ด้วยนิสัยส่วนตัวอีกแล้ว ที่จะชอบฟังเพลงตอนมัดรวมเป็นอัลบั้มมากกว่า เลยจะไม่ค่อยได้ฟังเพลงแยกตอนเป็นซิงเกิลมากนัก ส่วนหนึ่งเพราะชอบการมัดรวม และการเรียงเพลงของอัลบั้ม ที่จะดึงหรือนำพาอารมณ์ได้มากขึ้นกว่าเดิม รวมทั้งเห็นทิศทางรวมถึงความคิดสร้างสรรค์ของเจ้าของผลงานมากขึ้น เช่นเดียวกันกับอัลบั้ม Hey Mom, Did You See Me In The Newspaper งานอัลบั้มเต็มลำดับที่สองของวง Dept ที่มีภาพรวมอัลบั้มที่ดีมาก รวมถึงเป็นภาพที่แตกต่างจากงานก่อนหน้า และมีจุดน่าสนใจหลายจุด จนทำให้ต้องหันมาตั้งใจมองและตั้งใจฟังวงนี้อย่างจริงจังกว่าเดิม
จากวงดูโอที่ทำดนตรีในทาง Indie Pop ร่วมยุคที่มีวัตถุดิบจากแนว Synth Pop ผสม Dream Pop ดนตรีส่วนใหญ่ของวงจะลอย ๆ เสียงร้องของ เบนซ์ – ภวัต โอภาสสิริโชติ (ร้องนำ/กีตาร์) ที่จะบาง ๆ ผสมเอฟเฟกต์และคอรัสให้ล่องลอยกลมกลืนไปกับบรรยากาศเพลง โดยมีเสียงคีย์บอร์ดและซินธิไซเซอร์ของ ลุค ทาวน์เซน (คีย์บอร์ด) สร้างสีสันและขับเน้นบรรยากาศ ทำให้เพลงจังหวะกลาง ๆ และเพลงช้าส่วนใหญ่ของวงเป็นไปในแนวที่กล่าวมาข้างต้น ส่วนเพลงเร็วก่อนหน้าของวง อาจเป็นจุดที่ยังสวิงไปมา เพราะฟากเพลงเร็วตั้งแต่ Gossip ไปจน 17 นั้น ค่อนข้างหลากหลาย เหมือนทางวงกำลังหาแนวทางสำหรับตัวเองในเพลงเร็วอยู่ ซึ่งส่งผลถึงภาพรวมของ Ceramics Runway งานชุดก่อนหน้าของวง ที่มีเพลงฮิตเพลงโดนหลายเพลง อาจจะขาดภาพรวมของอัลบั้มที่เป็นกลุ่มก้อนไปเสียเล็กน้อย
แต่สิ่งนั้นได้ถูกชดเชยใน Hey Mom, Did You See Me In The Newspaper ไปเรียบร้อย ด้วยแนวเพลงของอัลบั้มมีความเป็นกลุ่มก้อนเดียวกันมากขึ้น เพลงเร็วอยู่ในโทนที่ไม่สะดุดหรือแหวกจากกันเกินไป ขณะเดียวกันก็มีลูกเล่นที่แตกต่าง ตัวอย่างคงไม่พ้น ประกาศให้โลกรู้ ซึ่งต่อยอดบรรยากาศของ 17 จากชุดที่แล้วมาใช้ได้อย่างดี สดใส ดนตรีเคลียร์ เปิดสว่าง มีกรูฟหนึบหนับ ตามมาด้วย I Feel Something Like That ที่ได้ Ruzzy (รัฐ พิฆาตไพรี – Tattoo Colour) มาร่วมแต่งและร่วมแจม ที่มีการร้องแบบกึ่งแร็ป มีเสียงทรัมเป็ตคลอเป็นลูกไล่ และเป็นเพลงที่พูดแบบเชียร์เลยว่าชอบมากสุดเพลงหนึ่งของอัลบั้มและของวง ซึ่งแค่สองเพลงนี้วางติดกัน ก็เห็นภาพรวมของอัลบั้มที่ไปในก้อนเดียวกัน รวมถึงอีกเพลงเร็วอย่าง ลุกมา ก็เช่นกัน
