ตั้งแต่คู่ แม่พุตตาน-พ่อริด, แม่กลิ่น-หมู่สง หรือย้อนไปถึงคู่รักสมัยทวารวดี คนเขียนบทตั้งใจสื่อให้เห็นทั้ง 3 คู่นี้แสดงความรักด้วยการจูบปากทั้งหมด แปลกใจว่าการจูบปากเป็นที่นิยมตั้งแต่สมัยดังกล่าวแล้วจริงหรือไม่ เดิมคิดว่าจะเป็นเพียงการหอมแก้มกันเสียอีก
ถ้ามองว่าการจูบปากได้รับอิทธิพลมาจากตะวันตก การติดต่อกับชาติตะวันตกสมัยพระนารายณ์ก็ไม่น่าจะส่งผลลงมาถึงไพร่ หรือจะเป็นช่วงหลัง พ.ศ. 2500 ที่คนไทยได้ดูภาพยนตร์ฝรั่งกันมากขึ้น? หรือเป็นแค่เซอร์วิสแฟนละครโดยไม่สอดคล้องกับวัฒนธรรมจริง
พอจะมีเกร็ดความรู้เรื่องนี้บ้างไหม
(มีจุดสังเกตอย่าง คือการกำกับของละครเรื่องนี้ จะใช้เทคนิคการจูบปาก แล้วคุยกันต่อสัก 2-3 ประโยค แล้วย้ำอารมณ์ด้วยการจูบปากซ้ำอีกที เหมือนกันทุกคู่เลย ไม่ค่อยเหมือนละครเรื่องอื่นที่จูบครั้งเดียวจบ เป็นการนำเสนอที่น่าสนใจ)
ขุนนาง-ไพร่ สมัยอยุธยาแสดงความรักด้วยการจูบปากจริงหรือ
ตั้งแต่คู่ แม่พุตตาน-พ่อริด, แม่กลิ่น-หมู่สง หรือย้อนไปถึงคู่รักสมัยทวารวดี คนเขียนบทตั้งใจสื่อให้เห็นทั้ง 3 คู่นี้แสดงความรักด้วยการจูบปากทั้งหมด แปลกใจว่าการจูบปากเป็นที่นิยมตั้งแต่สมัยดังกล่าวแล้วจริงหรือไม่ เดิมคิดว่าจะเป็นเพียงการหอมแก้มกันเสียอีก
ถ้ามองว่าการจูบปากได้รับอิทธิพลมาจากตะวันตก การติดต่อกับชาติตะวันตกสมัยพระนารายณ์ก็ไม่น่าจะส่งผลลงมาถึงไพร่ หรือจะเป็นช่วงหลัง พ.ศ. 2500 ที่คนไทยได้ดูภาพยนตร์ฝรั่งกันมากขึ้น? หรือเป็นแค่เซอร์วิสแฟนละครโดยไม่สอดคล้องกับวัฒนธรรมจริง
พอจะมีเกร็ดความรู้เรื่องนี้บ้างไหม
(มีจุดสังเกตอย่าง คือการกำกับของละครเรื่องนี้ จะใช้เทคนิคการจูบปาก แล้วคุยกันต่อสัก 2-3 ประโยค แล้วย้ำอารมณ์ด้วยการจูบปากซ้ำอีกที เหมือนกันทุกคู่เลย ไม่ค่อยเหมือนละครเรื่องอื่นที่จูบครั้งเดียวจบ เป็นการนำเสนอที่น่าสนใจ)