คือเราและแฟนเก่าเปิดร้านขายของด้วยกัน โดยมีข้อตกลงว่าแฟนเก่าเป็นคนลงเงินและเราลงแรงช่วยกัน และเมื่อร้านคืนทุนก็จะเอาทุนคืนแฟนเก่า จากนั้นก็แบ่งกำไรเท่ากันไปเรื่อยๆ และไม่มีการจดทะเบียนทางนิติบุคคลอะไรทั้งนั้น
พอช่วงโควิดร้านเราก็ปิดชั่วคราวและเราก็เลิกกัน หลังจากโควิดซาลงแฟนเก่าขอให้เรากลับมาเปิดร้านและพิมพ์ข้อความแจ้งเราว่าเค้าจะไม่เอาเงินทุนคืนแล้ว ให้ทำร้านต่อแล้วแบ่งกำไรกันตามสมควรในช่วงแรกอาจจะสัดส่วนเค้ามากกว่าหน่อย แต่เราก็พิมพ์ตอบกลับไปเช่นกันว่าเราจะให้ร้านคืนทุนแล้วเอาเงินคืนเค้าเหมือนเดิม เพราะเราไม่อยากเอาเปรียบใคร
หลังจากกลับมาเปิดร้านก็แบ่งกำไรเท่าๆกันคือคนละ 15% ที่เหลือเก็บสะสมเป็นเงินร้าน(ซึ่งเงินก้อนนี้เราตั้งใจจะเก็บไว้คืนทุนเค้า)
>>> หลังจากเปิดร้านมาปีกว่าๆ เราก็รู้มาว่าเค้ากำลังจะเปิดร้านใหม่เป็นร้านที่เหมือนกันกับร้านนี้ อยู่ในจังหวัดเดียวกันและจะใช้ชื่อเดียวกัน โดยไปแอบทำโดยที่ไม่แจ้งเรา เราพยายามเจรจากับเค้าว่าให้เปลี่ยนชื่อร้าน แต่เค้ายืนยันจะใช้ชื่อเดิม เราไม่ติดถ้าเค้าจะไปเปิดร้านใหม่เพราะเป็นเรื่องการทำมาหากิน แต่ก็คิดว่าไม่ควรมาใช้ชื่อเดียวกันถ้าโครงสร้างภายในร้าน/การบริหารจัดการไม่เหมือนกัน และจริงๆแอบคิดว่าตามมารยาทเค้าอาจจะต้องขายหุ้นร้านเก่าเพื่อไปทำร้านใหม่มั้ย
ในแง่ของเราเรามองว่ามันมีความเสียหายกับเรา
1. เราเหมือนมีทั้งหุ้นส่วนและคู่แข่งทำงานอยู่ในร้านเรา ทำให้คู่แข่งรู้ทุกอย่างของร้านเราและคงจะส่งผลถึงยอดขาย
2. ลูกค้าอาจเกิดความสับสนเพราะชื่อร้านเดียวกัน
3. ส่งผลต่อจิตใจเพราะชื่อร้าน โลโก้ เราเป็นคนคิดและทำเองทั้งหมด
ปล.เราเคยพยายามจะจดเครื่องหมายการค้า แต่จดไม่ได้เนื่องจากชื่อร้านมีคำสามัญ

รบกวนแนะนำเราหน่อยว่าในแง่กฏหมายเราควรจะทำยังไงกับเคสนี้เพื่อรักษาสิทธิ์ของตัวเองได้บ้างคะ