คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 62
พอดีว่าวันนี้รู้สึกไม่ค่อยสบาย จะไม่ได้ไล่ตอบทุกคอมเม้นนะคะ แต่อ่านและพิจารณาอย่างถี่ถ้วนอยู่ค่ะ
สิ่งสำคัญอยากแก้ความเข้าใจผิดคือ เราไม่ได้อยากมีรถไว้เอาหน้าเอาสังคมใดๆทั้งสิ้น เราแค่อยากขับรถเป็นค่ะ เราดูราคารถที่ถูกที่สุด มือสองก็หาเรื่อยๆค่ะ จนวันหนึ่งก็คิดว่า ควรจะได้มีได้แล้ว
**เพราะเรากลับไปอยู่ต่างจังหวัดช่วงปลายปีที่ผ่านมา เพราะย่าเราไม่สบายค่ะ เราทำงานกลางวัน WFH ตกเย็นขับมอไซต์ไปโรงพยาบาลที่อำเภอ 27 กิโล ไปนอนเฝ้าย่าที่โรงพยาบาล ตอนเช้า 7 โมงขับมอไซต์กลับมาทำงานต่อ ทางภาคเหนือช่วงปลายปีตอนเช้าหนาวมาก ขับมอไซต์หนาวจนเจ็บหู หมอกก็ลงจัด ขับไวก็ไม่ได้เพราะวิสัยทรรศแย่และที่สำคัญหนาวจนมือแข็งต้องค่อยๆขับประคอง น้องสาวเรามาเปลี่ยนกะอยู่กลางวันแทน แต่น้องมีรถขับค่ะเขาก็ขับมาจะไม่เจอปัญหาแบบเรา พอตอนเย็นเราต้องไปเปลี่ยนฝนก็ตก จนเราเปียกไปหมด มาเปลี่ยนกะน้อง น้องก็ต้องขับไปเอาชุดมาให้เราเปลี่ยนอีกรอบ
ที่เราบอกนี่ไม่ได้จะบอกว่าชีวิตมันรันทดอะไรนะคะ แต่มันคือจุดที่ทำให้เราคิดว่า เราก็โตจนป่านนี้ อาชีพการงานหน้าที่ก็มี แต่ถึงจะมีรถจอดอยู่ที่บ้านก็ไม่มีปัญญาขับ มีเงินเติมเกม(เติมเยอะกว่าค่าผ่อนรถและเติมมานานเกือบจะ3ปี) นั่นแหละค่ะก็เป็นจุดให้เราคิด
เราต้องบอกว่าเราไม่ใช่คนเล่นรถ เราดูแค่ราคา เราจำรุ่นรถแต่ละรุ่นไม่ได้ด้วยซ้ำ เราจำได้แต่ที่มันคุ้นหูเช่น swift, vios, jass อย่างวีออสเราก็ไม่รู้ว่ามันเป็นของโตโยต้าหรือเปล่าด้วยซ้ำเพราะเราจำไม่ได้ รถเก๋งสีขาว สีดำ สีเทา เราจำได้แค่นี้ รถพี่ที่ทำงานขับ แคมรี่ เราก็เพิ่งทราบว่ามันเป็นรถที่ราคาสูง แต่พวกเบนส์ บีเอ็ม อะไรนั่นก็คือรับทราบอยู่แล้วว่ารถยุโรป ของแพง พวกเซกเม้นที่เขาคุยๆกัน เราไม่รู้หมายเลยซักอย่าง เพราะฉะนั้นที่ว่าเราสนหน้าตาอ่ะมันไม่จริง มันจริงแค่ว่าเรารู้สึกภูมิใจเล็กๆว่าเราก็มีรถและที่สำคัญเราขับรถเป็นนะ
เริ่มแรกมันมีโฆษณารถมือสอง รถผู้บริหาร คันละสองแสนนิดๆ มาที่ FB เราก็เลยคุยกับเพื่อนว่าน่าสนใจจะซื้อ แต่เพื่อนเขาก็รถมือสองอย่าเล่นเลย เราไม่รู้เรื่องรถ ถ้ามันมีปัญหาเราจะจัดการลำบาก ให้ไปเล่นรถมือหนึ่ง เราก็เลยหาโดยหาที่ราคาถูกที่สุด เพราะเราคิดว่าเราอยากได้รถมาขับ ไม่ได้อยากเอามาโก้เก๋อะไร
