.
.
เมื่อชั้นอากาศที่อุณหภูมิต่างกัน
ทำให้รังสีแสงโค้งงอ ภาพมิราจจึงเกิดขึ้น
ท้องฟ้าสีครามทำให้ปรากฏเป็นแอ่งน้ำ
© Shutterstock
.
.
ภาพมิราจ คือ อะไร และเหตุใด
ปรากฏการณ์ทางแสงนี้
จึงทำให้คนเรามองเห็น
ความเป็นจริงแตกต่างออกไป
ภาพมิราจมีชื่อเสียงมาก
ในเรื่องการหลอกลวง
ตัวอย่างคลาสสิกคือ
โอเอซิสในทะเลทราย
ภูเขาน้ำแข็งบดบังทัศนียภาพ
ที่อาจทำให้กัปตันเรือ
Titanic สับสนว่า
ภาพมิราจหรือภูเขาน้ำแข็งจริง
เรือผีในตำนาน
Flying Dutchman
ก็เป็นภาพมิราจเช่นกัน
.
.
.
Titanic
.
.
Flying Dutchman
.
.
แต่ภาพมิราจ คือ อะไร
ภาพน้ำที่เต้นระยิบระยับบนถนนที่ร้อนระอุ
ในพื้นทะเลทรายที่ทอดยาวและพื้นผิวทะเล
เป็นเพียงภาพจินตนาการจริง ๆ
หรือเป็นภาพจากของจริง ๆ
คำตอบอยู่ที่
วิธีที่ดวงตาตีความแสงที่โค้งงอ
ซึ่งสร้างภาพเหล่านี้ขึ้นมาผ่านสายตา
“ มันไม่ใช่ภาพลวงตา
นั่นคือ สิ่งที่ผู้คนเข้าใจผิดเกี่ยวกับภาพมิราจ
เพราะภาพมิราจเป็นภาพของจริง
สามารถถ่ายภาพได้ แต่ภาพมักจะบิดเบี้ยว
และง่ายต่อการตีความของผู้ชม
ไม่รู้ว่า มันคืออะไร
ดังนั้นผู้คนจึงเข้าใจผิดกับสิ่งที่ไม่คุ้นเคย
ตัวอย่างเช่น ในทะเลทราย
ภาพมิราจที่สะท้อนท้องฟ้า
มักถูกตีความผิดว่าเป็นแอ่งน้ำ
แม้ว่าคนเราจะตีความภาพมิราจผิดไป
แต่คำถามก็ยังคงค้างคาใจอยู่
ภาพของวัตถุจริงไปอยู่ผิดที่ได้อย่างไร
คำตอบสั้น ๆ คือ การหักเหของแสง
หรือการโค้งงอของรังสีแสง
ขณะเดินทางผ่านวัสดุต่าง ๆ
ภาพมิราจเกิดขึ้นเมื่อคลื่นแสง
เดินทางผ่านอากาศ
ที่มึความหนาแน่นต่างกัน "
Anthony Young
นักดาราศาสตร์ San Diego State University
ให้สัมภาษณ์กับ Livescience
.
.
.
.
.
