สวัสดี ส่วนตัวอายุแค่ 19 ย่าง 20 ปี กำลังจะเรียนจบ ปวส แต่เผลอพลาดท้องไป จุดเริ่มต้นมาจาก เริ่มแรกบอกเขาว่าท้อง แล้วตอนนั้นเหมือนเขาจะช็อคไป แล้วถามเรากลับว่า ใช่ลูกเขาหรอ สตั้นครั้งที่ 1 แล้วทะเลาะกันบ้าง เพราะนี่ไม่กล้าบอกแม่ กลัวเขาจะเสียหาย ไม่อยากเรียกร้องอะไรจากเขา เกริ่นเกี่ยวกับเขาคนนี้ เป็นคนในเครื่องแบบ ไม่มีพ่อแม่ อยู่กับยาย และมีตายายฝั่งแม่และป้า(เขาเรียกแม่) ห่าง ๆ อยู่ เราไปบ้านเขา ญาติผู้ใหญ่ฝั่งเขารับรู้ว่าคบกับเรา ตลอดเวลาที่คบกัน เขาจะขอเงินเรา ทั้ง ๆ ที่เราเป็นแค่นักศึกษาคนนึง แต่เขามีงานทำ เคยโอนกลับมาให้เราบ้าง แต่มันเทียบไม่ได้กับที่เราโอนให้ เช่น เราให้ 500 เขาโอนกลับมา 100
จนรู้ว่าท้องเราก็บอกเขา อย่างที่บอกตอนแรกเขาบอกไม่ใช่ลูกเขา ทีนี้ก็ปรับความเข้าใจกัน เขาบอกรักลูก ไม่อยากให้เอาลูกออก นั่นนี่ เพราะตอนแรกเราบอก หาเงินช่วยได้มั้ย นี่ยังไม่พร้อมต้องการที่จะเอาออก แล้วเราฝึกงานเสร็จกลับมาอยู่บ้าน เขาเปลี่ยนไป โทรหาไม่รับบ้าง หายไปเป็นวัน จนต้นเดือน ธ.ค. เราโกหกว่าแท้งลูกนะ ลูกไม่อยู่แล้ว เขายิ่งหนักไม่ตอบแชทเลย หายไป จะโทรมาแค่เวลาอยากได้เงิน 50 100 ก็เอา ขอแค่ได้ จนมีวันนึง อยู่ ๆ เขาก็บอกว่าเข้าไปเปลี่ยนรหัสเฟซให้หน่อย ทั้ง ๆ ที่คบกันมาไม่เคยได้รหัสเฟซเขาเลย เราเปลี่ยนให้ แล้วด้วยความอยากรู้ ว่าเขาคุยกับใครบ้าง ก็ไปกดค้นแชท
1.เขาลบแชทที่คุยกับเราออกทั้งหมดเลย
2.เขาคุยกับเพื่อนเขา แล้วแคปแชทที่คุยกับแฟนเก่าตอนนั้นซึ่งเป็นเวลาที่เขากับเราพึ่งคบกัน (เรามาหลังผู้หญิงคนนั้นแค่ไม่กี่วัน)
3.เขาคุยกับพี่คนนึงแล้วบอกจะพาน้องสะไภ้ไปหา ทั้ง ๆ ที่ตอนนั้นเราไม่ได้คุยกับเขาเลย แล้วเป็นช่วงที่เขารู้ว่าเราท้องแล้ว
4.เขาเติมเกมแล้วบังเอิญแคปแชทที่คุยกับผู้หญิงคนที่ 1 ผู้หญิงคนนั้นโอนเงินให้เขา แล้วพูดกันเชิงคนรัก ผู้หญิงคนที่
5.เขาซื้อรองเท้าให้คนที่อยู่ในข้อที่ 3,4 (เป็นครเดียวกัน)ราคา 1,000 กว่าบาท ทั้ง ๆ เราไม่เคยได้อะไรจากเขา เงินพาลูกไปหาหมอแต่ละครั้ง เป็นเราทั้งหมด เขาไม่เคยออกช่วยสักบาท
