วันนัดหมาย ผู้ชายมารับเรากับเพื่อนหน้าบ้าน แล้วก็แวะรับพี่เรา ระหว่างทาง ซึ่งเป็นรุ่นพี่ที่สนิทกัน
จากนั้นก็เดินทางลงภาคใต้ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชม. พอถึงบ้าน ก็ทักทายทำความรู้จักกัน นิดหน่อย
เพราะทุกคนกำลังยุ่งกับการ
เตรียมงาน ซูซอก และงานแต่ง เรากับเพื่อนไม่ได้ทำอะไรเลย ได้แต่นั่งเกรงๆ เพราะบ้านเขาถ้ามีเเขกมาบ้าน ไม่ว่าจะอายุน้อยกว่าหรือมากกว่า
ห้ามให้ทำอะไรเลย ได้แต่นั่งสวยๆและกินของว่างรอ จากนั่นเขาก็พาไปเดินตลาดหาข้าวกิน และซื้อของสำหรับงานวันพรุ่งนี้
พวกเขาพูดคุย และต้อนรับดีมาก ดูไม่ได้รังเกียจพวกเราเลย เตรียมงานเสร็จ ตกเย็นทุกคนก็มานั่งล้อมวงกินข้าว และหากิจกรรมทำหลังกินข้าว
คือการเล่นไพ่ และเดินหมาก คล้ายๆเกมส์เศรษฐี บ้านเรา เกมจะเล่นเป็นคู่ คนหนึ่งจะเป็นคนเล่นไพ่ ถ้าไพ่ใครใหญ่กว่า อีกคนก็จะได้เดิน
ไม่ค่อยเข้าใจหรอก แต่สนุกมาก เขาก็วางเงินกันจริงจังเลย แต่พวกเราไม่ได้วางนะ เพราะแบ่งเป็นคู่ผู้ชายคู่กับ ผู้หญิง ผู้ชายจะเป็นคนวางเงิน แต่ถ้าชนะ ผู้หญิงก็ได้ส่วนแบ่งด้วย
เล่นกันพักใหญ่ก็แยกย้ายกันเข้านอน
เช้าวันรุ่งขึ้น พวกเราก็ตื่นประมาณ หกโมงเช้า อาบน้ำแต่งตัวรอ เกรงใจไปบ้านเขาไม่กล้าตื่นสาย นั่งรอในห้อง แปดโมงก็แล้ว เก้าโมงก็แล้ว ไม่มีใครตื่นเลยจ้า
ปรากฎว่า 10 โมง เขาพึ่งทยอยตื่น
เขาบอกว่าถ้าเป็นวันหยุด คนบ้านเขาจะไม่ตื่นเช้า หลังจากเตรียมตัวเสร็จทุกคนก็เข้าทำพิธี
ก็มีสวดมนต์ ไหว้ กล่าวถึงบรรพบุรุษ อะไรประมาณนั้น ทางนี้ก็ไม่รู้เรื่อง เขาพาไหว้ก็ไหว้ เขาพา
กราบก็กราบ
หลังไหว้บรรพบรุษเสร็จก็แต่งงานต่อเลย ทั้งคู่ใส่ชุดฮันบก แต่งหน้าทำผมเบาๆ กล่าวคำปฏิญาณ ต่างๆ เคารพบรรพบุรุษ และเคารพคนที่อายุเยอะสุดในบ้าน
พิธีทุกอย่าง แบบเกาหลีจ๋าเลย หลังจบพิธีก็ จิบไวน์ และถ่ายรูปครอบครัว ขนาดเราไม่ใช่แม่มัน เรายังน้ำตาคลอเลย ปลื้มแทน เพื่อนเป็นฝั่งเป็นฝา
หลังจบงานทุกคนก็เปลี่ยนชุด แล้ว รวมตัวกันกินข้าว ก็กินของที่ใช้ทำพิธีแหละ ก็ได้คุยกันเยอะขึ้น ถามเรื่องส่วนตัวนู้น นี่ นั้น กินข้าวเสร็จ ก็แวะพาไปเที่ยว ล่ำลาและแยกย้ายกันกลับ
วันต่อมาเพื่อนเล่าให้ฟังว่า พี่ชายกับพี่สะใภ้ ของสามีนาง เขาอยากมีลูก แต่มีไม่ได้เพราะเป็นหมัน เขาก็เลยชอบพวกเรามาก เพราะถ้ามีลูก ลูกน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับพวกเรา
เขาเลยอยากติดต่อให้เรา ลองคุยกับน้องชายคนเล็กของเขาดู อยากดิวเป็นน้องสะใภ้ เพราะรู้สึกถูกชะตา
เอาแล้วไง ก็เลยเรียกประชุม ทุกคนลงมติว่า ลองดู ไม่เสียหาย ตอนนั้นคือ" ชิปหายล่ะ" แต่ก็ไม่ขัด ลองดูก็ลองดู
ก็เลยนัดกินข้าวกันที่ร้านอาหาร พวกเขาไปรับ เรากับนางผีน้อยนั่งรถน้องชายเขา ส่วนเพื่อนก็ขึ้นรถสามีนาง
ระหว่างกินข้าว สามีเพื่อน ก็แนะนำน้องชายเขาเต็มที่ ทำงานอะไร ใส่นาฬิกายี่ห้ออะไร ขับรถยี่ห้ออะไร มีบ้าน มีนู้น นี่ นั้น
ถ้าเกิดบ้านเราก็คือมาอวดอ่ะ แต่วัฒนธรรมบ้านเขาคงเป็นแบบนั้นมั้ง น้องชายเขาเป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยพูด
เราก็เลยได้คุยกันแค่นิดเดียว
หลังกินข้าวเสร็จก็พาไปซื้อของให้
ก่อนแยกย้ายก็แลก kakao talk กัน พอถึงบ้านนางก็ ทักมาถามนู้น ถามนี่ใหญ่เลย เราก็ใช้แอพแปลภาษาช่วยเอา
ครั้งที่2 นางนัดไปกินซูชิ รอบนี้มาคนเดียว แต่เรามีนางผีน้อยไปเป็นเพื่อน ส่วนเพื่อนอีกคนไปกับสามี ไม่ว่าง ครั้งนี้มารับไปร้านซูชิ แต่เป็นแแบ อลาคาส ไม่ใช่ บุฟเฟ่
เรากับเพื่อนก็เริ่มสั่งจากจานเล็กๆก่อน ระหว่างรอจะมีน้ำซุปมาเสริฟ แล้วก็มีเครื่องเคียงอีก สอง สามอย่าง ให้กินก่อนระหว่างรอ อาหาร
อร่อยนะ อร่อยทุกอย่างเลย ระว่างที่กำลังอร่อย ผู้ชายก็ยก น้ำชุปขึ้น ซดเสียงดังซู๊ดๆ เรากับเพื่อนหันมองหน้ากัน แบบรู้กันอ่ะ
!ก็เข้าใจแหละว่ามันเป็นวัฒนธรรมของเขา แต่มันดังเกิ๊น! แล้วก็มีการเติมเรื่อยๆ แล้วก็ซดเรื่อยๆ สักพักซูชิก็มาเสริฟ ซูชิอร่อยนะ แต่เจอเสียงซดแล้วคือ อิ่มเลย
กินข้าวเสร็จเขาก็ไปส่งที่บ้าน ไม่ค่อยได้คุยกัน เราก็เกรงๆทำตัวไม่ถูก ส่วนเขาก็คุยเรื่องสรรพคุณรถ ของเขาว่าดีแบบนู้น ดีแบบนี้ ก็เป็นรถนำเข้ายี่ห้อหนึ่ง
กลับมาถึงบ้าน นางผีน้อยก็เอ่ยขึ้นว่า "ไม่ผ่านว่ะ! คนอะไรกินข้าวมูมมาม ขนาดนั้น แถมขี้อวดอีกต่างหาก" ข้อนี้เราเห็นตรงกัน
แต่ก็ยังคุยไปเรื่อยๆ เผื่ออาจจะ
คลิ๊ก กันสักข้อหนึ่ง
หลายวันต่อมา เพื่อนก็มาชวนเราไปเที่ยวค้างคืน ต่างจังหวัด โดยมีเรา นาง สามีนาง และน้องชายเขา
ดีเลย!! แล้วนอนที่ไหนอ่ะ "เช่าโรงแรม 2 ห้อง" งั้นกูนอนกับ แล้วให้สองพี่น้องเขานอนด้วยกัน " ไม่ได้สิ กูก็ต้องนอนกับหลัวกูสิ"