” เมื่อแสงเดินทางผ่านวัสดุชนิดเดียวกัน
โดยทั่วไปแล้วแสงจะเดินทางเป็นเส้นตรง
แต่เมื่อแสงพบ/กระทบกับวัสดุอื่น
แสงจะโค้งงอไปสู่ความหนาแน่นที่สูงขึ้น
อากาศ ความหนาแน่นขึ้นอยู่กับอุณหภูมิ
ดังนั้นเมื่อแสงเดินทางผ่านอากาศ
ที่มีอุณหภูมิต่างกัน แสงจะเบนไปทาง
อากาศที่เย็นกว่าซึ่งมีความหนาแน่นมากกว่า
สิ่งนี้ทำให้เกิดภาพมิราจสองประการ
ประการแรก ภาพมิราจที่ระดับสูงกว่า
คือ ภาพที่เห็นในฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อน
ซึ่งเป็นช่วงที่ทะเลเย็นกว่า
อากาศร้อนในฤดูร้อนมาก
นี่คือเรื่องตัองสงสัยของ
นักประวัติศาสตร์ที่สงสัยว่า
ภาพภูเขาน้ำแข็งข้างหน้า
เกิดขึ้นเหนือน้ำเย็นจัด
ในคืนที่ เรือ Titanic จม
กัปตันกำลังสับสนว่า
ภูเขาน้ำแข็งข้างหน้า
เป็นของจริงหรือภาพมิราจ
แต่ไม่ว่าในกรณีใด ๆ
อากาศที่อยู่ใกล้น้ำที่สุด
จะเย็นกว่าอากาศที่อยู่ด้านบน
อากาศจะอุ่นขึ้นเมื่อออกจากระดับน้ำทะเล
สิ่งนี้จะสร้างระดับชั้นอุณหภูมิ/ความหนาแน่น
ส่งผลให้แสงที่สะท้อนจากวัตถุเกิดการโค้งงอ
เช่น เรือ ภูเขาน้ำแข็ง หรือเกาะใกล้เคียง
ภาพมิราจเกิดขึ้นเพราะการหักเหของแสง
เมื่ออากาศเย็นในวันที่อากาศแจ่มใส
หรืออากาศร้อนในวันที่มีแดดจัด
ทำให้ความหนาแน่นของ
ชั้นอากาศเปลี่ยนแปลงไป "
Xin Tong นักศึกษาระดับปริญญาเอก
สาขาการถ่ายภาพด้วยแสงที่ Caltech
ให้สัมภาษณ์กับ Livescience
.
.
.
.
.
ภาพมิราจเกิดขึ้นจากการโค้งงอของแสง
เมื่อมีอากาศเย็นหรืออากาศร้อน
ทำให้ความหนาแน่นชั้นอากาศเปลี่ยนแปลงไป
© Shutterstock
.
.
.
Schematic diagram
อธิบายปรากฎการณ์ Fata Morgana mirage
.
.
แสงที่เบนไปทางอากาศ
ที่เย็นกว่าระดับน้ำทะเล
ทำให้เกิดภาพมิราจ
มันทำให้วัตถุดูสูงกว่าความเป็นจริง
นั่นเป็นเพราะว่า ดวงตาของคนเรา
คาดหวังว่าแสงจะเดินทางเป็นเส้นตรง
ดังนั้นภาพจึงถูกตีความว่า
วัตถุนั้นอยู่ในจุดอื่นเพราะการโค้งงอของแสง
เมื่อภาพมิราจที่เหนือกว่าพื้นผิวเหล่านี้
จะดูสดใสและเปลี่ยนแปลงเป็นพิเศษ
ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้เหนือมหาสมุทร
พวกมันยังใช้ชื่อภาษาอิตาลีว่า
Fata morgana หรือ Morgan the Fairy
The Flying Dutchman
ก็ยังคาดว่าคือ Fata morgana
.
.
.
The Flying Dutchman
.
.
ภาพลวงตาอีกประเภทหนึ่ง
คือ ภาพลวงตาระดับที่ต่ำกว่า
ภาพที่เกิดขึ้นในทะเลทราย
หรือบนทางเท้าที่ร้อน
เมื่อพื้นผิวและอากาศใกล้เคียง
อุ่นกว่าอากาศด้านบน
หากต้องการดูภาพลวงตาเหล่านี้
จะต้องอยู่เหนือชั้นอากาศที่ร้อนที่สุด
และแสงที่มาจากด้านบน
จะโค้งงอขึ้นไปสู่อากาศที่เย็นกว่า
ย้ำอีกครั้ง เพราะดวงตาคาดการณ์ว่า
แสงจะเดินทางเป็นเส้นตรง
จึงตีความว่าภาพนั้นอยู่ต่ำลงไปและกลับหัว
นี่คือ ลักษณะที่ภาพท้องฟ้า
ปรากฏตัวเป็นผิวน้ำบนพื้นทะเลทรายได้
ในทั้งสองกรณี การเห็นภาพมิราจนั้น
ขึ้นอยู่กับตำแหน่งและมุมรับแสงเป็นอย่างมาก
การเปลี่ยนแปลงตำแหน่งเพียงเล็กน้อย
อาจทำให้ปรากฏการณ์ทางแสงหายไปได้ "
Xin Tong กล่าวสรุปเพิ่มเติม
.
