ้าผู้ประเสริฐไม่ได้ห้ามการมีเพศสัมพันธ์ระหว่างหญิงด้วยกัน
ซึ่งความเชื่อดังกล่าวนี้เป็นอันตรายมาก เพราะอาจทำให้ผู้หญิงหลายคนยังคงทำบาป โดยที่ตนเองคิดว่าไม่ได้เป็นความบาป
แล้วในที่สุดพวกเขาอาจจะไม่ได้รับความรอดเข้าสู่สวรรค์ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเศร้าใจอย่างยิ่ง
โรม 1:26-27
เพราะเหตุนี้ พระเจ้าทรงปล่อยให้เขามีกิเลสตัณหาอันน่าอัปยศ พวกผู้หญิงของเขาก็เปลี่ยนจากเพศสัมพันธ์ตามธรรมชาติ
ให้ผิดธรรมชาติไป ส่วนผู้ชายก็เลิกมีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิงให้ถูกตามธรรมชาติเช่นกัน และเร่าร้อนด้วยไฟราคะตัณหาที่มีต่อกัน
ผู้ชายกับผู้ชายด้วยกันประกอบกิจอันน่าละอายอย่างยิ่ง เขาจึงได้รับผลกรรมอันสมควรแก่ความผิดของเขา
การตีความ
การที่ผู้หญิงมีเพศสัมพันธ์ที่ผิดธรรมชาติ ถือว่าเป็นความบาปตามข้อพระคัมภีร์
ซึ่งการมีเพศสัมพันธ์ระหว่างหญิงด้วยกัน ย่อมเข้าข่ายเป็นการมีเพศสัมพันธ์ที่ผิดธรรมชาติ
ดังนั้นการมีเพศสัมพันธ์ระหว่างหญิงด้วยกันถือว่าเป็นความบาป เป็นสิ่งที่ไม่สมควรทำ
ส่วนการมีเพศสัมพันธ์ระหว่างชายด้วยกัน ข้อพระคัมภีร์ได้กล่าวอย่างชัดเจนว่าเป็นความบาปเช่นกัน
คำแนะนำ
1. คนเพศเดียวกัน หากจะมีความรักต่อกันเพื่อเป็นแฟนกัน พระเจ้าไม่ได้ห้ามเลย เพราะว่าความรักเป็นสิ่งที่ดีงาม
ทำให้มนุษย์มีพลังหรือมีกำลังใจที่จะดำเนินชีวิต เพียงแต่อย่ามีเพศสัมพันธ์กัน
2. คนเพศเดียวกันสามารถใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันได้ เพื่อคอยช่วยเหลือเกื้อกูลกัน เหมือนเป็นเพื่อนหรือเป็นพี่น้องกัน
หากอยู่บ้านเดียวกันก็ควรพักคนละห้อง หากที่บ้านมีเพียงห้องเดียวก็ควรแยกเตียงนอน แล้วพระเจ้าจะอวยพระพรชีวิต
เหมือนกับคู่สามีภรรยาทั่วไป
หมายเหตุ มีคู่สามีภรรยาชาวพุทธบางคนที่ถือศีล 8 โดยไม่ได้มีเพศสัมพันธ์กัน ก็ยังดำเนินชีวิตได้เป็นปกติสุข
การมีเพศสัมพันธ์กับเพศเดียวกัน เป็นความบาปตามหลักศาสนาคริสต์ เวอร์ชั่น 2
พระเจ้าผู้ประเสริฐ (พระเจ้าผู้สูงสุด) ได้สร้างมนุษย์ชายหญิงคู่แรกของโลกคือ อาดัมและเอวา
โดยที่พระองค์มีพระประสงค์ให้ทั้งคู่มีลูกหลานสืบต่อกันมา และแพร่ขยายไปทั่วโลก
ซึ่งพระองค์ได้สร้างเงื่อนไขการมีลูกของทั้งคู่ ด้วยการให้ทั้งคู่มีเพศสัมพันธ์กัน
พระองค์จึงได้ประทานความรื่นรมย์ให้แก่มนุษย์ในขณะที่มีเพศสัมพันธ์
เพื่อจูงใจให้มนุษย์ชายหญิงมีเพศสัมพันธ์กัน แล้วจะได้มีลูกด้วยกัน
แต่พระเจ้าผู้ประเสริฐได้ห้ามมนุษย์มีเพศสัมพันธ์กับเพศเดียวกัน รวมทั้งห้ามมีเพศสัมพันธ์กับสัตว์
