สวัสดีครับอยากมาระบายให้เพื่อนๆ พี่ฟังตอนนี้ผมอายุ 31 ปีแล้ว ยังเป๋ไปเป๋มาอยู่เลยครับ
ย้อนกลับไปเมื่อ 3 ปีกว่า ๆ ผมได้มาบรรจุรับราชการที่ กทม. ตอนนั้นผมเข้ากรุงครั้งแรกเลยครับ เงินเดือน 15,000 ซึ่งตอนนั้นในมุมมองผมก็ถือว่ารายได้ดีกว่าคนวัยเดียวที่อยู่ ตจว ครับ และไม่มีหนี้สินอะไรสักอย่างก็ทำงานเรื่อยๆ ใช้ชีวิตกินเที่ยวไปตามประสา และก็รับรู้ว่าค่าใช้จ่ายใน กทม เยอะและสังคมของผมก็เยอะมากไปด้วยครับรู้จักคนมาย
คราวนี้พอผมเริ่มคลุกคลีสังคมใน กทม เพื่อนฝูงผมเงินเดือนค่อนข้างสูง และรู้ว่าแต่ละคนทำงานอย่างมีเป้าหมายต่างจากตัวผมลอยไปลอยมา ชิลๆ เพราะสังคมที่บ้านผมเขาจะใช้ชีวิตตามอรรถภาพ ไม่ค่อยดิ้นรนอะไรกัน ผมจึงเริ่มฉุกคิดและเริ่มทำธุรกิจออนไลน์ซื้อขายหนังสือการ์ตูนเล็กๆ ซึ่งก็ได้เงินมาพอใช้จ่ายค่าที่อยู่อาศัยอะไรต่างๆ จนเริ่มเข้าสู้ช่วงรับจากเล่นเกมส์ NFT (ช่วงที่บูมๆ) หลังจากที่รับจ้างจากเจ้านายของแม่รายได้ต่อเดือนผมเริ่มทวีคูณขึ้นไปอีก และเริ่มลงทุนเองจนได้เงินมาใช้วันจากวันแบบไม่ขาดสายเลยครับ ได้วันละ 3 - 5 พัน ซึ่งรายได้ต่อเดือนเยอะมาก และกระจายไปลงทุนเพิ่มหลายๆ ตัว จนผมกับพี่ชายมีมูลค่าทรัพย์สินรวมกันหลักล้านครับ
จนเกิดวิกฤตการณ์ Rug pull ทำให้คน Panic ขายทิ้งมูลค่าต่ำเตี่ยเรี่ยดิน แต่ละตัวที่ลงทุนก็ค่อยๆ ล้ม ตอนนั้นผมจึงได้กู้เงิน 200k มาเผื่อพยุงพอร์ตและกระจายความเสี่ยงตัวอื่นยื้อมาเรื่อยๆ จนทรัพย์สินที่มีมูลค่าหลักแสนขายเป็นเหลือแค่หลักหน่วย ผมก็หน้ามืดเลยครับ และด้วยเงินเดือนอันน้อยนิดของผม บวก กับผมไม่เคยก่อหนี้สินทำให้ผมเครียดและมองไปหางานเอกชน จึงได้ทะเลาะกับทางบ้านและลาออกจากราชการ ทิ้งอายุงาน 2 ปี มาทำงานกับเพื่อน
หลังจากที่ออกมาทำเอกชน (เป็นเซลล์ของธนาคาร) เงินเดือนก็ถือว่าตอบโจทย์มากกว่าราชการเท่าตัว แต่ที่แลกมาคือความเครียดกลับมาถึงที่พักคือไม่เห็นตะวัน สลบ หมดแรง บางทีได้พักทานข้าวแค่ 15 นาที จนผมคิดว่าไม่ไหวแน่เพราะผมยังอยากมีเวลาอ่านหนังสือหาความรู้เรื่องต่างๆ + กับคิดว่าระยะยาวผมคงติดแหงก กทม แน่ๆ และอาจะไปไม่ถึง Manager