6.มีผู้หญิงคนที่ 2 ทักแชทเฟซบุ๊คมาหาเขาว่า มีเมียแล้วทำไมมาหลอก แล้วบอกให้เขาโอนตังค์คืนให้
เหตุการณ์ทั้งหมด มันเกิดขึ้นในตอนที่เราท้อง
พอเราจับได้ว่า ผู้หญิงพวกนี้เขาเป็นใคร เขาไม่ตอบ บอกแค่ว่าเห็นไหมว่าเขาทวงหนี้ แค่นี้ พอมาอีกวันก็ทะเลาะกันเรื่องเดิม เราเลยถามว่าแล้วผู้หญิงคนที่ 1 ล่ะเป็นใคร เขาคงโมโหที่เราถามซ้ำ ๆ แล้วตอบกลับว่าก็เมียกู ทำไม จะทำไม มันสิทธิ์ของกู บอกเราไปตา*ย ถามเราว่าจะยุ่งในเฟซเขาทำไมแค่บอกให้เปลี่ยนรหัสให้แค่นั้น บอกเลิกเรา แล้วเราขอร้องเขาว่าปีใหม่ที่ว่าจะมาเจอกัน ขอเจอได้มั้ย ขอเป็นครั้งสุดท้าย แล้วอย่าพึ่งบล็อกเรา ขอเราเรียนจบก่อนถ้ามันไม่ดีขึ้นจะถอยเอง แต่เขา บล็อกเราทุกช่องทาง แล้วครึ่งวันหลังปลดบล็อกแล้วโทรมาย้ำว่าให้ทำใจ ไม่ต้องโทรมา ไม่ต้องเอาเบอร์ใครโทรมา เพราะจะบล็อกไว้ทั้งหมด แล้วเราก็เลยขอเขาไว้ว่าที่ขอไปให้ได้มั้ย ถ้ามันไม่ดีขึ้น จะถอยเอง เขาก็ยอมนะ ปลดบล็อกแค่ไลน์ให้ ให้ติดต่อกันแค่ช่องทางนี้ แต่. . .อยู่ดี ๆ เขาก็ทักมาด่าเราว่าเป็นเพราะเราผู้หญิงคนที่ 1 ไม่ยอมคุยกับเขา ไม่ตอบแชทเขา(พอเรารู้ว่าผู้หญิงคนนั้นคือใครเราเลยทักหาผู้หญิงคนนั้นว่าเขาคือแฟนเรานะ) ด่าเราให้ไปตา*ยอีกครั้ง ว่าเรื่องทั้งหมดมันเกิดเพราะเรา ด้วยอารมณ์ตอนนั้นที่เสียใจและอารมณ์คุณแม่ที่มันสวิงอยู่แล้ว ก็เลยด่ากราดไปหมด ทะเลาะอยู่พักใหญ่ เราหลุดปากไปว่า เราไม่ได้แท้งลูก ลูกยังนอนอยู่ในท้องเราสบายใจอยู่เลย เขาก็งงว่าทำไมตอนแรกบอกว่าแท้งลูก สรุปลูกยังอยู่ใช่มั้ย (แผนนี้คือเพื่อนเราคิดให้ว่าให้โกหกเขา ขอบคุณเพื่อนมากที่ทำให้เราตาสว่าง) เราเลยตอบว่าใช่ แต่ตอนนั้นเราทั้งรักทั้งเกลียด เลยบอกไปว่า ถ้ามันไม่มีอะไรดีขึ้น เราจะถอยแล้วเราจะบล็อกเขาทุกช่องทางเอง ค่าเลี้ยงดู จะไม่เรียกร้องอะไร จะไม่ให้ใครพูดถึงเขา จะไม่ให้ใครบอกว่าพ่อของลูกคือใคร เราจะเลี้ยงลูกเอง