ดังนั้นการที่มนุษย์มีเพศสัมพันธ์กับเพศเดียวกัน จึงเป็นการขัดต่อพระประสงค์ของพระเจ้าผู้ประเสริฐ
จึงถือว่าเป็นความบาปโดยที่มนุษย์ไม่สมควรทำ แต่เนื่องจากมนุษย์แต่ละคนมีใจที่แข็งกระด้างแตกต่างกัน
บางคนจึงไม่รู้สึกผิดจากการกระทำดังกล่าว และยังคงกระทำต่อไปโดยไม่เชื่อว่าเป็นความบาป
คัมภีร์ไบเบิลได้บันทึกเรื่องการมีเพศสัมพันธ์กับเพศเดียวกัน ซึ่งถือว่าเป็นความบาปไว้ในหลายตอนด้วยกัน
โดยได้กล่าวถึงการมีเพศสัมพันธ์ระหว่างชายด้วยกันว่าเป็นความบาปอย่างชัดเจน โดยที่ไม่ต้องตีความ
แต่ได้กล่าวถึงการมีเพศสัมพันธ์ระหว่างหญิงด้วยกันเป็นความนัย ซึ่งจะต้องตีความให้ถูกต้อง
จึงทำให้มีบางคนเข้าใจว่าพระเจ้าผู้ประเสริฐไม่ได้ห้ามการมีเพศสัมพันธ์ระหว่างหญิงด้วยกัน
ซึ่งความเชื่อดังกล่าวนี้เป็นอันตรายมาก เพราะอาจทำให้ผู้หญิงหลายคนยังคงทำบาป โดยที่ตนเองคิดว่าไม่ได้เป็นความบาป
แล้วในที่สุดพวกเขาอาจจะไม่ได้รับความรอดเข้าสู่สวรรค์ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเศร้าใจอย่างยิ่ง
โรม 1:26-27
เพราะเหตุนี้ พระเจ้าทรงปล่อยให้เขามีกิเลสตัณหาอันน่าอัปยศ พวกผู้หญิงของเขาก็เปลี่ยนจากเพศสัมพันธ์ตามธรรมชาติ
ให้ผิดธรรมชาติไป ส่วนผู้ชายก็เลิกมีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิงให้ถูกตามธรรมชาติเช่นกัน และเร่าร้อนด้วยไฟราคะตัณหาที่มีต่อกัน
ผู้ชายกับผู้ชายด้วยกันประกอบกิจอันน่าละอายอย่างยิ่ง เขาจึงได้รับผลกรรมอันสมควรแก่ความผิดของเขา
การตีความ
การที่ผู้หญิงมีเพศสัมพันธ์ที่ผิดธรรมชาติ ถือว่าเป็นความบาปตามข้อพระคัมภีร์
ซึ่งการมีเพศสัมพันธ์ระหว่างหญิงด้วยกัน ย่อมเข้าข่ายเป็นการมีเพศสัมพันธ์ที่ผิดธรรมชาติ
ดังนั้นการมีเพศสัมพันธ์ระหว่างหญิงด้วยกันถือว่าเป็นความบาป เป็นสิ่งที่ไม่สมควรทำ
ส่วนการมีเพศสัมพันธ์ระหว่างชายด้วยกัน ข้อพระคัมภีร์ได้กล่าวอย่างชัดเจนว่าเป็นความบาปเช่นกัน
คำแนะนำ
1. คนเพศเดียวกัน หากจะมีความรักต่อกันเพื่อเป็นแฟนกัน พระเจ้าไม่ได้ห้ามเลย เพราะว่าความรักเป็นสิ่งที่ดีงาม
ทำให้มนุษย์มีพลังหรือมีกำลังใจที่จะดำเนินชีวิต เพียงแต่อย่ามีเพศสัมพันธ์กัน
2. คนเพศเดียวกันสามารถใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันได้ เพื่อคอยช่วยเหลือเกื้อกูลกัน เหมือนเป็นเพื่อนหรือเป็นพี่น้องกัน
หากอยู่บ้านเดียวกันก็ควรพักคนละห้อง หากที่บ้านมีเพียงห้องเดียวก็ควรแยกเตียงนอน แล้วพระเจ้าจะอวยพระพรชีวิต
เหมือนกับคู่สามีภรรยาทั่วไป
หมายเหตุ มีคู่สามีภรรยาชาวพุทธบางคนที่ถือศีล 8 โดยไม่ได้มีเพศสัมพันธ์กัน ก็ยังดำเนินชีวิตได้เป็นปกติสุข