JJNY : 'ไอติม'แนะ รื้อหลักสูตรการศึกษาใหม่│“อนุดิษฐ์”แนะนิรโทษกรรมสร้างปรองดอง│น้ำมันโลกขยับลง│เมียนมาประกาศกฏอัยการศึก

'ไอติม' แนะ รบ. รื้อหลักสูตรการศึกษาใหม่ หลังคะแนน PISA เด็กไทยหล่นท้ายกระดาน
https://www.matichon.co.th/politics/news_4317754

‘ไอติม’ ชี้คะแนน PISA เด็กไทยลดลงทั้งกระดาน สะท้อนการศึกษาเข้าขั้น ‘วิกฤต’ หวังเป็นสัญญาณเตือนภัยให้หน่วยงานเกี่ยวข้องเร่งแก้ไข มองไม่ใช่เพราะเด็กไทยไม่ขยัน แต่ต้นตอแท้จริงคือ ‘ระบบการศึกษา’ แนะ 9 แนวทาง เน้นพัฒนาทักษะ-สมรรถนะ นำไปใช้ได้จริงในอาชีพการงาน-ชีวิต
 
เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล (ก.ก.) โพสต์เฟซบุ๊ก พริษฐ์ วัชรสินธุ – ไอติม – Parit Wacharasindhu  แสดงความเห็นกรณี คะแนนประเมินผลนักเรียนร่วมกับนานาชาติ (Programme for. International Student Assessment 
หรือ PISA) ของนักเรียนไทยปีล่าสุดที่มีค่าเฉลี่ยลดลง ว่า

“คะแนน PISA การศึกษาไทย ลดลงทั้งกระดาน! ถึงเวลาจัดทำหลักสูตรการศึกษาใหม่ฐานสมรรถนะ
 
เมื่อวานนี้ ทาง OECD ได้เผยแพร่ผลสอบ PISA 2022 ซึ่งเป็นการประเมินทักษะของเด็กและตัวชี้วัดคุณภาพระบบการศึกษาของแต่ละประเทศ ที่มีการวัดผลทุกๆ 3 ปี

สำหรับผลล่าสุด คะแนนของเด็กไทยลดลงมาอยู่ในจุดที่ต่ำสุดในรอบ 20 ปี ในทักษะทั้ง 3 ด้านที่มีการประเมิน โดยมีอันดับอยู่ในครึ่งล่างของตารางทั้งในระดับโลกและระดับภูมิภาคอาเซียน:
 
1. คณิตศาสตร์: คะแนนลดลง 6% (อันดับ 58 จาก 81 ประเทศ-พื้นที่ที่เข้าร่วม)
2. การอ่าน: คะแนนลดลง 4% (อันดับ 64 จาก 81 ประเทศ-พื้นที่ที่เข้าร่วม)
3. วิทยาศาสตร์: คะแนนลดลง 4% (อันดับ 58 จาก 81 ประเทศ-พื้นที่ที่เข้าร่วม)
 
ผมเชื่อว่าผลลัพธ์นี้เป็นสิ่งที่หลายคนคาดการณ์ได้ เนื่องจากคุณภาพของระบบการศึกษาไทยมีแนวโน้มถดถอยมาอย่างต่อเนื่องตลอด 10-20 ปีที่ผ่านมา

แต่ผมหวังว่าผลลัพธ์นี้จะเป็นอีก “สัญญาณเตือนภัย” ที่ทำให้ทุกภาคส่วนเห็นชัดว่าการศึกษาไทยกำลังอยู่ในขั้น “วิกฤต”
ผมย้ำเสมอว่าการที่เด็กไทยเรียนหนักเป็นอันดับต้นๆของโลก แต่กลับมีทักษะที่ตามหลังหลายประเทศ สะท้อนให้เห็นชัดว่าปัญหาของการศึกษาไทย ไม่ใช่เพราะเด็กไทยไม่ “ขยัน” แต่เป็นเพราะ “ระบบการศึกษา” ไม่สามารถแปรชั่วโมงเรียน และความขยันของนักเรียนให้ออกมาเป็นทักษะได้อย่างมีประสิทธิภาพเท่ากับระบบการศึกษาของประเทศอื่น
 
แม้การยกระดับคุณภาพการศึกษาไทยจำเป็นต้องอาศัยหลายมาตรการ แต่สิ่งหนึ่งที่ผมมองว่าขาดไม่ได้ คือการ “จัดทำหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานฉบับใหม่” มาแทนที่หลักสูตรปัจจุบันที่ไม่ได้มีการเขียนใหม่หรือปรับปรุงขนานใหญ่มาหลายปี
 