แต่เขากลับลำ บอกรักลูก แล้วบอกจะไม่ทำอีกเด็ดขาด เราเลยยื่นคำขาดให้เขา ว่าให้ไปเคลียร์กับผู้หญิงทั้งหมด เราจะลืมทุกอย่างที่เขาทำกับเรา เราพร้อมให้อภัยแล้วพร้อมเริ่มต้นใหม่ เพราะยังรักแล้วมีลูกอีกด้วย แต่ใจเราตอนนี้เริ่มทำใจแล้วบอกตัวเองว่า ปีใหม่นี้จะได้เจอเขาถ้ารู้ว่าเขายังไม่เลิกกับใครเลย เราคงต้องตัดขาดกับเขาแบบจริงจัง จะไม่รอจนถึงเรียนจบ (เรียนจบ กลางเดือน ก.พ.) จะทำให้เขาติดต่อเราไม่ได้ เพราะเราไม่อยากมีปัญหาเรื่องที่ว่า แฟนใหม่เขาว่าลูกเรา ว่าเรา มันจะลามถึงพ่อแม่ด้วย เดี๋ยวจะมีคำพูดที่ว่าเอาลูกมาเป็นข้ออ้างเพื่อติดต่อเขา อยากได้เงินกับเขา
เราไม่เดือดร้อนเรื่องเงิน พ่อเราเขาดูแลได้ แล้วตุลาปีหน้าเรามีติดสัญญาที่ต้องไปทำงานญี่ปุ่น 3 ปี เงินเดือนพ่อ+เราคงจะทำให้เด็กน้อยคนนี้อยู่อย่างไม่ขัดสนได้ เราเลยคิดว่าถ้าไม่ปรับปรุงตัวเราจะต้องตัดขาดอย่างจริงจัง
แต่มีแว็บแรกที่เราคิดว่า ไม่น่าบอกเขาว่าลูกยังอยู่เลย น่าจะให้มันจบตั้งแต่ตอนนั้น เพราะเราเริ่มทำใจได้บ้างแล้ว
แม่ ๆ บ้านอื่นว่าเราตัดสินใจดีแล้วหรือป่าวคะ
แต่ตอนนี้พ่อแม่ฝั่งเราก็ยังไม่รู้ว่าเราท้องเลย ถึงตอนคลอดออกมา คงจะได้เอาเรื่องไปทำงานญี่ปุ่นมาช่วยด้วย ว่าอย่างน้อยเราก็ไปทำงานไกลบ้าน หาเงินมาช่วยซัพพอร์ตที่บ้านอีกทีนึง
เลิกกับพ่อของลูกตอนท้อง ไม่อยากให้เขาติดต่อมา อยากตัดขาด
จนรู้ว่าท้องเราก็บอกเขา อย่างที่บอกตอนแรกเขาบอกไม่ใช่ลูกเขา ทีนี้ก็ปรับความเข้าใจกัน เขาบอกรักลูก ไม่อยากให้เอาลูกออก นั่นนี่ เพราะตอนแรกเราบอก หาเงินช่วยได้มั้ย นี่ยังไม่พร้อมต้องการที่จะเอาออก แล้วเราฝึกงานเสร็จกลับมาอยู่บ้าน เขาเปลี่ยนไป โทรหาไม่รับบ้าง หายไปเป็นวัน จนต้นเดือน ธ.ค. เราโกหกว่าแท้งลูกนะ ลูกไม่อยู่แล้ว เขายิ่งหนักไม่ตอบแชทเลย หายไป จะโทรมาแค่เวลาอยากได้เงิน 50 100 ก็เอา ขอแค่ได้ จนมีวันนึง อยู่ ๆ เขาก็บอกว่าเข้าไปเปลี่ยนรหัสเฟซให้หน่อย ทั้ง ๆ ที่คบกันมาไม่เคยได้รหัสเฟซเขาเลย เราเปลี่ยนให้ แล้วด้วยความอยากรู้ ว่าเขาคุยกับใครบ้าง ก็ไปกดค้นแชท