.
" ภาพมิราจระดับต่ำจะพบได้ง่ายกว่า
หากรู้ว่าจะต้องมองไปที่ไหน
แต่ภาพมิราจที่น่าตื่นตาตื่นใจยิ่งกว่านั้น
อาจทำให้ภาพระดับต่ำกลายเป็นเรื่องจิ๊บ ๆ
เพราะภาพมิราจระดับที่เหนือกว่านั้น
บางครั้งอาจมองเห็นได้
ในระยะไม่กี่เซนติเมตรเท่านั้น
และปรากฏการณ์นี้ยังมีเวลาที่สั้นมาก
ราว ๆ เพียง 10 ถึง 15 นาที
แต่ภาพพวกนี้ ดูดี มีสกลุ
ถ้าสามารถหาพวกมันพบ/เห็นได้ "
Anthony Young กล่าวสรุปปิดท้าย
.
เรียบเรียง/ที่มา
https://bit.ly/3R1Zgd9
.
.
.
ผู้เขียน
.
.
.
.
อันตรายจากภาพมิราจ
ภาพมิราจบนถนนที่เกิดขึ้น
อาจส่งผลต่อการขับขี่รถยนต์ได้
เพราะคนเราอาจเข้าใจผิดว่า
ข้างหน้าเป็นทางที่มีแอ่งน้ำข้างหน้า
ซึ่งจะสร้างความสับสนได้
ทำให้เกิดการเสียสมาธิขณะขับรถ
โดยเฉพาะมือใหม่หัดขับ
ที่อาจมีการพะวงหน้าหลัง
เมื่อเห็นภาพเป็นแอ่งน้ำบนถนน
อาจจะเกิดการลังเลในการขับขี่
ส่งผลต่อการตัดสินใจ
ในการขับขี่ระหว่างทาง
อากาศร้อนเกินไป อาจทำให้เกิดตาพร่าได้
การเกิดปรากฏการณ์ภาพมิราจบนถนนนั้น
บ่งบอกถึงสภาพอากาศที่ร้อนเกินไป
ที่จะส่งผลให้สายตาพร่า เกิดอาการล้า
รู้สึกแสบตา และเกิดอาการเพลียได้
อีกทั้งยังต้องใช้สมาธิมากขึ้นด้วย
วิธีรับมือกับภาพมิราจบนถนน
ทางกรมตำรวจทางหลวง
ได้แนะนำวิธีการรับมือกับ
ปรากฏการณ์มิราจขณะขับขี่รถบนถนน
เพื่อสร้างความเข้าใจ ลดความเสี่ยง
และเพิ่มความปลอดภัย
ในการใช้รถใช้รถถนน
หมั่นมองเส้นทางให้รอบด้าน
อย่าจดจ่อไปที่จุดเดียวมากเกินไป
เมื่อรู้สึกดวงตาแห้ง
ให้หยอดตาด้วยน้ำตาเทียม
ใช้ที่บังแดดในรถ
เพื่อบังแสงแดดแยงตา
ถ้าดวงตาล้าให้จอดพักรถ
เพื่อพักสายตาอย่างต่ำ 15 นาที
ในบริเวณพื้นที่ที่ปลอดภัย
ก่อนจะขับรถต่อไป
พยายามมองเส้นทางหลายระยะ
เพื่อเปลี่ยนโฟกัสของดวงตา
สวมแว่นตากันแดด
ช่วยกรองแสงแดด
ไม่ทำให้ดวงตาพร่ามัว/ล้าได้
แม้ในช่วงเดือนนี้ที่ไทยจะเป็นฤดูฝน
แต่ในทุก ๆ วันคนเราต่างเผชิญกับ
อากาศที่ร้อนจัดราวกับว่าไม่ใช่หน้าฝนเลย
ดังนั้นให้ขับรถอย่างระวังในหน้าฝนแล้ว
เวลาที่แดดออกจัด ๆ ก็ระวัง
การเกิดมิราจควบคู่กันไปด้วย
เพื่อการขับขี่ที่ปลอดภัย
ในทุกเส้นทางของทุกคน
©
ปรากฏการณ์ มิราจ ภาพลวงตาบนถนน
.
.
.
.