หากวันนี้ก้าวไกลมีโอกาสได้เป็นรัฐบาล เราจะชวนทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง (เช่น ภาควิชาการ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม ครู นักเรียน ผู้ปกครอง) มาร่วมออกแบบหลักสูตรให้เสร็จภายใน 1 ปี (เนื่องจากหลายภาคส่วนมีการพัฒนาข้อเสนอเรื่องหลักสูตรใหม่มาสักพักแล้ว) เพื่อเริ่มทยอยนำมาใช้ในแต่ละระดับชั้นให้ครบทั้งหมดภายในวาระของรัฐบาล
 
ในมุมมองของผม “เป้าหมายหลัก” ของหลักสูตรใหม่ ควรเป็นการเน้นพัฒนาทักษะ-สมรรถนะที่นำไปใช้ได้จริงในอาชีพการงานและในชีวิต โดยผมขอเสนอกรอบเบื้องต้นสำหรับการแลกเปลี่ยนเพิ่มเติมดังต่อไปนี้:
 
1. ปรับวิชาหรือเป้าหมายของวิชาให้สอดคล้องกับเป้าหมายหลัก เรื่องทักษะ-สมรรถนะ – ทบทวนวิชาที่ควรมีหรือไม่มี รวมถึงการปรับเป้าหมายของแต่ละวิชาให้เน้นทักษะที่สำคัญ มากกว่าแค่การอัดฉีดเนื้อหาหรือข้อมูลให้กับผู้เรียนเป็นหลัก (เช่น ภาษาอังกฤษที่เน้นการสื่อสาร / วิชาประวัติศาสตร์ที่เน้นการวิเคราะห์-ถกเถียง-แลกเปลี่ยน)
 
2. ปรับวิธีการสอน – เสริมทักษะให้ครูสามารถพลิกบทบาทจาก “ครูหน้าห้อง” ที่เน้นถ่ายทอดความรู้หรือข้อมูลผ่านการบรรยายทางเดียว มาเป็น “ครูหลังห้อง” ที่เน้นสร้างบรรยากาศและจัดสรรเวลาในห้องเรียนให้นักเรียนได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นมากขึ้น
 
3. ลดจำนวนชั่วโมงเรียนและคาบเรียน-ปรับจาก 1,200 ชั่วโมงต่อปี เหลือประมาณ 800-1,000 ชั่วโมงต่อปีตามมาตรฐานสากล โดยลดเนื้อหาการเรียนหรือกิจกรรมในส่วนที่จำเป็นลง เพื่อเน้นที่คุณภาพของชั่วโมงเรียน และให้นักเรียนเหลือเวลาเพียงพอสำหรับการเรียนรู้นอกห้องเรียนและการพักผ่อน
 
4. ลดภาระการบ้านและการสอบแข่งขันที่หนักเกินไป – ปรับใช้วิธีประเมินผลรูปแบบอื่น (เช่น การบูรณาการการบ้านหลายวิชา การทำกิจกรรมในเวลาเรียน การทำโครงการกลุ่ม) เพื่อลดภาระและความเครียดที่ส่งผลต่อสุขภาพจิตของเยาวชนไทย
 
5. เพิ่มเสรีภาพในการเรียนรู้ – ลดวิชาบังคับ และเพิ่มวิชาทางเลือก ให้นักเรียนได้มีอิสรภาพและส่วนร่วมในการออกแบบเส้นทางการเรียนรู้ของตนเอง เพื่อโอบรับความหลากหลายของผู้เรียนที่มีความถนัดและความชอบที่แตกต่างกัน

6. เพิ่มการตรวจสอบโดยประชาชน – เพิ่มกลไกในการทำให้หนังสือเรียนและข้อสอบปรับตามและสอดรับกับหลักสูตรใหม่ ผ่านการสร้างแพลตฟอร์มให้ประชาชนตรวจสอบเนื้อหาหนังสือเรียน และการเปิดข้อสอบ TCAS ย้อนหลังทั้งหมดพร้อมเฉลย 
 
7. กระจายอำนาจด้านการออกแบบหลักสูตร – วางระบบให้มีหลักสูตร 3 ระดับ (แกนกลาง-จังหวัด-สถานศึกษา) ควบคู่กับการลดกลไกควบคุมจากส่วนกลาง เพื่อให้โรงเรียนมีอำนาจมากขึ้นในการออกแบบหลักสูตรที่สอดคล้องกับความต้องการและความจำเป็นของผู้เรียนในแต่ละโรงเรียน