อ้าว!! หวังเคลมกูซะแล้ว ยังคุยกันได้ไม่ถึงไหนเลย จะรีบไปไหน ก็เลยปฏิเสธไป แต่ทางนั้นก็ไม่ยอม มีการลอกล่อว่าจะพาไปเยี่ยมนายจ้างเก่า แล้วก็แวะเที่ยวด้วย
หลังจากวันนั้นเราก็คุยบ้างไม่คุยบ้าง เขาชวนไปไหนก็ไม่ไป คะแนนก็ติดลบลงเรื่อยๆ หาจุดคลิ๊ก กันไม่เจอ ก็เลยตัดสินใจ บอกเขาไปว่า เราเลิกคุยกันเถอะ หลายๆอย่างเราเข้ากันไม่ได้
แรกๆเขาก็ไม่ยอม ถามแต่ทำไมๆ เขาไม่ดียังไง เราก็ปฏิเสธ ไปเรื่อยๆ จนเขาเลิกติดต่อมา รู้อยู่แล้วว่าตัวเองไม่ได้คิดอะไรกับเขา เลยไม่อยากให้เสียเวลา แยกกันตั้งแต่เนิ่นๆดีกว่า
จากเหตุการณ์นี้ เลยทำให้รู้ว่า
" มาเกาหลี จะได้หลัวเกาหลี เหมือนกันไม่ได้ "
หลังจากเพื่อนแต่งงาน หลัวนางก็ชวนไปอยู่ด้วย นางก็มาปรึกษา ทุกคนลงความเห็นว่า " ถ้าไปแล้ว อนาคตจะดีขึ้น ก็ไปเถอะ "
ก็แจ้งลาออก เตรียมเก็บของ พอถึงวันออก ทุกคนก็ช่วยกันขนของ แล้วก็ล่ำลากันไป แยกย้ายกันไปเติบโต
ยอมรับว่า ตอนนั้น ใจหวิวมาก แต่ก็ต้องยินดีกับอนาคตของเพื่อน
" สวน ที่ขาดสมาชิกไป 1 คน จะเป็นยังไง จะมาเล่าให้ฟังตอนหน้านะ "
https://ppantip.com/topic/42429792?sc=b6kXZjS
แรงงานไทยในเกาหลีผ่านระบบ eps thailand ตอนที่ 7
จากนั้นก็เดินทางลงภาคใต้ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชม. พอถึงบ้าน ก็ทักทายทำความรู้จักกัน นิดหน่อย
เพราะทุกคนกำลังยุ่งกับการ
เตรียมงาน ซูซอก และงานแต่ง เรากับเพื่อนไม่ได้ทำอะไรเลย ได้แต่นั่งเกรงๆ เพราะบ้านเขาถ้ามีเเขกมาบ้าน ไม่ว่าจะอายุน้อยกว่าหรือมากกว่า
ห้ามให้ทำอะไรเลย ได้แต่นั่งสวยๆและกินของว่างรอ จากนั่นเขาก็พาไปเดินตลาดหาข้าวกิน และซื้อของสำหรับงานวันพรุ่งนี้
พวกเขาพูดคุย และต้อนรับดีมาก ดูไม่ได้รังเกียจพวกเราเลย เตรียมงานเสร็จ ตกเย็นทุกคนก็มานั่งล้อมวงกินข้าว และหากิจกรรมทำหลังกินข้าว
คือการเล่นไพ่ และเดินหมาก คล้ายๆเกมส์เศรษฐี บ้านเรา เกมจะเล่นเป็นคู่ คนหนึ่งจะเป็นคนเล่นไพ่ ถ้าไพ่ใครใหญ่กว่า อีกคนก็จะได้เดิน
ไม่ค่อยเข้าใจหรอก แต่สนุกมาก เขาก็วางเงินกันจริงจังเลย แต่พวกเราไม่ได้วางนะ เพราะแบ่งเป็นคู่ผู้ชายคู่กับ ผู้หญิง ผู้ชายจะเป็นคนวางเงิน แต่ถ้าชนะ ผู้หญิงก็ได้ส่วนแบ่งด้วย
เล่นกันพักใหญ่ก็แยกย้ายกันเข้านอน