Fata Morgana เหนือทะเล Baltic Sea 2016
ภาพมิราจประกอบด้วยภาพกลับด้าน
จากภาพเรือต้นฉบับ
.
.
.
Fata Morgana ของเรือบรรทุกสินค้า Cargo
ที่ชายฝั่งทะเล Oceanside ในรัฐ California
.
.
.
ลำดับภาพ Fata Morgana
จากชายฝั่งหมู่เกาะ Farallon Islands
ที่มองจาก San Francisco
.
.
.
ภาพวาดมิราจราวศตวรรษที่ 19
ที่มีการขยายภาพเกินจริง
เพราะภาพมิราจจะอยู่เหนือเส้นขอบฟ้าไม่ได้
และยาวกว่าเรือจริงด้านขวามือด้านล่างไม่ได้
.
.
.
การปรากฏตัวของเรือสองลำที่เปลี่ยนไป
เพราะปรากฏการณ์ Fata Morgana
สี่เฟรมในคอลัมน์แรกเป็นเรือหมายเลข 1
สี่เฟรมในคอลัมน์ที่สองเป็นของเรือหมายเลข 2
.
.
.
Fata Morgana บิดเบือนภาพเรือ
ที่อยู่ไกลออกไปจนจำไม่ได้ว่าคือเรืออะไร
.
.
.
ภาพวาดเหนือจริง 1886
Fata Morgana ภาพมิราจในทะเลทราย
.
.
.
Fata Morgana เหนือท้องทะเล
ช่วงตอนที่มีแสงระยิบระยับ
สะท้อนภาพเรือตรงด้านซ้ายมือ
.
.
.
Fata Morgana บนทะเลสาบ Ontario ใน Ajax
ภาพมิราจด้านบนมุมมองตามปรกติ
ภาพด้านล่างผลกระทบจากภาพมิราจ
ส่งผลให้แนวชายฝั่งที่อยู่ห่างไกลผิดเพี้ยนไป
.
.
.
ภาพมิราจจากชายฝั่ง Canadian coast
จากมุมมองที่ Rochester รัฐ New York
16 เมษายน 1871
.
ภาพมิราจเกิดขึ้นได้อย่างไร
.
เมื่อชั้นอากาศที่อุณหภูมิต่างกัน
ทำให้รังสีแสงโค้งงอ ภาพมิราจจึงเกิดขึ้น
ท้องฟ้าสีครามทำให้ปรากฏเป็นแอ่งน้ำ
© Shutterstock
.
ภาพมิราจ คือ อะไร และเหตุใด
ปรากฏการณ์ทางแสงนี้
จึงทำให้คนเรามองเห็น
ความเป็นจริงแตกต่างออกไป
ภาพมิราจมีชื่อเสียงมาก
ในเรื่องการหลอกลวง
ตัวอย่างคลาสสิกคือ
โอเอซิสในทะเลทราย
ภูเขาน้ำแข็งบดบังทัศนียภาพ
ที่อาจทำให้กัปตันเรือ Titanic สับสนว่า
ภาพมิราจหรือภูเขาน้ำแข็งจริง
เรือผีในตำนาน Flying Dutchman
ก็เป็นภาพมิราจเช่นกัน
.
.
Titanic
.
.
Flying Dutchman
.