8. วางกลไกสำหรับการพัฒนาหลักสูตรอย่างต่อเนื่อง – กำหนดให้ทบทวนหลักสูตรแกนกลางทุก 4 ปี เพื่อให้เท่าทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกและทักษะที่จำเป็นในแต่ละยุคสมัย
 
9. ส่งเสริมการเรียนรู้นอกห้องเรียนและการเรียนรู้ตลอดชีวิต – ออกแบบสภาพแวดล้อมและการเรียนการสอนในห้องเรียนที่เอื้อต่อการ “เติมไฟ” ให้นักเรียนมีความพร้อมในการตั้งคำถามและเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ด้วยความตระหนักดีว่าการเรียนรู้ไม่ควรจำกัดอยู่ที่โรงเรียนหรือแค่ในช่วงวัยเรียน
 
https://www.facebook.com/paritw/posts/887872212707565
 

 
“อนุดิษฐ์” 17 ปีแห่งขัดแย้งแนะนิรโทษกรรมสร้างปรองดอง
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_650214/

“อนุดิษฐ์” 17 ปีแห่งขัดแย้ง ทำหลักนิติธรรมสูญหาย ใช้กฎหมายจัดการฝ่ายตรงข้ามการเมือง ยกกรณี “ทักษิณ”ถูกผู้ถืออำนาจรัฐ ตั้งคู่ขัดแย้งพิจารณาคดี แนะนิรโทษกรรมสร้างความปรองดอง
 
น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รองหัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย กล่าวถึง การพิจารณากฎหมายนิรโทษกรรม ซึ่งคาดว่าจะถูกหยิบยกมาพูดคุยในสมัยประชุมที่กำลังจะถึงนี้ว่า การเข้าไปรับโทษตามคำพิพากษาในเรือนจำ เป็นกระบวนการลงโทษผู้กระทำความผิดตามหลักการสากล ใครทำผิดก็ต้องรับโทษทัณฑ์ของตัวเองตามกฎหมาย ซึ่งเป็นเรื่องที่สมควรแล้ว แต่กรณีนี้ คงต้องยกเว้นผู้ที่ถูกดำเนินคดีโดยไม่เป็นไปตามหลักนิติธรรม โดยเฉพาะนักโทษการเมืองทั้งหลายที่ต้องสูญเสียอิสรภาพ หรือ ต้องหลบหนีอยู่ในขณะนี้
 
หลายคนคงจำกันได้ เมื่อคณะรัฐมนตรีได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภาเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2566 ที่ผ่านมา พบว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับการสร้างความสามัคคีปรองดองให้เกิดขึ้นในสังคมไทย และมีนโยบายที่จะฟื้นฟูหลักนิติธรรมที่เข้มแข็ง มีประสิทธิภาพ โปร่งใสและเป็นที่ยอมรับของนานาประเทศ อันเป็นการยอมรับว่า ที่ผ่านมาสังคมไทยยังอยู่ในวังวนของความขัดแย้ง และมิได้ปกครองด้วยหลักนิติธรรม
 
หลักนิติธรรม คือเครื่องมือสำคัญในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง แต่หลักการนี้กลับถูกบิดเบือนจากฝ่ายที่มีอำนาจในอดีต เพื่อใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือจัดการกับฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองของตน ทำให้หลักการสำคัญของกฎหมายอาญา ถูกแก้ไข บิดเบือน หลายเรื่อง เช่น การแต่งตั้ง คตส. ซึ่งเป็นองค์กรที่ซ้ำซ้อนกับ ป.ป.ช. โดยเลือกคู่ขัดแย้งของผู้ถูกกล่าวหามาเป็นคณะทำงาน ทั้งนี้มีเจตนาเพื่อจัดการกับ นายกทักษิณ ชินวัตร และคณะโดยเฉพาะ
 