เช้าวันรุ่งขึ้น พวกเราก็ตื่นประมาณ หกโมงเช้า อาบน้ำแต่งตัวรอ เกรงใจไปบ้านเขาไม่กล้าตื่นสาย นั่งรอในห้อง แปดโมงก็แล้ว เก้าโมงก็แล้ว ไม่มีใครตื่นเลยจ้า
ปรากฎว่า 10 โมง เขาพึ่งทยอยตื่น
เขาบอกว่าถ้าเป็นวันหยุด คนบ้านเขาจะไม่ตื่นเช้า หลังจากเตรียมตัวเสร็จทุกคนก็เข้าทำพิธี
ก็มีสวดมนต์ ไหว้ กล่าวถึงบรรพบุรุษ อะไรประมาณนั้น ทางนี้ก็ไม่รู้เรื่อง เขาพาไหว้ก็ไหว้ เขาพา
กราบก็กราบ
หลังไหว้บรรพบรุษเสร็จก็แต่งงานต่อเลย ทั้งคู่ใส่ชุดฮันบก แต่งหน้าทำผมเบาๆ กล่าวคำปฏิญาณ ต่างๆ เคารพบรรพบุรุษ และเคารพคนที่อายุเยอะสุดในบ้าน
พิธีทุกอย่าง แบบเกาหลีจ๋าเลย หลังจบพิธีก็ จิบไวน์ และถ่ายรูปครอบครัว ขนาดเราไม่ใช่แม่มัน เรายังน้ำตาคลอเลย ปลื้มแทน เพื่อนเป็นฝั่งเป็นฝา
หลังจบงานทุกคนก็เปลี่ยนชุด แล้ว รวมตัวกันกินข้าว ก็กินของที่ใช้ทำพิธีแหละ ก็ได้คุยกันเยอะขึ้น ถามเรื่องส่วนตัวนู้น นี่ นั้น กินข้าวเสร็จ ก็แวะพาไปเที่ยว ล่ำลาและแยกย้ายกันกลับ
วันต่อมาเพื่อนเล่าให้ฟังว่า พี่ชายกับพี่สะใภ้ ของสามีนาง เขาอยากมีลูก แต่มีไม่ได้เพราะเป็นหมัน เขาก็เลยชอบพวกเรามาก เพราะถ้ามีลูก ลูกน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับพวกเรา
เขาเลยอยากติดต่อให้เรา ลองคุยกับน้องชายคนเล็กของเขาดู อยากดิวเป็นน้องสะใภ้ เพราะรู้สึกถูกชะตา
เอาแล้วไง ก็เลยเรียกประชุม ทุกคนลงมติว่า ลองดู ไม่เสียหาย ตอนนั้นคือ" ชิปหายล่ะ" แต่ก็ไม่ขัด ลองดูก็ลองดู
ก็เลยนัดกินข้าวกันที่ร้านอาหาร พวกเขาไปรับ เรากับนางผีน้อยนั่งรถน้องชายเขา ส่วนเพื่อนก็ขึ้นรถสามีนาง
ระหว่างกินข้าว สามีเพื่อน ก็แนะนำน้องชายเขาเต็มที่ ทำงานอะไร ใส่นาฬิกายี่ห้ออะไร ขับรถยี่ห้ออะไร มีบ้าน มีนู้น นี่ นั้น
ถ้าเกิดบ้านเราก็คือมาอวดอ่ะ แต่วัฒนธรรมบ้านเขาคงเป็นแบบนั้นมั้ง น้องชายเขาเป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยพูด
เราก็เลยได้คุยกันแค่นิดเดียว
หลังกินข้าวเสร็จก็พาไปซื้อของให้
ก่อนแยกย้ายก็แลก kakao talk กัน พอถึงบ้านนางก็ ทักมาถามนู้น ถามนี่ใหญ่เลย เราก็ใช้แอพแปลภาษาช่วยเอา
ครั้งที่2 นางนัดไปกินซูชิ รอบนี้มาคนเดียว แต่เรามีนางผีน้อยไปเป็นเพื่อน ส่วนเพื่อนอีกคนไปกับสามี ไม่ว่าง ครั้งนี้มารับไปร้านซูชิ แต่เป็นแแบ อลาคาส ไม่ใช่ บุฟเฟ่