แต่ภาพมิราจ คือ อะไร
ภาพน้ำที่เต้นระยิบระยับบนถนนที่ร้อนระอุ
ในพื้นทะเลทรายที่ทอดยาวและพื้นผิวทะเล
เป็นเพียงภาพจินตนาการจริง ๆ
หรือเป็นภาพจากของจริง ๆ
คำตอบอยู่ที่
วิธีที่ดวงตาตีความแสงที่โค้งงอ
ซึ่งสร้างภาพเหล่านี้ขึ้นมาผ่านสายตา
“ มันไม่ใช่ภาพลวงตา
นั่นคือ สิ่งที่ผู้คนเข้าใจผิดเกี่ยวกับภาพมิราจ
เพราะภาพมิราจเป็นภาพของจริง
สามารถถ่ายภาพได้ แต่ภาพมักจะบิดเบี้ยว
และง่ายต่อการตีความของผู้ชม
ไม่รู้ว่า มันคืออะไร
ดังนั้นผู้คนจึงเข้าใจผิดกับสิ่งที่ไม่คุ้นเคย
ตัวอย่างเช่น ในทะเลทราย
ภาพมิราจที่สะท้อนท้องฟ้า
มักถูกตีความผิดว่าเป็นแอ่งน้ำ
แม้ว่าคนเราจะตีความภาพมิราจผิดไป
แต่คำถามก็ยังคงค้างคาใจอยู่
ภาพของวัตถุจริงไปอยู่ผิดที่ได้อย่างไร
คำตอบสั้น ๆ คือ การหักเหของแสง
หรือการโค้งงอของรังสีแสง
ขณะเดินทางผ่านวัสดุต่าง ๆ
ภาพมิราจเกิดขึ้นเมื่อคลื่นแสง
เดินทางผ่านอากาศ
ที่มึความหนาแน่นต่างกัน "
Anthony Young
นักดาราศาสตร์ San Diego State University
ให้สัมภาษณ์กับ Livescience
.
.
.
” เมื่อแสงเดินทางผ่านวัสดุชนิดเดียวกัน
โดยทั่วไปแล้วแสงจะเดินทางเป็นเส้นตรง
แต่เมื่อแสงพบ/กระทบกับวัสดุอื่น
แสงจะโค้งงอไปสู่ความหนาแน่นที่สูงขึ้น
อากาศ ความหนาแน่นขึ้นอยู่กับอุณหภูมิ
ดังนั้นเมื่อแสงเดินทางผ่านอากาศ
ที่มีอุณหภูมิต่างกัน แสงจะเบนไปทาง
อากาศที่เย็นกว่าซึ่งมีความหนาแน่นมากกว่า
สิ่งนี้ทำให้เกิดภาพมิราจสองประการ
ประการแรก ภาพมิราจที่ระดับสูงกว่า
คือ ภาพที่เห็นในฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อน
ซึ่งเป็นช่วงที่ทะเลเย็นกว่า
อากาศร้อนในฤดูร้อนมาก
นี่คือเรื่องตัองสงสัยของ
นักประวัติศาสตร์ที่สงสัยว่า
ภาพภูเขาน้ำแข็งข้างหน้า
เกิดขึ้นเหนือน้ำเย็นจัด
ในคืนที่ เรือ Titanic จม
กัปตันกำลังสับสนว่า
ภูเขาน้ำแข็งข้างหน้า
เป็นของจริงหรือภาพมิราจ
แต่ไม่ว่าในกรณีใด ๆ
อากาศที่อยู่ใกล้น้ำที่สุด
จะเย็นกว่าอากาศที่อยู่ด้านบน
อากาศจะอุ่นขึ้นเมื่อออกจากระดับน้ำทะเล
สิ่งนี้จะสร้างระดับชั้นอุณหภูมิ/ความหนาแน่น
ส่งผลให้แสงที่สะท้อนจากวัตถุเกิดการโค้งงอ
เช่น เรือ ภูเขาน้ำแข็ง หรือเกาะใกล้เคียง
ภาพมิราจเกิดขึ้นเพราะการหักเหของแสง
เมื่ออากาศเย็นในวันที่อากาศแจ่มใส
หรืออากาศร้อนในวันที่มีแดดจัด
ทำให้ความหนาแน่นของ
ชั้นอากาศเปลี่ยนแปลงไป "
Xin Tong นักศึกษาระดับปริญญาเอก
สาขาการถ่ายภาพด้วยแสงที่ Caltech
ให้สัมภาษณ์กับ Livescience
.
.
.
.
ภาพมิราจเกิดขึ้นจากการโค้งงอของแสง
เมื่อมีอากาศเย็นหรืออากาศร้อน
ทำให้ความหนาแน่นชั้นอากาศเปลี่ยนแปลงไป
© Shutterstock
.
.
.
Schematic diagram
อธิบายปรากฎการณ์ Fata Morgana mirage
.