1.เขาลบแชทที่คุยกับเราออกทั้งหมดเลย
2.เขาคุยกับเพื่อนเขา แล้วแคปแชทที่คุยกับแฟนเก่าตอนนั้นซึ่งเป็นเวลาที่เขากับเราพึ่งคบกัน (เรามาหลังผู้หญิงคนนั้นแค่ไม่กี่วัน)
3.เขาคุยกับพี่คนนึงแล้วบอกจะพาน้องสะไภ้ไปหา ทั้ง ๆ ที่ตอนนั้นเราไม่ได้คุยกับเขาเลย แล้วเป็นช่วงที่เขารู้ว่าเราท้องแล้ว
4.เขาเติมเกมแล้วบังเอิญแคปแชทที่คุยกับผู้หญิงคนที่ 1 ผู้หญิงคนนั้นโอนเงินให้เขา แล้วพูดกันเชิงคนรัก ผู้หญิงคนที่
5.เขาซื้อรองเท้าให้คนที่อยู่ในข้อที่ 3,4 (เป็นครเดียวกัน)ราคา 1,000 กว่าบาท ทั้ง ๆ เราไม่เคยได้อะไรจากเขา เงินพาลูกไปหาหมอแต่ละครั้ง เป็นเราทั้งหมด เขาไม่เคยออกช่วยสักบาท
6.มีผู้หญิงคนที่ 2 ทักแชทเฟซบุ๊คมาหาเขาว่า มีเมียแล้วทำไมมาหลอก แล้วบอกให้เขาโอนตังค์คืนให้
เหตุการณ์ทั้งหมด มันเกิดขึ้นในตอนที่เราท้อง
พอเราจับได้ว่า ผู้หญิงพวกนี้เขาเป็นใคร เขาไม่ตอบ บอกแค่ว่าเห็นไหมว่าเขาทวงหนี้ แค่นี้ พอมาอีกวันก็ทะเลาะกันเรื่องเดิม เราเลยถามว่าแล้วผู้หญิงคนที่ 1 ล่ะเป็นใคร เขาคงโมโหที่เราถามซ้ำ ๆ แล้วตอบกลับว่าก็เมียกู ทำไม จะทำไม มันสิทธิ์ของกู บอกเราไปตา*ย ถามเราว่าจะยุ่งในเฟซเขาทำไมแค่บอกให้เปลี่ยนรหัสให้แค่นั้น บอกเลิกเรา แล้วเราขอร้องเขาว่าปีใหม่ที่ว่าจะมาเจอกัน ขอเจอได้มั้ย ขอเป็นครั้งสุดท้าย แล้วอย่าพึ่งบล็อกเรา ขอเราเรียนจบก่อนถ้ามันไม่ดีขึ้นจะถอยเอง แต่เขา บล็อกเราทุกช่องทาง แล้วครึ่งวันหลังปลดบล็อกแล้วโทรมาย้ำว่าให้ทำใจ ไม่ต้องโทรมา ไม่ต้องเอาเบอร์ใครโทรมา เพราะจะบล็อกไว้ทั้งหมด แล้วเราก็เลยขอเขาไว้ว่าที่ขอไปให้ได้มั้ย ถ้ามันไม่ดีขึ้น จะถอยเอง เขาก็ยอมนะ ปลดบล็อกแค่ไลน์ให้ ให้ติดต่อกันแค่ช่องทางนี้ แต่. . .