ที่ว่าทำไมมันดอกแพง (มันคือความรู้น้อยของเราเองค่ะ ไม่โทษใคร) เพราะเราก็เล็งๆถามเซลส์ตั้งแต่ธันวาคมแล้ว ดอกมัน 2นิดๆ แถมบัตรน้ำมัน 5,000 วางเงินดาว 20,000 ถ้าจำไม่ผิดจะมีงานปลายปีอะไรซักอย่าง คือเราก็จำไม่ได้เป๊ะๆนะคะ แต่เราก็ไม่ได้ซื้อ เพราะเราก็ดูๆไปก่อน แต่พอมกราคม ดอกมันขึ้นมา 3.18% สำหรับฟรีดาวน์ แต่เพราะเดือนกุมภาเหมือนจะเริ่มคิดดอกแบบใหม่คือแบบ ลดต้นลดดอก แล้วที่เซลส์เอาให้แต่ละแพ็คเก็จคือดอกสูงมาก เราก็ต้องชั่งใจเพราะไม่อยากเสียดอกเยอะ แต่เขามีส่วนลดให้ 20,000 บาท และเราก็คาดการณ์ (หรือโดนกล่อม ว่าดอกมันจะขึ้นสูงอีกแน่ๆ) เราก็เลยตัดสินใจซื้อเดือนมกราคม รับรถเดือนกุมภา ด้วย ฟรีดาวน์ ส่วนลด 20,000 แต่ถ้าเราวางเงินดาวน์เราจะได้ดอกลดลง ตอนแรกตั้งใจว่าจะวางเงินดาวน์ แต่ตอนนั้นเราคิดคำนวณยอด+ดอกเบี้ยแล้ว หักค่าส่วนลดเราว่าคุ้มแบบไม่ต้องวางเงินดาวน์ เราก็ตัดสินใจยืนยันเงื่อนไขตามนั้น แต่ แต่ แต่ ที่เราคิดว่าตัวเองได้เปรียบ เพิ่งมาเอ๊ะใจตรงเรามาคำนวนยอดเงินเอง (ตอนแรกคำนวณยอดรวม แต่ลืมรีเช็คคำนวณยอดแต่ละเดือนว่ามันใช่แบบที่เราคิดจริงไหม ทั้งที่เซลส์ก็ส่งราคาต่องวดมาให้) ว่าทำไมได้ยอดไม่เท่ากัน ปรากฏว่าการคิดดอกของรถยนต์มันไม่ได้คิดเหมือนของขายอย่างอื่นค่ะ กลายเป็นเสียรู้เพราะความไม่รู้และคิดไปเองว่าเราน่าจะได้เปรียบ ตอนนั้นคืออยากจะโขกหัวตัวเองเหมือนกันว่าพลาดได้ไง
แต่เนื่องจากเราก็ซื้อประกันกับไฟแนนซ์ที่เรากู้และจ่ายเงินสด เขาก็เลยลดดอกให้เหลือ 3% ถ้วนๆ มันก็เลยได้ราคานี้ค่ะ (เอาจริงๆที่มีคนบอกว่าดอก 0% เนี่ย รถรุ่นเราก็ยังไม่เคยเห็นนะ นอกจากจะเห็นพวกเงื่อนไขดาวน์เยอะๆ)
ส่วนปัญหาอื่นๆ อาจจะเพราะเราไม่ได้ใช้รถเท่าไหร่ พอต้องจ่ายในสิ่งที่ไม่ได้ใช้ก็รู้สึกว่ารายจ่ายมันเริ่มจะมากไปแล้ว แล้วมาอ่านๆตามคิดเห็นแต่ละท่านดูแล้ว เราก็คิดว่า ขายออกก็คงจะไม่คุ้มหรอก เพราะมันสายเกินไปแล้ว และก็ไม่พ้นโดนโขกราคา อีกอย่างรถมันยังไม่ถึงปีจะเปลี่ยนสัญญาคงไม่ได้ และกุมภาปีหน้าเราก็ยังจะต้องจ่ายค่าประกันและเข้าศูยน์เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องอีก คือยังไงก็ต้องจ่ายแน่ๆ
แต่ปีหน้าเราก็ยังคิดว่าเรายังคุมรายจ่ายทั้งหมดได้อยู่ (กัดฟัน) (ถึงแม้อาจจะทำให้เราเครียดตัวเองไปบ้าง) ยังคงสามารถแบ่งเก็บเงินสำหรับค่าใช้จ่ายปีที่ต้องมีทุกปี (ประกันชีวิต2เล่ม+ค่าที่นา) มีการแบ่งเงินมาซื้อสลากออมสินได้อยู่ เพียงแต่กิเลศอื่นใดที่ต้องใช้เงินเยอะก็ต้องตัดออก คงต้องหาทางใช้รถมากขึ้น (เคยขับไปกับเพื่อนไกลสุดคือนครปฐมค่ะ) จนกว่าจะมีทางออกที่ดีกว่านี้ (เช่น หางานเสริมได้ สาธุสาธุ) หรือ (เจอแจ็คพอตมีคนรับรถต่อพร้อมให้เงินสดไว้ปลอบใจ 555)
ยังไงก็ขอบคุณทุกท่านมากนะคะ
สิ่งสำคัญอยากแก้ความเข้าใจผิดคือ เราไม่ได้อยากมีรถไว้เอาหน้าเอาสังคมใดๆทั้งสิ้น เราแค่อยากขับรถเป็นค่ะ เราดูราคารถที่ถูกที่สุด มือสองก็หาเรื่อยๆค่ะ จนวันหนึ่งก็คิดว่า ควรจะได้มีได้แล้ว
**เพราะเรากลับไปอยู่ต่างจังหวัดช่วงปลายปีที่ผ่านมา เพราะย่าเราไม่สบายค่ะ เราทำงานกลางวัน WFH ตกเย็นขับมอไซต์ไปโรงพยาบาลที่อำเภอ 27 กิโล ไปนอนเฝ้าย่าที่โรงพยาบาล ตอนเช้า 7 โมงขับมอไซต์กลับมาทำงานต่อ ทางภาคเหนือช่วงปลายปีตอนเช้าหนาวมาก ขับมอไซต์หนาวจนเจ็บหู หมอกก็ลงจัด ขับไวก็ไม่ได้เพราะวิสัยทรรศแย่และที่สำคัญหนาวจนมือแข็งต้องค่อยๆขับประคอง น้องสาวเรามาเปลี่ยนกะอยู่กลางวันแทน แต่น้องมีรถขับค่ะเขาก็ขับมาจะไม่เจอปัญหาแบบเรา พอตอนเย็นเราต้องไปเปลี่ยนฝนก็ตก จนเราเปียกไปหมด มาเปลี่ยนกะน้อง น้องก็ต้องขับไปเอาชุดมาให้เราเปลี่ยนอีกรอบ
ที่เราบอกนี่ไม่ได้จะบอกว่าชีวิตมันรันทดอะไรนะคะ แต่มันคือจุดที่ทำให้เราคิดว่า เราก็โตจนป่านนี้ อาชีพการงานหน้าที่ก็มี แต่ถึงจะมีรถจอดอยู่ที่บ้านก็ไม่มีปัญญาขับ มีเงินเติมเกม(เติมเยอะกว่าค่าผ่อนรถและเติมมานานเกือบจะ3ปี) นั่นแหละค่ะก็เป็นจุดให้เราคิด
เราต้องบอกว่าเราไม่ใช่คนเล่นรถ เราดูแค่ราคา เราจำรุ่นรถแต่ละรุ่นไม่ได้ด้วยซ้ำ เราจำได้แต่ที่มันคุ้นหูเช่น swift, vios, jass อย่างวีออสเราก็ไม่รู้ว่ามันเป็นของโตโยต้าหรือเปล่าด้วยซ้ำเพราะเราจำไม่ได้ รถเก๋งสีขาว สีดำ สีเทา เราจำได้แค่นี้ รถพี่ที่ทำงานขับ แคมรี่ เราก็เพิ่งทราบว่ามันเป็นรถที่ราคาสูง แต่พวกเบนส์ บีเอ็ม อะไรนั่นก็คือรับทราบอยู่แล้วว่ารถยุโรป ของแพง พวกเซกเม้นที่เขาคุยๆกัน เราไม่รู้หมายเลยซักอย่าง เพราะฉะนั้นที่ว่าเราสนหน้าตาอ่ะมันไม่จริง มันจริงแค่ว่าเรารู้สึกภูมิใจเล็กๆว่าเราก็มีรถและที่สำคัญเราขับรถเป็นนะ
เริ่มแรกมันมีโฆษณารถมือสอง รถผู้บริหาร คันละสองแสนนิดๆ มาที่ FB เราก็เลยคุยกับเพื่อนว่าน่าสนใจจะซื้อ แต่เพื่อนเขาก็รถมือสองอย่าเล่นเลย เราไม่รู้เรื่องรถ ถ้ามันมีปัญหาเราจะจัดการลำบาก ให้ไปเล่นรถมือหนึ่ง เราก็เลยหาโดยหาที่ราคาถูกที่สุด เพราะเราคิดว่าเราอยากได้รถมาขับ ไม่ได้อยากเอามาโก้เก๋อะไร
ที่ว่าทำไมมันดอกแพง (มันคือความรู้น้อยของเราเองค่ะ ไม่โทษใคร) เพราะเราก็เล็งๆถามเซลส์ตั้งแต่ธันวาคมแล้ว ดอกมัน 2นิดๆ แถมบัตรน้ำมัน 5,000 วางเงินดาว 20,000 ถ้าจำไม่ผิดจะมีงานปลายปีอะไรซักอย่าง คือเราก็จำไม่ได้เป๊ะๆนะคะ แต่เราก็ไม่ได้ซื้อ เพราะเราก็ดูๆไปก่อน แต่พอมกราคม ดอกมันขึ้นมา 3.18% สำหรับฟรีดาวน์ แต่เพราะเดือนกุมภาเหมือนจะเริ่มคิดดอกแบบใหม่คือแบบ ลดต้นลดดอก แล้วที่เซลส์เอาให้แต่ละแพ็คเก็จคือดอกสูงมาก เราก็ต้องชั่งใจเพราะไม่อยากเสียดอกเยอะ แต่เขามีส่วนลดให้ 20,000 บาท และเราก็คาดการณ์ (หรือโดนกล่อม ว่าดอกมันจะขึ้นสูงอีกแน่ๆ) เราก็เลยตัดสินใจซื้อเดือนมกราคม รับรถเดือนกุมภา ด้วย ฟรีดาวน์ ส่วนลด 20,000 แต่ถ้าเราวางเงินดาวน์เราจะได้ดอกลดลง ตอนแรกตั้งใจว่าจะวางเงินดาวน์ แต่ตอนนั้นเราคิดคำนวณยอด+ดอกเบี้ยแล้ว หักค่าส่วนลดเราว่าคุ้มแบบไม่ต้องวางเงินดาวน์ เราก็ตัดสินใจยืนยันเงื่อนไขตามนั้น แต่ แต่ แต่ ที่เราคิดว่าตัวเองได้เปรียบ เพิ่งมาเอ๊ะใจตรงเรามาคำนวนยอดเงินเอง (ตอนแรกคำนวณยอดรวม แต่ลืมรีเช็คคำนวณยอดแต่ละเดือนว่ามันใช่แบบที่เราคิดจริงไหม ทั้งที่เซลส์ก็ส่งราคาต่องวดมาให้) ว่าทำไมได้ยอดไม่เท่ากัน ปรากฏว่าการคิดดอกของรถยนต์มันไม่ได้คิดเหมือนของขายอย่างอื่นค่ะ กลายเป็นเสียรู้เพราะความไม่รู้และคิดไปเองว่าเราน่าจะได้เปรียบ ตอนนั้นคืออยากจะโขกหัวตัวเองเหมือนกันว่าพลาดได้ไง
แต่เนื่องจากเราก็ซื้อประกันกับไฟแนนซ์ที่เรากู้และจ่ายเงินสด เขาก็เลยลดดอกให้เหลือ 3% ถ้วนๆ มันก็เลยได้ราคานี้ค่ะ (เอาจริงๆที่มีคนบอกว่าดอก 0% เนี่ย รถรุ่นเราก็ยังไม่เคยเห็นนะ นอกจากจะเห็นพวกเงื่อนไขดาวน์เยอะๆ)
ส่วนปัญหาอื่นๆ อาจจะเพราะเราไม่ได้ใช้รถเท่าไหร่ พอต้องจ่ายในสิ่งที่ไม่ได้ใช้ก็รู้สึกว่ารายจ่ายมันเริ่มจะมากไปแล้ว แล้วมาอ่านๆตามคิดเห็นแต่ละท่านดูแล้ว เราก็คิดว่า ขายออกก็คงจะไม่คุ้มหรอก เพราะมันสายเกินไปแล้ว และก็ไม่พ้นโดนโขกราคา อีกอย่างรถมันยังไม่ถึงปีจะเปลี่ยนสัญญาคงไม่ได้ และกุมภาปีหน้าเราก็ยังจะต้องจ่ายค่าประกันและเข้าศูยน์เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องอีก คือยังไงก็ต้องจ่ายแน่ๆ
แต่ปีหน้าเราก็ยังคิดว่าเรายังคุมรายจ่ายทั้งหมดได้อยู่ (กัดฟัน) (ถึงแม้อาจจะทำให้เราเครียดตัวเองไปบ้าง) ยังคงสามารถแบ่งเก็บเงินสำหรับค่าใช้จ่ายปีที่ต้องมีทุกปี (ประกันชีวิต2เล่ม+ค่าที่นา) มีการแบ่งเงินมาซื้อสลากออมสินได้อยู่ เพียงแต่กิเลศอื่นใดที่ต้องใช้เงินเยอะก็ต้องตัดออก คงต้องหาทางใช้รถมากขึ้น (เคยขับไปกับเพื่อนไกลสุดคือนครปฐมค่ะ) จนกว่าจะมีทางออกที่ดีกว่านี้ (เช่น หางานเสริมได้ สาธุสาธุ) หรือ (เจอแจ็คพอตมีคนรับรถต่อพร้อมให้เงินสดไว้ปลอบใจ 555)
ยังไงก็ขอบคุณทุกท่านมากนะคะ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 7
จากประโยคนี้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ผมว่าบางทีบางทีชีวิตเรา มันก็ไม่ต่างอะไรกลับปลาหน้าวัดนะ....
ท้องน้ำกว้างใหญ่ไพศาล อยากมีอิสระ มีความฝัน อยากไปท่องโลกกว้าง
แต่พอมีโอกาส ก็กลับไม่ไปไหน กลับว่ายวนเวียนอยู่หน้าวัด กินแต่ขนมปังเดิมๆน่าเบื่อไปตลอดชีวิต แล้วปลอบใจตัวเองว่า แบบนี้ดีกับชีวิตแล้ว
มีอิสระ...กับไม่มี มันก็ไม่ต่างกัน
ช่วงที่มี....กลับไม่ไป ช่วงที่ไม่มี กลับเรียกร้องหาอิสรภาพ
เหมือนประโยคท่อนสุดท้ายในเพลง....ที่บอกว่า " ไม่ได้คิดถึงเส้นทางหลังความตาย...คิดแค่เพียงเสียดายช่วงเวลาที่ผ่านมา"
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ผมว่าบางทีบางทีชีวิตเรา มันก็ไม่ต่างอะไรกลับปลาหน้าวัดนะ....
ท้องน้ำกว้างใหญ่ไพศาล อยากมีอิสระ มีความฝัน อยากไปท่องโลกกว้าง
แต่พอมีโอกาส ก็กลับไม่ไปไหน กลับว่ายวนเวียนอยู่หน้าวัด กินแต่ขนมปังเดิมๆน่าเบื่อไปตลอดชีวิต แล้วปลอบใจตัวเองว่า แบบนี้ดีกับชีวิตแล้ว
มีอิสระ...กับไม่มี มันก็ไม่ต่างกัน
ช่วงที่มี....กลับไม่ไป ช่วงที่ไม่มี กลับเรียกร้องหาอิสรภาพ
เหมือนประโยคท่อนสุดท้ายในเพลง....ที่บอกว่า " ไม่ได้คิดถึงเส้นทางหลังความตาย...คิดแค่เพียงเสียดายช่วงเวลาที่ผ่านมา"
แสดงความคิดเห็น
จะขายรถดีมั้ย ... (กระทู้ระบาย แบบยาว)
เราเป็นคนที่ขับรถไม่เป็นแต่ไหนแต่ไร มันควรจะเป็นทักษะที่เราควรทำได้เหมือนคนทั่วๆไปนะ และแล้วเราก็ตัดสินใจซื้อรถ เราเพิ่งมาหัดขับรถเมื่อตอนต้นปีเองค่ะ รถซื้อเดือนกุมภาพันธ์ต้นปี เป็น suzuki celerio เกียร์ออโต้ ทุกวันนี้ผ่อนเดือนละ 9xxx ตีเป็น 10,000 ถ้วนๆ เพราะขาดไม่กี่สิบบาท ดอกเบี้ย 3% ผ่อน 48 เดือน ไม่เคยขาดชำระ ไม่เคยชำระช้า เงินเดือนเข้าก็ใส่บัญชีเลย 10,000 พอวันที่ 15 ทางธนาคารเขาก็หักออกเอง
และแล้วสิ่งที่อยากได้มากในตอนนั้น และเรารู้สึกว่าเราขับรถได้แล้วเว้ย เรามีความสามารถที่เหมือนคนทั่วๆไปแล้วนะ แต่พอเวลาผ่านมา กลับคิดว่าเป็นการเดินทางที่ผิดอย่างมากๆ และชีวิตรู้สึกเปลี่ยนไปมากค่ะ
เราขับรถน้อยมาก เพราะ WFH เป็นหลัก เดือนหนึ่งอาจจะเข้าออฟฟิสแค่ 2 ครั้ง หรือบางทีอาทิตย์หนึ่งอาจจะ 3 ครั้ง สรุปทั้งเดือนอาจจะจับรถไม่ถึง 10 ครั้ง ระยะทางจากคอนโดไปที่ทำงานขาไปก็ประมาณ 9กิโล ขากลับกลับอีกทางก็ประมาณ 8 กิโล ค่ะ
บางครั้งเหตุการณ์ในการขับรถก็ราบเรียบ ไม่มีปัญหาอะไร รู้สึกภูมิใจว่าเราขับดีมากวันนี้ และรู้สึกอยากขับอีก
บางครั้งก็เจอพวกรถเมล์ หรือมอไซต์ที่ขับรถแย่ๆ ก็รู้สึกเครียด หรือเราผิดเองเช่นฝ่าไฟแดง ช่วงนั้นจะไม่ค่อยกล้าจับรถเลยค่ะ
อันนี้เล่าเพราะอยากระบายค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ความฝันที่ว่าพอมีรถก็อยากขับไปเที่ยวต่างจังหวัด พอเอาเข้าจริงๆเราแทบไม่ออกจากห้องเลยค่ะ ถ้าเรา WFH อยู่คอนโด ตกเย็นเราก็ออกกำลังกาย โทรสั่งข้าวมากิน นั่งเล่นเกม อาบน้ำนอน ชีวิตมันมีอยู่เท่านี้ แบบที่เคยเป็นมา มันคือนิสัยเรา แม้เราคิดว่าเราอยากจะปรับตัวเองเป็นสายท่องเที่ยว สายแอคทีฟ แต่ความจริงคือ เราก็นอนเล่นอยู่ห้อง เราเปลี่ยนตัวเองไม่ได้
ล่าสุด
เราจะกลับบ้านที่ต่างจังหวัดภาคเหนือของไทย แต่ใจเรามันไม่ได้จริงๆที่จะขับออกเส้นต่างจังหวัดคนเดียว สุดท้ายลำบากคนที่บ้านนั่งเครื่องมาเพื่อจะพากันขับรถกลับ ขากลับก็คงไม่ต่างกัน สิ่งที่เราวิตกคือ การที่มีรถบรรทุกหรือรถพ่วงและเราต้องขับแซงนี่แหละค่ะ เราอาจจะขี้กลัวเกินไป (เราดูคลิปพวกที่ขับรถแย่ๆแล้วเกิดอุบัติเหตุ)
ส่วนอันนี้คือปัญหาของเราหลักๆเลยนะคะ เรื่องเงิน เพราะจะบอกว่าชีวิตสุขสบายเหมือนเดิมก็ไม่น่าจะใช่ รายจ่ายที่ต้องจ่าย มันก็ต้องจ่ายเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือเงินเก็บจะแปรสภาพไปเป็น ค่างวดรถ แบบเต็มๆ เช่นปกติจะหักค่าใช้จ่ายอื่นๆทั้งหมดแล้ว (ค่ากินและค่าใช้จ่ายรายปี) จะเหลือเงิน 5,000 สำหรับซื้อของที่อยากได้ หรือเก็บสำรองไว้จ่ายค่าส่วนกลางคอนโด และ 10,000 คือเงินเก็บ แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้วค่ะ 10,000 คือค่างวดรถ 5,000 คือเงินเหลือจากหักค่าใช้จ่าย ถ้าขาดเหลืออะไรก็ต้องดึงเอาเงินนี่ไปใช้ และเงิน 5,000 อ่ะ แป๊ปๆก็หมด ตอนหลังมาบ้าซื้อของออกกำลังกาย ก็ช็อปแต่ละเดือน เอาเป็นว่าไม่มีเงินเก็บ แล้วทุกอย่างคือเขียมมาก กินเขียมที่สุด ถ้าวันไหนกินเกิน 200 จะเริ่มรู้สึกว่าใช้จ่ายมากเกินไปแล้ว
ก่อนหน้าที่เราจะซื้อรถคือ เราก็มีติดเกมส์บ้างต้องเติมเกม (หมดไปเยอะ) และเรื่องที่เข้ามารับผิดชอบการผ่อนชำระที่นาของแม่ (เรื่องนี้ยาว แต่เราก็คิดว่าเราไม่มีปัญหา สุดท้ายมันก็เป็นของเรา) ปีหนึ่งค่าที่ต้องจ่ายให้ธนาคารคือประมาณ 40,000 บาท ตอนแรกเราก็ไม่ได้มีปัญหาตรงนี้ แต่พอซื้อรถกลายเป็นปัญหาเริ่มมาแล้ว (ส่วนหนึ่งก็เพราะเราติดเกมและเติมไปเยอะด้วยแหละทำให้เงินเก็บเราร่อยหรอ แต่ตอนนี้เลิกเติมแล้วพอเงินไม่มี)
แล้วเราก็ต้องกินอยู่อย่างประหยัด เพราะต้องสำรองเงินไว้จ่ายที่เพิ่มขึ้นมาคือ ค่าประกันรถ ค่าน้ำมันเครื่องที่เข้าศูนย์แต่ละครั้งเขาจะเก็บ และค่าน้ำมัน ถึงไม่ค่อยได้ขับรู้สึกว่าบางทีน้ำมันมันก็ลดลง
จนเมื่อวานนี้เพื่อนเราเขาคุยกับเรา เป็นคนที่ไม่ได้แนะนำให้เราซื้อรถ และพอเราซื้อและเราไม่ใช้รถเขาก็จะซ้ำเติมตลอด (ซึ่งเราก็คิดว่าเขาด่าได้ถูกต้อง) ซื้อมาแล้วไม่มีประโยชน์ ล่าสุดเขาเห็นเราขับรถกลับต่างจังหวัดไม่ได้ (ตอนแรกปรึกษาเขาว่าจะจอดรถไว้ซัก 3 เดือนรถจะเป็นอะไรไหม) เขาก็เลยแนะนำว่า ควรขายรถนะ เพราะตั้งแต่มีรถคือชีวิตเราแย่ จะไปเที่ยว (เช่น ตปท ที่เขาชวนๆกันไป) เราก็ไปไม่ได้
เราก็คิดไม่ตก ประมวลความคิดเราได้แบบนี้ค่ะ
- เราควรจะขายรถจริงๆเหรอ ถ้าขาย เราจะเบาลงมากคือเราจะมีเงิน 10,000 เก็บในกระเป๋า ปีหนึ่งแน่ๆ 120,000 และแม้จะหักเรื่องค่าที่ใช้จ่ายที่นา ก็ยังเหลือเงินเยอะอยู่ดี และที่สำคัญเราไม่ต้องเสียเงินจ่ายค่าประกัน กับค่าซ่อมบำรุงเวลาเข้าศูนย์ด้วย และอย่างน้อยๆเราก็ได้ใช้ชีวิตไปเที่ยวที่ไกลๆได้
- แต่ถ้าเราขาย ต่อไปนี้เวลาไปทำงาน หรือกลับบ้านก็ต้องนั่งเรือ นั่งรถเมล์เหมือนเดิมแล้วนะ แต่ค่าเดินทางต่อวันไม่เกิน 100 เหมือนกลับไปสู่จุดเดิม
- จากที่ไม่เคยคิดจะหาทำบัตรเครดิต (จริงๆมีอยู่หนึ่งใบ แต่ไว้ใช้ซื้ออาหารออนไลน์) กลายเป็นว่าต้องมาหาทำบัตรเพราะจะได้เอาไว้ผ่อนชำระค่าประกัน (เห็นโฆษณาว่า ผ่อน 0% 10 เดือน) เพราะเงินสดมันเขียมมากๆ แบบนี้เป็นสัญญาณว่าเรากำลังจะล้มแล้วใช่มั้ย
- เราจะกลายเป็นคนล้มเหลวมั้ย หรือเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อมั้ย ทำไมคนอื่นเงินเดือนหมื่นนิดๆ หมื่นกลางๆ หรือไม่ถึงหมื่น เขายังหาผ่อนรถกันจนได้ แต่ทำไมเราถึงมีปัญหา
- หรือเราจะกัดฟันต่อไปอีก 3 ปี เพราะเอาจริงๆก็เข้าสู่วัยกลางคน เราควรจะมีอะไรแบบนี้หรือเปล่า เอาจริงๆเราไม่ได้แคร์หน้าตาสังคมขนาดนั้นเพราะนอกจากที่ทำงานก็ไม่มีสังคมอื่น เราแค่ภูมิใจเล็กๆว่าเราก็มีรถนะ
- ถ้าขายแบบเปลี่ยนสัญญา เราควรเรียกเงินสดส่วนหนึ่งมั้ย เพราะรถมันก็ใหม่ แต่มีรถชนด้านหลัง (เดี๋ยวก็ต้องไปเข้าศูนย์ซ่อมอีกค่ะ เพราะไม่งั้นเดี๋ยวเปลี่ยนประกันใหม่จะมีปัญหาอีก แต่ต้องเสียค่าส่วนแรกอีก 1,500 คิดแล้วก็แค้นคนขับรถเมล์คนนั้น ...เซ็ง)
- หรือว่า refinance รถดีคะ ยังไม่เข้าใจความหมายคำนี้ ไม่แน่ใจเหมือนรีไฟแนนซ์บ้านมั้ย ใจคืออยากให้ดอกเบี้ยเท่าเดิม (หรือลดลง) แล้วลดเงินในการผ่อนชำระ แต่เพิ่มจำนวนงวดแทน แต่คิดว่าไม่น่าจะมีแบบนี้ (แต่มันไม่ได้ช่วยลดค่าใช้รายปีหรือรายครั้งที่ต้องเข้าศูนย์)
- เอาจริงๆ ของมันซื้อมา ยิ่งเป็นคันแรกด้วยมันก็ผูกพันธ์อะนะ ถึงจะไม่ค่อยได้ขับก็เถอะ แต่ถ้าเดือนหนึ่งจับรถเต็มที่ 10 ครั้ง หรือน้อยสุดก็ 2 ครั้งต่อเดือน เราควรตัดใจปล่อยไปจริงๆใช่มั้ย
ขอช่วยเราคิดแบบมีเหตุผลหน่อยนะคะ แบบดึงสติเรานะ ว่าเราควรจะอดทนต่อ (3ปี เป็นไท) หรือปล่อยมือจากเธอไป ........... ไม่เอาแบบเข้ามาด่านะคะ ช่วงนี้นอยด์บ่อยมากเลยอ่ะ
ขอบคุณค่ะ