แสงที่เบนไปทางอากาศ
ที่เย็นกว่าระดับน้ำทะเล
ทำให้เกิดภาพมิราจ
มันทำให้วัตถุดูสูงกว่าความเป็นจริง
นั่นเป็นเพราะว่า ดวงตาของคนเรา
คาดหวังว่าแสงจะเดินทางเป็นเส้นตรง
ดังนั้นภาพจึงถูกตีความว่า
วัตถุนั้นอยู่ในจุดอื่นเพราะการโค้งงอของแสง
เมื่อภาพมิราจที่เหนือกว่าพื้นผิวเหล่านี้
จะดูสดใสและเปลี่ยนแปลงเป็นพิเศษ
ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้เหนือมหาสมุทร
พวกมันยังใช้ชื่อภาษาอิตาลีว่า
Fata morgana หรือ Morgan the Fairy
The Flying Dutchman
ก็ยังคาดว่าคือ Fata morgana
.
.
The Flying Dutchman
.
ภาพลวงตาอีกประเภทหนึ่ง
คือ ภาพลวงตาระดับที่ต่ำกว่า
ภาพที่เกิดขึ้นในทะเลทราย
หรือบนทางเท้าที่ร้อน
เมื่อพื้นผิวและอากาศใกล้เคียง
อุ่นกว่าอากาศด้านบน
หากต้องการดูภาพลวงตาเหล่านี้
จะต้องอยู่เหนือชั้นอากาศที่ร้อนที่สุด
และแสงที่มาจากด้านบน
จะโค้งงอขึ้นไปสู่อากาศที่เย็นกว่า
ย้ำอีกครั้ง เพราะดวงตาคาดการณ์ว่า
แสงจะเดินทางเป็นเส้นตรง
จึงตีความว่าภาพนั้นอยู่ต่ำลงไปและกลับหัว
นี่คือ ลักษณะที่ภาพท้องฟ้า
ปรากฏตัวเป็นผิวน้ำบนพื้นทะเลทรายได้
ในทั้งสองกรณี การเห็นภาพมิราจนั้น
ขึ้นอยู่กับตำแหน่งและมุมรับแสงเป็นอย่างมาก
การเปลี่ยนแปลงตำแหน่งเพียงเล็กน้อย
อาจทำให้ปรากฏการณ์ทางแสงหายไปได้ "
Xin Tong กล่าวสรุปเพิ่มเติม
.
.
" ภาพมิราจระดับต่ำจะพบได้ง่ายกว่า
หากรู้ว่าจะต้องมองไปที่ไหน
แต่ภาพมิราจที่น่าตื่นตาตื่นใจยิ่งกว่านั้น
อาจทำให้ภาพระดับต่ำกลายเป็นเรื่องจิ๊บ ๆ
เพราะภาพมิราจระดับที่เหนือกว่านั้น
บางครั้งอาจมองเห็นได้
ในระยะไม่กี่เซนติเมตรเท่านั้น
และปรากฏการณ์นี้ยังมีเวลาที่สั้นมาก
ราว ๆ เพียง 10 ถึง 15 นาที
แต่ภาพพวกนี้ ดูดี มีสกลุ
ถ้าสามารถหาพวกมันพบ/เห็นได้ "
Anthony Young กล่าวสรุปปิดท้าย
.
เรียบเรียง/ที่มา
https://bit.ly/3R1Zgd9
.
.
ผู้เขียน
.
.
.