นอกจากเพลงเร็วที่มีแนวทางชัดเจนขึ้นถึงความสดใส เพลงกลาง ๆ และเพลงช้า ๆ ของอัลบั้มก็มีความแตกต่างจากเดิมในการเรียบเรียงและ sound design พวกเขาพยายามสลัดภาพจากมาตรฐานของวงดนตรี Dream Pop ยุคปลาย 2010 ต้น 2020 ในบ้านเรา (และขณะเดียวกันก็เป็นภาพจำของวงนี้ด้วย) ออกไปนิดหน่อย เสียงร้องของเบนซ์มีความชัดและเต็มเสียงมากขึ้น ลดปริมาณเอฟเฟกต์ลง แต่ก็ไม่ได้ลดทอนฝีมือในการเขียนเพลงลงไป เนื้อหาเพลงกลาง ๆ และเพลงช้า ๆ ของวงก็ยังคงเข้าเป้าเหมือนเดิม พูดถึงและเป็นกระบอกเสียงสื่อถึงอีกฝ่ายในสถานการณ์ที่แตกต่างกัน รบกวน อีกเพลงฮิตในอัลบั้มนี้ ก็พูดถึงความสัมพันธ์ที่ไม่ชัดเจนอย่างเป็นธรรมชาติ การใช้ประโยคว่า “ไม่มีสัญญาณที่ดีให้กันมาตั้งเก้าเดือนกว่า เธอคิดกับฉันแค่เพื่อนล่ะมั้ง” หรือการใส่คำว่า “เอ๊ะ” มันดูมีความทีเล่นทีจริงในการแต่งนิดหน่อย ฟ้ามืดทีไร เป็นเพลงสไตล์ป๊อปหวาน ๆ ตรง ๆ กีตาร์โปร่งสับคอร์ดขึ้นลงกันซื่อ ๆ แพทเทิร์นกลองแบบเพลงป๊อป พูดถึงความคิดถึงคนที่ไม่ได้อยู่ใกล้กัน อยากเจอจนจะทนไม่ไหว คีย์บอร์ดใสกิ๊งสอดรับกับทรัมเปต พูดถึงการแอบรักแอบรอ อีกเพลงที่ส่วนตัวแนะนำจริงจังคือ อนุบาล ที่ตำแหน่งการวางของเพลงอาจจะเหมือนเพลงพักชิล ๆ กลางอัลบั้ม แต่เพลงที่ลดทอนเหลือแค่กีตาร์กับเสียงร้องของเบนซ์เพลงนี้ก็กลับเข้าถึงหัวใจได้มากกว่าที่คิด
หากจะมีสักเพลงที่ยังคงบรรยากาศ Dream Pop ที่เราเคยคุ้นชินจากวงเอาไว้ก็คงเป็น ถ้ารู้ว่าจะหายไป ที่เป็นไฟท์บังคับนิดหน่อย เพราะเนื้อหาเศร้าสุดและพูดถึงการจากลา การใช้ดนตรีแบบนี้ก็ทำให้บรรยากาศเพลงมันไปถึงจริง ๆ แต่นอกนั้นพวกเขาก้าวสู่พื้นที่ใหม่ในการสร้างสรรค์ผลงานออกมา และทำออกมาได้ดี การเลือกใช้ซาวด์ที่สว่างขึ้น เครื่องดนตรีที่ใช้เครื่องที่ให้สุ้มเสียงแบบคนเล่นจริง ๆ ชัดเจนขึ้น ทั้งเครื่องเป่า เครื่องสาย ทำให้สีของอัลบั้มและสีของวงแตกต่างออกไป รวมถึงการเรียงเพลงในอัลบั้มที่มีจังหวะหนักจังหวะเบากำลังลงตัว การโยนเพลง ถ้ารู้ว่าจะหายไป เป็นเพลงรองสุดท้าย ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดีเลย
อีกจุดที่สังเกตได้และอยากเขียนถึงจริงจัง คือแนวเพลง ทางดนตรี และรายละเอียดหลายอย่าง ที่ทางวงเลือกใช้ในอัลบั้มนี้ นอกจากเป็นทางที่เห็นความแตกต่างจากชุดก่อนหน้า และมีความเป็นกลุ่มก้อนเดียวกัน ยังชวนให้นึกถึงซาวด์ดนตรีเพลงป๊อปของยุค 2000 หรือถ้าเฉพาะเจาะจง คือนึกถึง early years ของค่าย Smallroom ไปโดยไม่ทันตั้งใจ นึกถึงเพลงแบบ Superbaker, Lemon Soup ไปจนถึงวงในพวก