ผมจึงลาออกมารับจ้างไปเรื่อยครับ รายวันผมก็เอา ได้วันละ 400 ยืนทั้งวันวันละ 12 ชม โหดมากครับ แต่ผมก็เพิ่งรู้ว่าแค่งานรายวันคนยังแย่งกันทำงาน แสดงว่าใน กทม มีคนที่ยังไม่มีโอกาสทำงานดีๆอีกเยอะ และผมเอาเวลาที่เหลืออ่านหนังสือไปด้วยคิดว่าจะกลับมาสอบราชการอีกรอบ ในระหว่างนั้นเงินก็เริ่มหดหายหนี้สินจากบัตรก็เริ่มเอามาหมุนในการขายของออกไลน์สรุปเจ๊งอีกครับ
ผมเล็งหน่วยงานราชการที่เป็นองค์กรอิสระ หรือหน่วยงานที่มีค่าตอบแทนพิเศษตามกฏหมาย และสวัสดิการที่ดีกว่าหน่วยงานทั่วไปครับ และผมก็เตรียมตัวมาอย่างดีจนผมสอบติดหน่วยงานอิสระรอบแรกจากคู่แข่ง 3000 กว่าคน ในปี 2566 นี้ครับ เงินเดือนก็เหมือนเดิมครับ 15k ค่าตอบแทนอีก 6000 แต่กว่าค่าตอบแทนจะได้ช่างยาวนานเหลือเดินครับตกเบิก พย ปีหน้า แถมยังมีหนี้สิน + ค่าหอพักรวมทั้งหมดเดือนละ 13k ++ เงินเดือนออกมาคือหมดครับไม่เหลือสักบาท ดีผมยังทำงานพิเศษกับชาวต่างชาติได้เดือนละ 3400 กับขับ Bolt เดือนละ 3 4 พัน ถึงจะพอเอามาใช้จ่ายในชีวิตประจำวันได้เพราะแต่ละวันค่าใช้จ่ายหยิบย่อยมากครับ
ตอนนี้ผมหัวมาเริ่มขายไฟล์ดิจิทัลต่างๆ เพื่อเป็นงานเสริมอีกแต่ขายยังไม่ค่อยออกอาจจะเพราะเพิ่งเริ่มต้น และผมก็พยายามหนักมากให้ชีวิตดีขึ้นอยากปลดหนี้ให้ไวจะได้เริ่มต้นใหม่ได้ แต่ดันมาโดนโดนโกงค่า Notebook ไปอีกหลักหมื่นเพราะดูไม่ดี + กับหนี้สิ้นที่เหลืออยู่อีกประมาณ 8 หมื่นบาท เลยมองย้อนกลับมาที่ตัวเองว่าอายุตั้งปูนนี้แล้วไม่มีอะไรสักอย่าง งานหลักก็ยั่งไม่นิ่ง คงมีแต่หน้าตาที่อาจจะพอจะถือว่าดีกว่าอย่างอื่น แต่อย่างว่าครับหน้าตาดีแต่ไม่มีตังสาวไหนจะแลครับ ถึงมีคงไม่อยากให้เขามาลำบาก แถมรถยนต์ก็ยังไม่ได้ซื้อเพราะไม่อยากสร้างภาระไรเพิ่ม แต่หลังจากนี้ผมจะได้ที่พักของหน่วยงานราชการแล้วครับ อาจจะช่วยลดภาระค่าเช่าได้ไปเกือบครึ่งหมื่น จนบางทีผมก็เริ่มรู้สึกเหนื่อยและท้อเหมือนทำอะไรติดขัดไปเสียหมด แถมตัวคนเดียวใน กทม อีกครับเพื่อนฝูงหายสาปสูญไปหมดแล้วเหลือแค่คนเดียว
กระทู้นี้อาจจะยาวไปหน่อยนะครับแต่ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน
อายุ 31 แล้ว ยังไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย ล้มเหลวหรือไม่
ย้อนกลับไปเมื่อ 3 ปีกว่า ๆ ผมได้มาบรรจุรับราชการที่ กทม. ตอนนั้นผมเข้ากรุงครั้งแรกเลยครับ เงินเดือน 15,000 ซึ่งตอนนั้นในมุมมองผมก็ถือว่ารายได้ดีกว่าคนวัยเดียวที่อยู่ ตจว ครับ และไม่มีหนี้สินอะไรสักอย่างก็ทำงานเรื่อยๆ ใช้ชีวิตกินเที่ยวไปตามประสา และก็รับรู้ว่าค่าใช้จ่ายใน กทม เยอะและสังคมของผมก็เยอะมากไปด้วยครับรู้จักคนมาย
คราวนี้พอผมเริ่มคลุกคลีสังคมใน กทม เพื่อนฝูงผมเงินเดือนค่อนข้างสูง และรู้ว่าแต่ละคนทำงานอย่างมีเป้าหมายต่างจากตัวผมลอยไปลอยมา ชิลๆ เพราะสังคมที่บ้านผมเขาจะใช้ชีวิตตามอรรถภาพ ไม่ค่อยดิ้นรนอะไรกัน ผมจึงเริ่มฉุกคิดและเริ่มทำธุรกิจออนไลน์ซื้อขายหนังสือการ์ตูนเล็กๆ ซึ่งก็ได้เงินมาพอใช้จ่ายค่าที่อยู่อาศัยอะไรต่างๆ จนเริ่มเข้าสู้ช่วงรับจากเล่นเกมส์ NFT (ช่วงที่บูมๆ) หลังจากที่รับจ้างจากเจ้านายของแม่รายได้ต่อเดือนผมเริ่มทวีคูณขึ้นไปอีก และเริ่มลงทุนเองจนได้เงินมาใช้วันจากวันแบบไม่ขาดสายเลยครับ ได้วันละ 3 - 5 พัน ซึ่งรายได้ต่อเดือนเยอะมาก และกระจายไปลงทุนเพิ่มหลายๆ ตัว จนผมกับพี่ชายมีมูลค่าทรัพย์สินรวมกันหลักล้านครับ
จนเกิดวิกฤตการณ์ Rug pull ทำให้คน Panic ขายทิ้งมูลค่าต่ำเตี่ยเรี่ยดิน แต่ละตัวที่ลงทุนก็ค่อยๆ ล้ม ตอนนั้นผมจึงได้กู้เงิน 200k มาเผื่อพยุงพอร์ตและกระจายความเสี่ยงตัวอื่นยื้อมาเรื่อยๆ จนทรัพย์สินที่มีมูลค่าหลักแสนขายเป็นเหลือแค่หลักหน่วย ผมก็หน้ามืดเลยครับ และด้วยเงินเดือนอันน้อยนิดของผม บวก กับผมไม่เคยก่อหนี้สินทำให้ผมเครียดและมองไปหางานเอกชน จึงได้ทะเลาะกับทางบ้านและลาออกจากราชการ ทิ้งอายุงาน 2 ปี มาทำงานกับเพื่อน
หลังจากที่ออกมาทำเอกชน (เป็นเซลล์ของธนาคาร) เงินเดือนก็ถือว่าตอบโจทย์มากกว่าราชการเท่าตัว แต่ที่แลกมาคือความเครียดกลับมาถึงที่พักคือไม่เห็นตะวัน สลบ หมดแรง บางทีได้พักทานข้าวแค่ 15 นาที จนผมคิดว่าไม่ไหวแน่เพราะผมยังอยากมีเวลาอ่านหนังสือหาความรู้เรื่องต่างๆ + กับคิดว่าระยะยาวผมคงติดแหงก กทม แน่ๆ และอาจะไปไม่ถึง Manager