จากนั้นมีการแก้ไขให้คดีอาญาบางประเภทไม่มีอายุความ และยังให้ศาลมีอำนาจพิจารณาคดีอาญาลับหลังจำเลยได้ และล่าสุดคือ การแก้ไขหลักเกณฑ์การได้รับพระราชทานอภัยโทษอย่างไม่เป็นธรรม ทำให้นักโทษอื่นๆได้รับความเดือดร้อนไปด้วย โดยมีเจตนาเพียงเพื่อไม่ให้นายกทักษิณกลับเข้ามาในประเทศ หรือ หากจะกลับก็ต้องยอมรับโทษตามคำพิพากษา จึงเชื่อได้ว่าการกลับมาของนายกทักษิณ เป็นการจำยอมถูกลงโทษเพื่อจะได้กลับเข้ามาอยู่กับครอบครัว มากกว่าเต็มใจยอมรับการลงโทษโดยดุษฎี” น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าว
 
ตนเห็นด้วยกับแนวคิดของหลายพรรคการเมือง ที่จะใช้กฎหมายนิรโทษกรรมเป็นเครื่องมือแก้ปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองและสร้างความปรองดองให้กับสังคมไทย แต่เห็นเพิ่มเติมว่า การนิรโทษกรรมควรครอบคลุมถึงผู้ที่ได้รับผลกระทบจากกระบวนการทางกฎหมายที่มิได้อยู่บนหลักนิติธรรมด้วย
 
ในขณะเดียวกันรัฐบาลก็ควรเร่งดำเนินการตามนโยบาย ด้วยการแก้ไขกระบวนการทางกฎหมายที่ตราขึ้นโดยขัดต่อหลักนิติธรรมและหลักความยุติธรรมอาญา พร้อมทั้งคืนความถูกต้องชอบธรรมให้กับฝ่ายที่ถูกจัดการด้วยกฎหมายที่ไม่เป็นธรรม เพื่อไม่ให้ประเทศไทยได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่ปกครองด้วยกฏหมาย (Rule by Law) แต่ไม่ได้อยู่บนหลักนิติธรรม ( Rule of Law) ซึ่งขัดกับหลักการอำนวยความยุติธรรมสากลที่ทั่วโลกเขาใช้กัน
 

 
ราคาน้ำมันตลาดโลกขยับลงต่อเนื่อง เฉียดใกล้ระดับต่ำสุดในรอบ 5 เดือน
https://ch3plus.com/news/economy/morning/377510

ราคาน้ำมันวันนี้" (6 ธ.ค.66) อัปเดต ราคาน้ำมันทุกชนิด ทั้ง เบนซิน แก๊สโซฮอล์ ดีเซล จาก 3 ปั๊มน้ำมัน ประกอบด้วย ปตท. , บางจาก และเชลล์ ราคาไม่เปลี่ยนแปลงจากวันก่อน ดีเซล ราคา 29.94 บาท/ลิตร , ดีเซล B7 ราคา 29.94 บาท/ลิตร , แก๊สโซฮอล์ E85 ราคา 33.69 บาท/ลิตร , แก๊สโซฮอล์ E20 ราคา 33.54 บาท/ลิตร , แก๊สโซฮอล์ 91 ราคา 33.88 บาท/ลิตร , แก๊สโซฮอล์ 95 ราคา 35.65 บาท/ลิตร , เบนซิน ราคา 43.54 บาท/ลิตร , ดีเซล พรีเมียม ราคา 41.54 บาท/ลิตร , ซูเปอร์พาวเวอร์ แก๊สโซฮอล์ 95 ราคา 43.84 บาท/ลิตร

ขณะที่ราคาน้ำมันโลก ขยับลงเฉียดใกล้ระดับต่ำสุดในรอบ 5 เดือนในวันอังคาร(5ธ.ค.) ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์และดอลลาร์แข็งค่า ปัจจัยหลังนี้ฉุดทองคำปรับลดจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่วอลล์สตรีทปิดผสมผสาน

น้ำมันดิบเวสต์เทกซัส ลดลง 72 เซนต์ ปิดที่ 72.32 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนท์ทะเลเหนือ ลดลง 83 เซนต์ ปิดที่ 77.20 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ราคาน้ำมันปรับลดต่อเนื่อง แม้มีความเห็นจากรัฐมนตรีพลังงานของซาอุดีอาระเบีย ซึ่งบอกว่าโอเปกพลัสอาจลดกำลังผลิตออกเกินกว่าช่วงไตรมาสแรกของปี 2024 อย่างไรก็ตามอีกด้านหนึ่งรัสเซีย เตือนว่ามาตรการปรับลดกำลังผลิตของโอเปกพลัส ณ ที่ประชุมในสัปดาห์ที่แล้ว ต้องใช้เวลาพอสมควรกว่าจะเห็นผล
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่