Compilation SR001-003 คล้าย ๆ กับอัลบั้ม HB ของ Clutch-Type Pencil เป็นโปรเจกต์พิเศษของ รัฐ พิฆาตไพรี และ บิว – รังสรรค์ ปัญญาใจ (Lemon Soup) ที่ออกประมาณปี 2018 ที่มีความ tribute ซาวด์ยุคนั้นโดยกลาย ๆ แม้กระทั่ง 665 เพลงสุดท้ายของอัลบั้มนี้ ที่เป็นเพลงเดียวจนถึงตอนนี้ที่ให้เสียงร้องนำโดย ลุค ก็ชวนนึกถึงศิลปินรุ่นพี่ยุค 2000 อย่าง JerryBlueberry งานเดี่ยวของ เจอรี่ – ศศิศ มิลินทวณิช หัวหน้าวง 2 Days Ago Kids และมือกีตาร์ P.O.P หรือแอบนึกถึง blu army งานเดี่ยวของ ไบรอันเทพ วัยโทวิช มือกีตาร์วง sofa ที่ก็ออกในช่วงยุค 2000 เช่นกัน ดังนั้นหากใครเป็นคอเพลงที่โตมาในรุ่น 2000 ต้น ๆ และเป็นแฟนซีนดนตรีนอกกระแสขณะนั้น ไม่ว่าจะ Smallroom, No More Belts หรือย่านใกล้เคียง และอาจจะเริ่มไม่อินกับซาวด์ยุคปัจจุบันเท่าไหร่ อัลบั้มนี้อาจจะเป็นประตูที่ดีในการทดลองฟังก็ได้
ทั้งหมดทั้งมวล จึงเป็นเหตุที่ต้องแนะนำ Hey Mom, Did You See Me In The Newspaper ของ Dept ให้ลองฟังกัน ไม่ว่าจะด้วยแนวดนตรีที่น่าสนใจ ความเป็นกลุ่มก้อนของอัลบั้ม ขณะเดียวกันหากแยกออกมาเป็นเพลงเดี่ยว ๆ ก็ถือว่ายังเพราะอยู่ คิดว่าเป็นงานที่แฟนเก่าก็น่าจะรัก และขณะเดียวกันก็เปิดรับคนฟังหน้าใหม่ได้อย่างดี
อัลบั้มมีในรูปแบบ Streaming และกำลังเปิดจอง CD กันอยู่ ลองดูที่เพจวง หรือเพจค่าย Smallroom
ปล. บทความนี้เคยเผยแพร่บนเพจ นักเลงเพลงสยาม
[CR] <<Album Review>> Dept - Hey Mom, Did You See Me In The Newspaper
จากวงดูโอที่ทำดนตรีในทาง Indie Pop ร่วมยุคที่มีวัตถุดิบจากแนว Synth Pop ผสม Dream Pop ดนตรีส่วนใหญ่ของวงจะลอย ๆ เสียงร้องของ เบนซ์ – ภวัต โอภาสสิริโชติ (ร้องนำ/กีตาร์) ที่จะบาง ๆ ผสมเอฟเฟกต์และคอรัสให้ล่องลอยกลมกลืนไปกับบรรยากาศเพลง โดยมีเสียงคีย์บอร์ดและซินธิไซเซอร์ของ ลุค ทาวน์เซน (คีย์บอร์ด) สร้างสีสันและขับเน้นบรรยากาศ ทำให้เพลงจังหวะกลาง ๆ และเพลงช้าส่วนใหญ่ของวงเป็นไปในแนวที่กล่าวมาข้างต้น ส่วนเพลงเร็วก่อนหน้าของวง อาจเป็นจุดที่ยังสวิงไปมา เพราะฟากเพลงเร็วตั้งแต่ Gossip ไปจน 17 นั้น ค่อนข้างหลากหลาย เหมือนทางวงกำลังหาแนวทางสำหรับตัวเองในเพลงเร็วอยู่ ซึ่งส่งผลถึงภาพรวมของ Ceramics Runway งานชุดก่อนหน้าของวง ที่มีเพลงฮิตเพลงโดนหลายเพลง อาจจะขาดภาพรวมของอัลบั้มที่เป็นกลุ่มก้อนไปเสียเล็กน้อย
แต่สิ่งนั้นได้ถูกชดเชยใน Hey Mom, Did You See Me In The Newspaper ไปเรียบร้อย ด้วยแนวเพลงของอัลบั้มมีความเป็นกลุ่มก้อนเดียวกันมากขึ้น เพลงเร็วอยู่ในโทนที่ไม่สะดุดหรือแหวกจากกันเกินไป ขณะเดียวกันก็มีลูกเล่นที่แตกต่าง ตัวอย่างคงไม่พ้น ประกาศให้โลกรู้ ซึ่งต่อยอดบรรยากาศของ 17 จากชุดที่แล้วมาใช้ได้อย่างดี สดใส ดนตรีเคลียร์ เปิดสว่าง มีกรูฟหนึบหนับ ตามมาด้วย I Feel Something Like That ที่ได้ Ruzzy (รัฐ พิฆาตไพรี – Tattoo Colour) มาร่วมแต่งและร่วมแจม ที่มีการร้องแบบกึ่งแร็ป มีเสียงทรัมเป็ตคลอเป็นลูกไล่ และเป็นเพลงที่พูดแบบเชียร์เลยว่าชอบมากสุดเพลงหนึ่งของอัลบั้มและของวง ซึ่งแค่สองเพลงนี้วางติดกัน ก็เห็นภาพรวมของอัลบั้มที่ไปในก้อนเดียวกัน รวมถึงอีกเพลงเร็วอย่าง ลุกมา ก็เช่นกัน
นอกจากเพลงเร็วที่มีแนวทางชัดเจนขึ้นถึงความสดใส เพลงกลาง ๆ และเพลงช้า ๆ ของอัลบั้มก็มีความแตกต่างจากเดิมในการเรียบเรียงและ sound design พวกเขาพยายามสลัดภาพจากมาตรฐานของวงดนตรี Dream Pop ยุคปลาย 2010 ต้น 2020 ในบ้านเรา (และขณะเดียวกันก็เป็นภาพจำของวงนี้ด้วย) ออกไปนิดหน่อย เสียงร้องของเบนซ์มีความชัดและเต็มเสียงมากขึ้น ลดปริมาณเอฟเฟกต์ลง แต่ก็ไม่ได้ลดทอนฝีมือในการเขียนเพลงลงไป เนื้อหาเพลงกลาง ๆ และเพลงช้า ๆ ของวงก็ยังคงเข้าเป้าเหมือนเดิม พูดถึงและเป็นกระบอกเสียงสื่อถึงอีกฝ่ายในสถานการณ์ที่แตกต่างกัน รบกวน อีกเพลงฮิตในอัลบั้มนี้ ก็พูดถึงความสัมพันธ์ที่ไม่ชัดเจนอย่างเป็นธรรมชาติ การใช้ประโยคว่า “ไม่มีสัญญาณที่ดีให้กันมาตั้งเก้าเดือนกว่า เธอคิดกับฉันแค่เพื่อนล่ะมั้ง” หรือการใส่คำว่า “เอ๊ะ” มันดูมีความทีเล่นทีจริงในการแต่งนิดหน่อย ฟ้ามืดทีไร เป็นเพลงสไตล์ป๊อปหวาน ๆ ตรง ๆ กีตาร์โปร่งสับคอร์ดขึ้นลงกันซื่อ ๆ แพทเทิร์นกลองแบบเพลงป๊อป พูดถึงความคิดถึงคนที่ไม่ได้อยู่ใกล้กัน อยากเจอจนจะทนไม่ไหว คีย์บอร์ดใสกิ๊งสอดรับกับทรัมเปต พูดถึงการแอบรักแอบรอ อีกเพลงที่ส่วนตัวแนะนำจริงจังคือ อนุบาล ที่ตำแหน่งการวางของเพลงอาจจะเหมือนเพลงพักชิล ๆ กลางอัลบั้ม แต่เพลงที่ลดทอนเหลือแค่กีตาร์กับเสียงร้องของเบนซ์เพลงนี้ก็กลับเข้าถึงหัวใจได้มากกว่าที่คิด