เรากับเพื่อนก็เริ่มสั่งจากจานเล็กๆก่อน ระหว่างรอจะมีน้ำซุปมาเสริฟ แล้วก็มีเครื่องเคียงอีก สอง สามอย่าง ให้กินก่อนระหว่างรอ อาหาร
อร่อยนะ อร่อยทุกอย่างเลย ระว่างที่กำลังอร่อย ผู้ชายก็ยก น้ำชุปขึ้น ซดเสียงดังซู๊ดๆ เรากับเพื่อนหันมองหน้ากัน แบบรู้กันอ่ะ
!ก็เข้าใจแหละว่ามันเป็นวัฒนธรรมของเขา แต่มันดังเกิ๊น! แล้วก็มีการเติมเรื่อยๆ แล้วก็ซดเรื่อยๆ สักพักซูชิก็มาเสริฟ ซูชิอร่อยนะ แต่เจอเสียงซดแล้วคือ อิ่มเลย
กินข้าวเสร็จเขาก็ไปส่งที่บ้าน ไม่ค่อยได้คุยกัน เราก็เกรงๆทำตัวไม่ถูก ส่วนเขาก็คุยเรื่องสรรพคุณรถ ของเขาว่าดีแบบนู้น ดีแบบนี้ ก็เป็นรถนำเข้ายี่ห้อหนึ่ง
กลับมาถึงบ้าน นางผีน้อยก็เอ่ยขึ้นว่า "ไม่ผ่านว่ะ! คนอะไรกินข้าวมูมมาม ขนาดนั้น แถมขี้อวดอีกต่างหาก" ข้อนี้เราเห็นตรงกัน
แต่ก็ยังคุยไปเรื่อยๆ เผื่ออาจจะ
คลิ๊ก กันสักข้อหนึ่ง
หลายวันต่อมา เพื่อนก็มาชวนเราไปเที่ยวค้างคืน ต่างจังหวัด โดยมีเรา นาง สามีนาง และน้องชายเขา
ดีเลย!! แล้วนอนที่ไหนอ่ะ "เช่าโรงแรม 2 ห้อง" งั้นกูนอนกับ แล้วให้สองพี่น้องเขานอนด้วยกัน " ไม่ได้สิ กูก็ต้องนอนกับหลัวกูสิ"
อ้าว!! หวังเคลมกูซะแล้ว ยังคุยกันได้ไม่ถึงไหนเลย จะรีบไปไหน ก็เลยปฏิเสธไป แต่ทางนั้นก็ไม่ยอม มีการลอกล่อว่าจะพาไปเยี่ยมนายจ้างเก่า แล้วก็แวะเที่ยวด้วย
หลังจากวันนั้นเราก็คุยบ้างไม่คุยบ้าง เขาชวนไปไหนก็ไม่ไป คะแนนก็ติดลบลงเรื่อยๆ หาจุดคลิ๊ก กันไม่เจอ ก็เลยตัดสินใจ บอกเขาไปว่า เราเลิกคุยกันเถอะ หลายๆอย่างเราเข้ากันไม่ได้
แรกๆเขาก็ไม่ยอม ถามแต่ทำไมๆ เขาไม่ดียังไง เราก็ปฏิเสธ ไปเรื่อยๆ จนเขาเลิกติดต่อมา รู้อยู่แล้วว่าตัวเองไม่ได้คิดอะไรกับเขา เลยไม่อยากให้เสียเวลา แยกกันตั้งแต่เนิ่นๆดีกว่า
จากเหตุการณ์นี้ เลยทำให้รู้ว่า
" มาเกาหลี จะได้หลัวเกาหลี เหมือนกันไม่ได้ "
หลังจากเพื่อนแต่งงาน หลัวนางก็ชวนไปอยู่ด้วย นางก็มาปรึกษา ทุกคนลงความเห็นว่า " ถ้าไปแล้ว อนาคตจะดีขึ้น ก็ไปเถอะ "
ก็แจ้งลาออก เตรียมเก็บของ พอถึงวันออก ทุกคนก็ช่วยกันขนของ แล้วก็ล่ำลากันไป แยกย้ายกันไปเติบโต
ยอมรับว่า ตอนนั้น ใจหวิวมาก แต่ก็ต้องยินดีกับอนาคตของเพื่อน
" สวน ที่ขาดสมาชิกไป 1 คน จะเป็นยังไง จะมาเล่าให้ฟังตอนหน้านะ "
https://ppantip.com/topic/42429792?sc=b6kXZjS