อยู่ดี ๆ เขาก็ทักมาด่าเราว่าเป็นเพราะเราผู้หญิงคนที่ 1 ไม่ยอมคุยกับเขา ไม่ตอบแชทเขา(พอเรารู้ว่าผู้หญิงคนนั้นคือใครเราเลยทักหาผู้หญิงคนนั้นว่าเขาคือแฟนเรานะ) ด่าเราให้ไปตา*ยอีกครั้ง ว่าเรื่องทั้งหมดมันเกิดเพราะเรา ด้วยอารมณ์ตอนนั้นที่เสียใจและอารมณ์คุณแม่ที่มันสวิงอยู่แล้ว ก็เลยด่ากราดไปหมด ทะเลาะอยู่พักใหญ่ เราหลุดปากไปว่า เราไม่ได้แท้งลูก ลูกยังนอนอยู่ในท้องเราสบายใจอยู่เลย เขาก็งงว่าทำไมตอนแรกบอกว่าแท้งลูก สรุปลูกยังอยู่ใช่มั้ย (แผนนี้คือเพื่อนเราคิดให้ว่าให้โกหกเขา ขอบคุณเพื่อนมากที่ทำให้เราตาสว่าง) เราเลยตอบว่าใช่ แต่ตอนนั้นเราทั้งรักทั้งเกลียด เลยบอกไปว่า ถ้ามันไม่มีอะไรดีขึ้น เราจะถอยแล้วเราจะบล็อกเขาทุกช่องทางเอง ค่าเลี้ยงดู จะไม่เรียกร้องอะไร จะไม่ให้ใครพูดถึงเขา จะไม่ให้ใครบอกว่าพ่อของลูกคือใคร เราจะเลี้ยงลูกเอง แต่เขากลับลำ บอกรักลูก แล้วบอกจะไม่ทำอีกเด็ดขาด เราเลยยื่นคำขาดให้เขา ว่าให้ไปเคลียร์กับผู้หญิงทั้งหมด เราจะลืมทุกอย่างที่เขาทำกับเรา เราพร้อมให้อภัยแล้วพร้อมเริ่มต้นใหม่ เพราะยังรักแล้วมีลูกอีกด้วย แต่ใจเราตอนนี้เริ่มทำใจแล้วบอกตัวเองว่า ปีใหม่นี้จะได้เจอเขาถ้ารู้ว่าเขายังไม่เลิกกับใครเลย เราคงต้องตัดขาดกับเขาแบบจริงจัง จะไม่รอจนถึงเรียนจบ (เรียนจบ กลางเดือน ก.พ.) จะทำให้เขาติดต่อเราไม่ได้ เพราะเราไม่อยากมีปัญหาเรื่องที่ว่า แฟนใหม่เขาว่าลูกเรา ว่าเรา มันจะลามถึงพ่อแม่ด้วย เดี๋ยวจะมีคำพูดที่ว่าเอาลูกมาเป็นข้ออ้างเพื่อติดต่อเขา อยากได้เงินกับเขา
เราไม่เดือดร้อนเรื่องเงิน พ่อเราเขาดูแลได้ แล้วตุลาปีหน้าเรามีติดสัญญาที่ต้องไปทำงานญี่ปุ่น 3 ปี เงินเดือนพ่อ+เราคงจะทำให้เด็กน้อยคนนี้อยู่อย่างไม่ขัดสนได้ เราเลยคิดว่าถ้าไม่ปรับปรุงตัวเราจะต้องตัดขาดอย่างจริงจัง
แต่มีแว็บแรกที่เราคิดว่า ไม่น่าบอกเขาว่าลูกยังอยู่เลย น่าจะให้มันจบตั้งแต่ตอนนั้น เพราะเราเริ่มทำใจได้บ้างแล้ว
แม่ ๆ บ้านอื่นว่าเราตัดสินใจดีแล้วหรือป่าวคะ
แต่ตอนนี้พ่อแม่ฝั่งเราก็ยังไม่รู้ว่าเราท้องเลย ถึงตอนคลอดออกมา คงจะได้เอาเรื่องไปทำงานญี่ปุ่นมาช่วยด้วย ว่าอย่างน้อยเราก็ไปทำงานไกลบ้าน หาเงินมาช่วยซัพพอร์ตที่บ้านอีกทีนึง