หากจะมีสักเพลงที่ยังคงบรรยากาศ Dream Pop ที่เราเคยคุ้นชินจากวงเอาไว้ก็คงเป็น ถ้ารู้ว่าจะหายไป ที่เป็นไฟท์บังคับนิดหน่อย เพราะเนื้อหาเศร้าสุดและพูดถึงการจากลา การใช้ดนตรีแบบนี้ก็ทำให้บรรยากาศเพลงมันไปถึงจริง ๆ แต่นอกนั้นพวกเขาก้าวสู่พื้นที่ใหม่ในการสร้างสรรค์ผลงานออกมา และทำออกมาได้ดี การเลือกใช้ซาวด์ที่สว่างขึ้น เครื่องดนตรีที่ใช้เครื่องที่ให้สุ้มเสียงแบบคนเล่นจริง ๆ ชัดเจนขึ้น ทั้งเครื่องเป่า เครื่องสาย ทำให้สีของอัลบั้มและสีของวงแตกต่างออกไป รวมถึงการเรียงเพลงในอัลบั้มที่มีจังหวะหนักจังหวะเบากำลังลงตัว การโยนเพลง ถ้ารู้ว่าจะหายไป เป็นเพลงรองสุดท้าย ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดีเลย
อีกจุดที่สังเกตได้และอยากเขียนถึงจริงจัง คือแนวเพลง ทางดนตรี และรายละเอียดหลายอย่าง ที่ทางวงเลือกใช้ในอัลบั้มนี้ นอกจากเป็นทางที่เห็นความแตกต่างจากชุดก่อนหน้า และมีความเป็นกลุ่มก้อนเดียวกัน ยังชวนให้นึกถึงซาวด์ดนตรีเพลงป๊อปของยุค 2000 หรือถ้าเฉพาะเจาะจง คือนึกถึง early years ของค่าย Smallroom ไปโดยไม่ทันตั้งใจ นึกถึงเพลงแบบ Superbaker, Lemon Soup ไปจนถึงวงในพวก Compilation SR001-003 คล้าย ๆ กับอัลบั้ม HB ของ Clutch-Type Pencil เป็นโปรเจกต์พิเศษของ รัฐ พิฆาตไพรี และ บิว – รังสรรค์ ปัญญาใจ (Lemon Soup) ที่ออกประมาณปี 2018 ที่มีความ tribute ซาวด์ยุคนั้นโดยกลาย ๆ แม้กระทั่ง 665 เพลงสุดท้ายของอัลบั้มนี้ ที่เป็นเพลงเดียวจนถึงตอนนี้ที่ให้เสียงร้องนำโดย ลุค ก็ชวนนึกถึงศิลปินรุ่นพี่ยุค 2000 อย่าง JerryBlueberry งานเดี่ยวของ เจอรี่ – ศศิศ มิลินทวณิช หัวหน้าวง 2 Days Ago Kids และมือกีตาร์ P.O.P หรือแอบนึกถึง blu army งานเดี่ยวของ ไบรอันเทพ วัยโทวิช มือกีตาร์วง sofa ที่ก็ออกในช่วงยุค 2000 เช่นกัน ดังนั้นหากใครเป็นคอเพลงที่โตมาในรุ่น 2000 ต้น ๆ และเป็นแฟนซีนดนตรีนอกกระแสขณะนั้น ไม่ว่าจะ Smallroom, No More Belts หรือย่านใกล้เคียง และอาจจะเริ่มไม่อินกับซาวด์ยุคปัจจุบันเท่าไหร่ อัลบั้มนี้อาจจะเป็นประตูที่ดีในการทดลองฟังก็ได้
ทั้งหมดทั้งมวล จึงเป็นเหตุที่ต้องแนะนำ Hey Mom, Did You See Me In The Newspaper ของ Dept ให้ลองฟังกัน ไม่ว่าจะด้วยแนวดนตรีที่น่าสนใจ ความเป็นกลุ่มก้อนของอัลบั้ม ขณะเดียวกันหากแยกออกมาเป็นเพลงเดี่ยว ๆ ก็ถือว่ายังเพราะอยู่ คิดว่าเป็นงานที่แฟนเก่าก็น่าจะรัก และขณะเดียวกันก็เปิดรับคนฟังหน้าใหม่ได้อย่างดี
อัลบั้มมีในรูปแบบ Streaming และกำลังเปิดจอง CD กันอยู่ ลองดูที่เพจวง หรือเพจค่าย Smallroom
ปล. บทความนี้เคยเผยแพร่บนเพจ นักเลงเพลงสยาม
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้