ยาแก้แพ้เสี่ยงสมองเสื่อมจริงหรือ?

ยาแก้แพ้เสี่ยงสมองเสื่อมจริงหรือ?



ยาแก้แพ้เป็นยาสามัญประจำบ้านที่หลายคนใช้บรรเทาอาการแพ้ต่าง ๆ เช่น แพ้อากาศหรือแพ้อาหาร อย่างไรก็ตาม ยังมีความเชื่อกันว่ายาแก้แพ้อาจทำให้เสี่ยงต่อภาวะสมองเสื่อมได้ ความเชื่อนี้จริงหรือไม่?

คำตอบสั้น ๆ คือ ไม่ ยาแก้แพ้ไม่ได้เป็นสาเหตุที่จะทำให้เกิดภาวะสมองเสื่อมโดยตรง แต่อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงบางอย่างที่คล้ายกับภาวะสมองเสื่อมได้ เช่น อาการมึนงง ง่วงซึม ลืมตัวชั่วคราว สมาธิสั้นลง เป็นต้น ซึ่งอาการเหล่านี้อาจทำให้ผู้ที่รับประทานยาแก้แพ้รู้สึกว่าตนเองมีภาวะสมองเสื่อม แต่ความจริงแล้วอาการเหล่านี้เป็นเพียงผลข้างเคียงของยาเท่านั้น และอาการจะหายไปเมื่อหยุดรับประทานยา

ยาแก้แพ้มี 2 กลุ่มหลัก ๆ คือ ยาแก้แพ้รุ่นเก่าและยาแก้แพ้รุ่นใหม่ ยาแก้แพ้รุ่นเก่ามักออกฤทธิ์กดประสาท ทำให้มีอาการง่วงซึมมากกว่ายาแก้แพ้รุ่นใหม่ ดังนั้นจึงมีโอกาสที่จะทำให้เกิดผลข้างเคียงที่คล้ายกับภาวะสมองเสื่อมได้มากกว่ายาแก้แพ้รุ่นใหม่

นอกจากนี้ ผู้ที่รับประทานยาแก้แพ้ร่วมกับยาอื่น ๆ ที่มีฤทธิ์กดประสาท เช่น ยานอนหลับ ยาคลายกล้ามเนื้อ ยาลดความดันโลหิต เป็นต้น ก็มีโอกาสที่จะเกิดผลข้างเคียงที่คล้ายกับภาวะสมองเสื่อมได้มากกว่าผู้ที่รับประทานยาแก้แพ้เพียงอย่างเดียว

ดังนั้น ผู้ที่รับประทานยาแก้แพ้จึงควรระมัดระวังและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด ดังนี้

1. ไม่ควรรับประทานยาแก้แพ้โดยไม่จำเป็น
2. ควรรับประทานยาแก้แพ้ตามขนาดและระยะเวลาที่แพทย์แนะนำ
3. หากมีอาการผิดปกติ เช่น อาการมึนงง ง่วงซึม ลืมตัวชั่วคราว สมาธิสั้นลง เป็นต้น ควรปรึกษาแพทย์

สำหรับผู้สูงอายุ ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ หรือผู้ที่รับประทานยาอื่น ๆ เป็นประจำ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทานยาแก้แพ้



สรุป:
ยาแก้แพ้ไม่ได้เป็นสาเหตุที่จะทำให้เกิดภาวะสมองเสื่อมโดยตรง แต่อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงบางอย่างที่คล้ายกับภาวะสมองเสื่อมได้ ดังนั้น ผู้ที่รับประทานยาแก้แพ้จึงควรระมัดระวังและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด

ข้อมูลจาก
ผศ. พญ.อรพิชญา ศรีวรรโณภาส
สาขาวิชาเวชศาสตร์ผู้สูงอายุ 
ภาควิชาอายุรศาสตร์ 
คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี 
มหาวิทยาลัยมหิดล

ขอบคุณภาพ www.rama.mahidol.co.th
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่