อันตรายจากภาพมิราจ
ภาพมิราจบนถนนที่เกิดขึ้น
อาจส่งผลต่อการขับขี่รถยนต์ได้
เพราะคนเราอาจเข้าใจผิดว่า
ข้างหน้าเป็นทางที่มีแอ่งน้ำข้างหน้า
ซึ่งจะสร้างความสับสนได้
ทำให้เกิดการเสียสมาธิขณะขับรถ
โดยเฉพาะมือใหม่หัดขับ
ที่อาจมีการพะวงหน้าหลัง
เมื่อเห็นภาพเป็นแอ่งน้ำบนถนน
อาจจะเกิดการลังเลในการขับขี่
ส่งผลต่อการตัดสินใจ
ในการขับขี่ระหว่างทาง
อากาศร้อนเกินไป อาจทำให้เกิดตาพร่าได้
การเกิดปรากฏการณ์ภาพมิราจบนถนนนั้น
บ่งบอกถึงสภาพอากาศที่ร้อนเกินไป
ที่จะส่งผลให้สายตาพร่า เกิดอาการล้า
รู้สึกแสบตา และเกิดอาการเพลียได้
อีกทั้งยังต้องใช้สมาธิมากขึ้นด้วย
วิธีรับมือกับภาพมิราจบนถนน
ทางกรมตำรวจทางหลวง
ได้แนะนำวิธีการรับมือกับ
ปรากฏการณ์มิราจขณะขับขี่รถบนถนน
เพื่อสร้างความเข้าใจ ลดความเสี่ยง
และเพิ่มความปลอดภัย
ในการใช้รถใช้รถถนน
หมั่นมองเส้นทางให้รอบด้าน
อย่าจดจ่อไปที่จุดเดียวมากเกินไป
เมื่อรู้สึกดวงตาแห้ง
ให้หยอดตาด้วยน้ำตาเทียม
ใช้ที่บังแดดในรถ
เพื่อบังแสงแดดแยงตา
ถ้าดวงตาล้าให้จอดพักรถ
เพื่อพักสายตาอย่างต่ำ 15 นาที
ในบริเวณพื้นที่ที่ปลอดภัย
ก่อนจะขับรถต่อไป
พยายามมองเส้นทางหลายระยะ
เพื่อเปลี่ยนโฟกัสของดวงตา
สวมแว่นตากันแดด
ช่วยกรองแสงแดด
ไม่ทำให้ดวงตาพร่ามัว/ล้าได้
แม้ในช่วงเดือนนี้ที่ไทยจะเป็นฤดูฝน
แต่ในทุก ๆ วันคนเราต่างเผชิญกับ
อากาศที่ร้อนจัดราวกับว่าไม่ใช่หน้าฝนเลย
ดังนั้นให้ขับรถอย่างระวังในหน้าฝนแล้ว
เวลาที่แดดออกจัด ๆ ก็ระวัง
การเกิดมิราจควบคู่กันไปด้วย
เพื่อการขับขี่ที่ปลอดภัย
ในทุกเส้นทางของทุกคน
© ปรากฏการณ์ มิราจ ภาพลวงตาบนถนน
.
.
.
Fata Morgana เหนือทะเล Baltic Sea 2016
ภาพมิราจประกอบด้วยภาพกลับด้าน
จากภาพเรือต้นฉบับ
.
.
.
Fata Morgana ของเรือบรรทุกสินค้า Cargo
ที่ชายฝั่งทะเล Oceanside ในรัฐ California
.
.
.
ลำดับภาพ Fata Morgana
จากชายฝั่งหมู่เกาะ Farallon Islands
ที่มองจาก San Francisco
.
.
.
ภาพวาดมิราจราวศตวรรษที่ 19
ที่มีการขยายภาพเกินจริง
เพราะภาพมิราจจะอยู่เหนือเส้นขอบฟ้าไม่ได้
และยาวกว่าเรือจริงด้านขวามือด้านล่างไม่ได้
.
.
.
การปรากฏตัวของเรือสองลำที่เปลี่ยนไป
เพราะปรากฏการณ์ Fata Morgana
สี่เฟรมในคอลัมน์แรกเป็นเรือหมายเลข 1
สี่เฟรมในคอลัมน์ที่สองเป็นของเรือหมายเลข 2
.
.
.
Fata Morgana บิดเบือนภาพเรือ
ที่อยู่ไกลออกไปจนจำไม่ได้ว่าคือเรืออะไร
.
.
.
ภาพวาดเหนือจริง 1886
Fata Morgana ภาพมิราจในทะเลทราย
.
.
.
Fata Morgana เหนือท้องทะเล
ช่วงตอนที่มีแสงระยิบระยับ
สะท้อนภาพเรือตรงด้านซ้ายมือ
.
.
.
Fata Morgana บนทะเลสาบ Ontario ใน Ajax
ภาพมิราจด้านบนมุมมองตามปรกติ
ภาพด้านล่างผลกระทบจากภาพมิราจ
ส่งผลให้แนวชายฝั่งที่อยู่ห่างไกลผิดเพี้ยนไป
.
.
.
ภาพมิราจจากชายฝั่ง Canadian coast
จากมุมมองที่ Rochester รัฐ New York
16 เมษายน 1871
.