ผมจึงลาออกมารับจ้างไปเรื่อยครับ รายวันผมก็เอา ได้วันละ 400 ยืนทั้งวันวันละ 12 ชม โหดมากครับ แต่ผมก็เพิ่งรู้ว่าแค่งานรายวันคนยังแย่งกันทำงาน แสดงว่าใน กทม มีคนที่ยังไม่มีโอกาสทำงานดีๆอีกเยอะ และผมเอาเวลาที่เหลืออ่านหนังสือไปด้วยคิดว่าจะกลับมาสอบราชการอีกรอบ ในระหว่างนั้นเงินก็เริ่มหดหายหนี้สินจากบัตรก็เริ่มเอามาหมุนในการขายของออกไลน์สรุปเจ๊งอีกครับ
ผมเล็งหน่วยงานราชการที่เป็นองค์กรอิสระ หรือหน่วยงานที่มีค่าตอบแทนพิเศษตามกฏหมาย และสวัสดิการที่ดีกว่าหน่วยงานทั่วไปครับ และผมก็เตรียมตัวมาอย่างดีจนผมสอบติดหน่วยงานอิสระรอบแรกจากคู่แข่ง 3000 กว่าคน ในปี 2566 นี้ครับ เงินเดือนก็เหมือนเดิมครับ 15k ค่าตอบแทนอีก 6000 แต่กว่าค่าตอบแทนจะได้ช่างยาวนานเหลือเดินครับตกเบิก พย ปีหน้า แถมยังมีหนี้สิน + ค่าหอพักรวมทั้งหมดเดือนละ 13k ++ เงินเดือนออกมาคือหมดครับไม่เหลือสักบาท ดีผมยังทำงานพิเศษกับชาวต่างชาติได้เดือนละ 3400 กับขับ Bolt เดือนละ 3 4 พัน ถึงจะพอเอามาใช้จ่ายในชีวิตประจำวันได้เพราะแต่ละวันค่าใช้จ่ายหยิบย่อยมากครับ
ตอนนี้ผมหัวมาเริ่มขายไฟล์ดิจิทัลต่างๆ เพื่อเป็นงานเสริมอีกแต่ขายยังไม่ค่อยออกอาจจะเพราะเพิ่งเริ่มต้น และผมก็พยายามหนักมากให้ชีวิตดีขึ้นอยากปลดหนี้ให้ไวจะได้เริ่มต้นใหม่ได้ แต่ดันมาโดนโดนโกงค่า Notebook ไปอีกหลักหมื่นเพราะดูไม่ดี + กับหนี้สิ้นที่เหลืออยู่อีกประมาณ 8 หมื่นบาท เลยมองย้อนกลับมาที่ตัวเองว่าอายุตั้งปูนนี้แล้วไม่มีอะไรสักอย่าง งานหลักก็ยั่งไม่นิ่ง คงมีแต่หน้าตาที่อาจจะพอจะถือว่าดีกว่าอย่างอื่น แต่อย่างว่าครับหน้าตาดีแต่ไม่มีตังสาวไหนจะแลครับ ถึงมีคงไม่อยากให้เขามาลำบาก แถมรถยนต์ก็ยังไม่ได้ซื้อเพราะไม่อยากสร้างภาระไรเพิ่ม แต่หลังจากนี้ผมจะได้ที่พักของหน่วยงานราชการแล้วครับ อาจจะช่วยลดภาระค่าเช่าได้ไปเกือบครึ่งหมื่น จนบางทีผมก็เริ่มรู้สึกเหนื่อยและท้อเหมือนทำอะไรติดขัดไปเสียหมด แถมตัวคนเดียวใน กทม อีกครับเพื่อนฝูงหายสาปสูญไปหมดแล้วเหลือแค่คนเดียว
กระทู้นี้อาจจะยาวไปหน่อยนะครับแต่ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน