วันนี้เราอยากมาแชร์ประสบการณ์เกี่ยวกับสุขภาพของเราเองเมื่อ3ปีที่แล้วค่ะ
#ที่สุดของความทรงจำ
#ผ่าตัดไส้ติ่ง
27 พย. 2563 ตื่นแต่เช้าเหมือนเดิม แต่งตัวไปทำงานตามปกติ ไม่มีลางบอกเหตุ ฟ้าไม่แดง จิ้งจกไม่ทัก หมอดูไม่เตือน .... แต่...แต่..น้ำมันเหลือ 2 ขีด (หน้าจอแสดง 2 ขีดน่ะ ไม่ใช่ 200 กรัม ...แห่ะๆๆ)
08.20 ออกกำลังกายตามปกติตามเพลงประจำโรงงาน แต่กระโดดไม่ไหวรู้สึกมันเจ็บจี๊ดๆ ที่ท้อง
08.30 ประชุมแผนกตามปกติ แต่วันนี้ไม่บ่นใคร(นาน) แค่ยืนเฉยๆก็ยังรู้สึกเจ็บที่ท้องน้อย แต่ก็ไม่มากมายไร หรือเพราะหิว เมื่อเช้าไม่ได้กินไร (คิดในใจ)
9.00-10.00 ประชุมยาวๆไป แต่เริ่มปวดมากขึ้น แต่ตอนนี้เริ่มมีอาการคลื่นไส้ พะอืดพะอมร่วมด้วย แต่ไม่ถึงกับอาเจียน
10.30-10.40 พักย่อยช่วงเช้า จะกินขนมปัง-กาแฟ แต่กินอะไรไม่ได้เลยเริ่มป่วนในท้อง สงสัยโรดกระเพาะกำเริบอีกแล้วเรา (คิดในใจ) ..... ข้ามการกินไป เตรียมตัวประชุมต่อ.....
10.50-12.00 ประชุมต่อยาวๆๆๆๆๆ ไป แต่ช่วงนี้เริ่มจะไม่ไหว ปวดจนรู้สึกเหงื่อออก แต่ก็ต้องทำหน้าที่จนจบ
12.10..... ตัดสินใจออกไปหาหมอช่วงพักกลางวัน เป้าหมาย โรงพยาบาลสมิตเวช สาขาย่อย เจปาร์ค ศรีราชา ..... ทำไมไม่ซื้อยาแก้ปวดที่ร้านขายยาใกล้ๆหน้านิคม? ... ก็ไม่รู้จะบอกว่าเป็นอะไรไง ให้หมอจ่ายยาปลอดภัยกว่า (ตอบไว้ก่อน เผื่อใครถาม... แฮร่ๆ)
จากโรงงานถึงสมิติเวช ใช้เวลา 10 นาทีโดยประมาณ งานเข้าสิ.. เจ้าหน้าที่เค้าเตอร์บอกว่าคุณหมอออกไปทานข้าว แหง่ววว... ยังไงดี .. แต่เจ้าหน้าที่น่ารักมาก สอบถามอาการด้วยความเป็นห่วง จากนั้นก็พาให้ไปนอนรอบนเตียงผู้ป่วยในห้องฉุกเฉิน เอาผ้ามาห่มให้จับมือเราตลอดดูอาการเราถามว่าคุณพี่ไหวไหม..... เห้ย อาการเราแย่ขนาดนั้นเลยเหรอวะ ! ... ไม่ถึง 5 นาที คุณหมอก็เข้ามาดูอาการ กดๆ ที่ท้อง ซ้ายที ขวาที มาเจ็บมากตรงบริเวณใต้สะดือด้านขวาคุณหมอกดลงไปลึกๆ แล้วปล่อยอย่างรวดเร็ว เราตัวโยนขึ้นมาตามมือหมอ คุณหมอแจ้งว่าสงสัยอาการไส้ติ่งอักเสบ ต้องเข้า รพ ใหญ่นะ ประกันสังคมอยู่ไหนคะ เราบอกอยู่พญาไท คุณหมอบอกถ้างั้นให้ไปพญาไทนะ ต้องไปทันที วันนี้หมอจะตรวจให้ฟรีไม่รับเข้าระบบ (จะได้ใช้สิทธิ์ประกันชีวิตที่ รพ พญาไทได้--- คุณหมอน่ารักมาก)
12.30..... ขับรถจาก รพ สมิติเวช ย่อย เจปาร์ค ไป รพ.พญาไท ศรีราชา ระยะทางไม่ถึง 10 กม แต่ทำไมวันนี้มันไกลจัง (คิดไปเอง) ถึง รพ. ก็ใช้เวลาหาที่จอดรถอยู่สักพัก แล้วก็เดินมาเค้าเตอร์ (มายังไงไม่รู้) แจ้งเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับรายละเอียดเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้ว (เรื่องตรวจร่างกายที่ รพ แรกน่ะ ไม่ใช่เรื่องรถติด... อิอิ) เจ้าหน้าที่ให้เราไปติดต่อที่แผนกศัลยกรรม1 ไปถึงพยาบาลให้นั่งรถเข็น ไม่ได้รอพาเข้าห้องตรวจทันที คุณหมอให้ขึ้นเตียงตรวจอีกรอบ เหมือนเดิมเด๊ะๆๆ คุณหมอถามว่า มากับใครครับ? มาคนเดียวค่ะ (ก็กะว่าจะหนีงานมาแป๊บเดียวค่ะ..แห่ะๆๆ ) หมอสงสัยว่าเป็นอาการไส้ติ่งอักเสบนะครับ เดี๋ยวต้องทำการอัลตร้าซาวด์ตรวจสอบเพื่อความชัดเจนเบื้องต้น ถ้าพบว่าอักเสบต้องผ่าทันทีนะครับ.... ห๊ะ!!
พยาบาลพาไปห้องอัลตร้าซาวด์ หมอทาเจลใช้เครื่องมือวางตรงบริเวณท้องด้านขวา เลื่อนไปมา แค่2-3 รอบ แล้วก็ชี้ให้เราดูถามว่าเห็นอะไรไหม เราพยักหน้า (แต่อันที่จริงมองไม่รู้เรื่องเล้ยยยย มันมีแต่สีขาว เทา ดำ ตาก็มัวๆ ) จบกระบวนการเช็คคุณหมอก็บอกติดตลกว่า ไปตกลงกับอาจารย์หมอเองนะว่าจะนอนกี่วัน ... หือ..!!
พยาบาลพากลับห้องตรวจ ให้นอนรอบนเตียง สักพักก็เอาชุดมาให้เปลี่ยนพร้อมกับแจ้งว่า รอคุณหมอสักครู่เดี๋ยวจะมาอธิบายรายละเอียด ยังไม่ทันได้ทำใจ คุณหมอก็เข้ามาอธิบายไส้ติ่งมาอาการบวมมาก ปกติถ้าอักเสบก็ไม่เคยใหญ่เกิน 5 ซม. แต่ของเรามันบวมเกิน 10 ซม. หมอจำเป็นต้องผ่าตัดด่วน มีญาติมาด้วยไหม คุณหมอถามซ้ำ ไม่มีค่ะ .. ถ้างั้นเดี๋ยวจะมีเจ้าหน้าการเงินมาเก็บทรัพย์สินนะครับ .... อ่า...เราเลยขอส่งไลน์แจ้งออฟฟิตก่อน (กลัวโรงงานไปแจ้งคนหาย... อิอิ) เจ้าหน้าที่แจ้งว่าถ้าเราฟื้นหลัง 17.00 ทรัพย์สินจะถูกนำมาคืนในวันพรุ่งนี้ เพราะเจ้าหน้าที่เลิกงาน 5 โมง... (ก็หวังว่าคุณหมอจะผ่าให้แบบฟาส8 เลยนะคะ) สักพักก็มีพยาบาลเจาะเลือด ให้น้ำเกลือ เอาเอกสารยินยอมให้ผ่าตัดมาให้เซนต์ ไปเอ็กเรย์ ไปรอในห้องผ่าตัด ได้ยินพยาบาลแจ้งว่า เคสนี้คิวสี่ แต่คุณหมอขอแทรกก่อน... ทั้งเจ้าหน้าที่ ทั้งหมอ พยาบาลเดินมาที่เตียงหลายคน ช่วงชุลมุนหมอถามอะไรเยอะแยะ จำได้ไม่หมด งง งง ด้วย หมอแจ้งว่าการผ่าครั้งนี้จะใช้วิธีบล๊อคหลัง จากนั้นก็ให้นอนตะแคง งอเข่าชนหัว แล้วรู้สึกจี๊ดๆ 2 ครั้งที่หลัง หมอบอกว่าขอดมยาสลบนะคะ แล้วก็เอาอุปกรณ์มาครอบที่จมูกปาก หลังจากนั้น 3 2 1 คร่อก...ฟี๊.....Zzzzz
เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ ไม่รู้..... ตื่นมาอีกทีทุกอย่างเรียบร้อย แต่ยังอยู่ในห้องเดิม แสงไฟสว่างจ้า เครื่องไม้เครื่องมือเต็มไปหมด คุณหมอเดินมาถามชื่อ --- พาไปห้องพักฟื้น งดน้ำ งดอาหารต่อจนกว่าหมอจะอนุญาต น้ำก็ห้ามจิบ คอแห้งผาก มันทรมานสุดๆ
สักพักเจ้าหน้าที่การเงินเอาทรัพย์สินมาคืน (ที่จริงก็มีแค่กระเป๋าเงิน-กุญแจรถ-โทรศัพท์ เท่านั้นละ------อ้อ Contact lens ด้วย) แสดงว่าเวลาตอนนี้ยังไม่ 17.00 น ซินะ... (ผ่าแบบ ฟาส8 จริงๆค่ะคุณหมอ 555) แต่กี่โมงไม่รู้ ดูนาฬิกาไม่เห็น ยังไม่เจ็บแผลเท่าไหร่ น่าจะเพราะฤทธิ์ยาชายังคงอยู่ แต่อาการคลื่นไส้อาเจียน มันมีตลอดเวลา ซึ่งเป็นผลข้างเคียงจากการบล๊อคหลัง และหิวข้าว แต่เป็นธรรมดาของคนไข้หลังผ่าตัดที่ต้องงดน้ำงดอาหารก่อน จนกว่าลำไส้จะทำงานปกติ ก็อยู่ได้เพราะน้ำเกลือ ตั้งแต่ผ่าตัดเสร็จยันเที่ยงคืน อาการคลื่นไส้อาเจียนไม่ลดลงเลย รุ่งขึ้นคุณหมอเลยยังคงงดน้ำงดอาหารต่ออีกวัน.... กรรมแระ.... หิวจนไส้จะขาด แต่ก็ต้องอดทน จ่ายยาทางสายน้ำเกลือจนแขนบวมเป่งเพราะยาแรง จนคุณหมอต้องเปลี่ยนเป็นให้กินแทน กว่าจะขยับขาได้เกือบเช้า พยาบาลพาเดินเข้าห้องน้ำ เสร็จภาระกิจพยาบาลคนเดิมเข้ามาอีกครั้งบอกว่า คนไข้คะเมื่อกี๊หนูลืมเก็บฉี่ 555555
เช้าของวันที่สาม คุณหมอให้เริ่มกินน้ำซุป เป็นน้ำซุปแท้ๆๆ ใช่ค่ะ ..หมายถึงน้ำล้วนๆ ไม่มีอะไรเลย แต่ก็เป็นดังที่คุณหมอบอก ลำไส้มันยังไม่ปกติ กินอะไรก็อาเจียน แค่ดื่มน้ำซุปเข้าไป3-4ช้อน ก็อาเจียนออกหมด เรื่องเจ็บแผลผ่าไม่ทรมานเท่าหิวข้าว... บอกเลย!
สายๆ คุณหมอเข้ามาตรวจอีกครั้ง บอกว่าแผลแห้งดีแล้ว ไม่บวม ไม่อักเสบ ห้ามโดนน้ำ ให้ลองเดิน.... เดินได้ ... แข็งแรงมาก... โอเค กลับบ้านได้ หมอให้หยุด 10 วัน ต้องหยุดนะ ค่ะ กลับค่ะ..
#ขับรถกลับบ้าน
#มาเองกลับเองนักเลงพอ
เจอกันอีกทีพรุ่งนี้ 4ธค.63 08:10 น.
#ตรวจแผล-ทำแผล
#ฟังผลตรวจชิ้นเนื้อ
#อย่าประมาทกับเรื่องสุขภาพ
#ไม่มีใครดูแลเราได้ดีเท่าเราดูแลตัวเอง
ปล. ยาวนิด เพราะว่างเยอะ 🥰🥰
ผ่าตัดไส้ติ่งแบบสายฟ้าแล่บ วันที่โหดร้ายกับร่างกายที่อ่อนล้า #Appendicitis
#ที่สุดของความทรงจำ
#ผ่าตัดไส้ติ่ง
27 พย. 2563 ตื่นแต่เช้าเหมือนเดิม แต่งตัวไปทำงานตามปกติ ไม่มีลางบอกเหตุ ฟ้าไม่แดง จิ้งจกไม่ทัก หมอดูไม่เตือน .... แต่...แต่..น้ำมันเหลือ 2 ขีด (หน้าจอแสดง 2 ขีดน่ะ ไม่ใช่ 200 กรัม ...แห่ะๆๆ)
08.20 ออกกำลังกายตามปกติตามเพลงประจำโรงงาน แต่กระโดดไม่ไหวรู้สึกมันเจ็บจี๊ดๆ ที่ท้อง
08.30 ประชุมแผนกตามปกติ แต่วันนี้ไม่บ่นใคร(นาน) แค่ยืนเฉยๆก็ยังรู้สึกเจ็บที่ท้องน้อย แต่ก็ไม่มากมายไร หรือเพราะหิว เมื่อเช้าไม่ได้กินไร (คิดในใจ)
9.00-10.00 ประชุมยาวๆไป แต่เริ่มปวดมากขึ้น แต่ตอนนี้เริ่มมีอาการคลื่นไส้ พะอืดพะอมร่วมด้วย แต่ไม่ถึงกับอาเจียน
10.30-10.40 พักย่อยช่วงเช้า จะกินขนมปัง-กาแฟ แต่กินอะไรไม่ได้เลยเริ่มป่วนในท้อง สงสัยโรดกระเพาะกำเริบอีกแล้วเรา (คิดในใจ) ..... ข้ามการกินไป เตรียมตัวประชุมต่อ.....
10.50-12.00 ประชุมต่อยาวๆๆๆๆๆ ไป แต่ช่วงนี้เริ่มจะไม่ไหว ปวดจนรู้สึกเหงื่อออก แต่ก็ต้องทำหน้าที่จนจบ
12.10..... ตัดสินใจออกไปหาหมอช่วงพักกลางวัน เป้าหมาย โรงพยาบาลสมิตเวช สาขาย่อย เจปาร์ค ศรีราชา ..... ทำไมไม่ซื้อยาแก้ปวดที่ร้านขายยาใกล้ๆหน้านิคม? ... ก็ไม่รู้จะบอกว่าเป็นอะไรไง ให้หมอจ่ายยาปลอดภัยกว่า (ตอบไว้ก่อน เผื่อใครถาม... แฮร่ๆ)
จากโรงงานถึงสมิติเวช ใช้เวลา 10 นาทีโดยประมาณ งานเข้าสิ.. เจ้าหน้าที่เค้าเตอร์บอกว่าคุณหมอออกไปทานข้าว แหง่ววว... ยังไงดี .. แต่เจ้าหน้าที่น่ารักมาก สอบถามอาการด้วยความเป็นห่วง จากนั้นก็พาให้ไปนอนรอบนเตียงผู้ป่วยในห้องฉุกเฉิน เอาผ้ามาห่มให้จับมือเราตลอดดูอาการเราถามว่าคุณพี่ไหวไหม..... เห้ย อาการเราแย่ขนาดนั้นเลยเหรอวะ ! ... ไม่ถึง 5 นาที คุณหมอก็เข้ามาดูอาการ กดๆ ที่ท้อง ซ้ายที ขวาที มาเจ็บมากตรงบริเวณใต้สะดือด้านขวาคุณหมอกดลงไปลึกๆ แล้วปล่อยอย่างรวดเร็ว เราตัวโยนขึ้นมาตามมือหมอ คุณหมอแจ้งว่าสงสัยอาการไส้ติ่งอักเสบ ต้องเข้า รพ ใหญ่นะ ประกันสังคมอยู่ไหนคะ เราบอกอยู่พญาไท คุณหมอบอกถ้างั้นให้ไปพญาไทนะ ต้องไปทันที วันนี้หมอจะตรวจให้ฟรีไม่รับเข้าระบบ (จะได้ใช้สิทธิ์ประกันชีวิตที่ รพ พญาไทได้--- คุณหมอน่ารักมาก)
12.30..... ขับรถจาก รพ สมิติเวช ย่อย เจปาร์ค ไป รพ.พญาไท ศรีราชา ระยะทางไม่ถึง 10 กม แต่ทำไมวันนี้มันไกลจัง (คิดไปเอง) ถึง รพ. ก็ใช้เวลาหาที่จอดรถอยู่สักพัก แล้วก็เดินมาเค้าเตอร์ (มายังไงไม่รู้) แจ้งเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับรายละเอียดเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้ว (เรื่องตรวจร่างกายที่ รพ แรกน่ะ ไม่ใช่เรื่องรถติด... อิอิ) เจ้าหน้าที่ให้เราไปติดต่อที่แผนกศัลยกรรม1 ไปถึงพยาบาลให้นั่งรถเข็น ไม่ได้รอพาเข้าห้องตรวจทันที คุณหมอให้ขึ้นเตียงตรวจอีกรอบ เหมือนเดิมเด๊ะๆๆ คุณหมอถามว่า มากับใครครับ? มาคนเดียวค่ะ (ก็กะว่าจะหนีงานมาแป๊บเดียวค่ะ..แห่ะๆๆ ) หมอสงสัยว่าเป็นอาการไส้ติ่งอักเสบนะครับ เดี๋ยวต้องทำการอัลตร้าซาวด์ตรวจสอบเพื่อความชัดเจนเบื้องต้น ถ้าพบว่าอักเสบต้องผ่าทันทีนะครับ.... ห๊ะ!!
พยาบาลพาไปห้องอัลตร้าซาวด์ หมอทาเจลใช้เครื่องมือวางตรงบริเวณท้องด้านขวา เลื่อนไปมา แค่2-3 รอบ แล้วก็ชี้ให้เราดูถามว่าเห็นอะไรไหม เราพยักหน้า (แต่อันที่จริงมองไม่รู้เรื่องเล้ยยยย มันมีแต่สีขาว เทา ดำ ตาก็มัวๆ ) จบกระบวนการเช็คคุณหมอก็บอกติดตลกว่า ไปตกลงกับอาจารย์หมอเองนะว่าจะนอนกี่วัน ... หือ..!!
พยาบาลพากลับห้องตรวจ ให้นอนรอบนเตียง สักพักก็เอาชุดมาให้เปลี่ยนพร้อมกับแจ้งว่า รอคุณหมอสักครู่เดี๋ยวจะมาอธิบายรายละเอียด ยังไม่ทันได้ทำใจ คุณหมอก็เข้ามาอธิบายไส้ติ่งมาอาการบวมมาก ปกติถ้าอักเสบก็ไม่เคยใหญ่เกิน 5 ซม. แต่ของเรามันบวมเกิน 10 ซม. หมอจำเป็นต้องผ่าตัดด่วน มีญาติมาด้วยไหม คุณหมอถามซ้ำ ไม่มีค่ะ .. ถ้างั้นเดี๋ยวจะมีเจ้าหน้าการเงินมาเก็บทรัพย์สินนะครับ .... อ่า...เราเลยขอส่งไลน์แจ้งออฟฟิตก่อน (กลัวโรงงานไปแจ้งคนหาย... อิอิ) เจ้าหน้าที่แจ้งว่าถ้าเราฟื้นหลัง 17.00 ทรัพย์สินจะถูกนำมาคืนในวันพรุ่งนี้ เพราะเจ้าหน้าที่เลิกงาน 5 โมง... (ก็หวังว่าคุณหมอจะผ่าให้แบบฟาส8 เลยนะคะ) สักพักก็มีพยาบาลเจาะเลือด ให้น้ำเกลือ เอาเอกสารยินยอมให้ผ่าตัดมาให้เซนต์ ไปเอ็กเรย์ ไปรอในห้องผ่าตัด ได้ยินพยาบาลแจ้งว่า เคสนี้คิวสี่ แต่คุณหมอขอแทรกก่อน... ทั้งเจ้าหน้าที่ ทั้งหมอ พยาบาลเดินมาที่เตียงหลายคน ช่วงชุลมุนหมอถามอะไรเยอะแยะ จำได้ไม่หมด งง งง ด้วย หมอแจ้งว่าการผ่าครั้งนี้จะใช้วิธีบล๊อคหลัง จากนั้นก็ให้นอนตะแคง งอเข่าชนหัว แล้วรู้สึกจี๊ดๆ 2 ครั้งที่หลัง หมอบอกว่าขอดมยาสลบนะคะ แล้วก็เอาอุปกรณ์มาครอบที่จมูกปาก หลังจากนั้น 3 2 1 คร่อก...ฟี๊.....Zzzzz
เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ ไม่รู้..... ตื่นมาอีกทีทุกอย่างเรียบร้อย แต่ยังอยู่ในห้องเดิม แสงไฟสว่างจ้า เครื่องไม้เครื่องมือเต็มไปหมด คุณหมอเดินมาถามชื่อ --- พาไปห้องพักฟื้น งดน้ำ งดอาหารต่อจนกว่าหมอจะอนุญาต น้ำก็ห้ามจิบ คอแห้งผาก มันทรมานสุดๆ
สักพักเจ้าหน้าที่การเงินเอาทรัพย์สินมาคืน (ที่จริงก็มีแค่กระเป๋าเงิน-กุญแจรถ-โทรศัพท์ เท่านั้นละ------อ้อ Contact lens ด้วย) แสดงว่าเวลาตอนนี้ยังไม่ 17.00 น ซินะ... (ผ่าแบบ ฟาส8 จริงๆค่ะคุณหมอ 555) แต่กี่โมงไม่รู้ ดูนาฬิกาไม่เห็น ยังไม่เจ็บแผลเท่าไหร่ น่าจะเพราะฤทธิ์ยาชายังคงอยู่ แต่อาการคลื่นไส้อาเจียน มันมีตลอดเวลา ซึ่งเป็นผลข้างเคียงจากการบล๊อคหลัง และหิวข้าว แต่เป็นธรรมดาของคนไข้หลังผ่าตัดที่ต้องงดน้ำงดอาหารก่อน จนกว่าลำไส้จะทำงานปกติ ก็อยู่ได้เพราะน้ำเกลือ ตั้งแต่ผ่าตัดเสร็จยันเที่ยงคืน อาการคลื่นไส้อาเจียนไม่ลดลงเลย รุ่งขึ้นคุณหมอเลยยังคงงดน้ำงดอาหารต่ออีกวัน.... กรรมแระ.... หิวจนไส้จะขาด แต่ก็ต้องอดทน จ่ายยาทางสายน้ำเกลือจนแขนบวมเป่งเพราะยาแรง จนคุณหมอต้องเปลี่ยนเป็นให้กินแทน กว่าจะขยับขาได้เกือบเช้า พยาบาลพาเดินเข้าห้องน้ำ เสร็จภาระกิจพยาบาลคนเดิมเข้ามาอีกครั้งบอกว่า คนไข้คะเมื่อกี๊หนูลืมเก็บฉี่ 555555
เช้าของวันที่สาม คุณหมอให้เริ่มกินน้ำซุป เป็นน้ำซุปแท้ๆๆ ใช่ค่ะ ..หมายถึงน้ำล้วนๆ ไม่มีอะไรเลย แต่ก็เป็นดังที่คุณหมอบอก ลำไส้มันยังไม่ปกติ กินอะไรก็อาเจียน แค่ดื่มน้ำซุปเข้าไป3-4ช้อน ก็อาเจียนออกหมด เรื่องเจ็บแผลผ่าไม่ทรมานเท่าหิวข้าว... บอกเลย!
สายๆ คุณหมอเข้ามาตรวจอีกครั้ง บอกว่าแผลแห้งดีแล้ว ไม่บวม ไม่อักเสบ ห้ามโดนน้ำ ให้ลองเดิน.... เดินได้ ... แข็งแรงมาก... โอเค กลับบ้านได้ หมอให้หยุด 10 วัน ต้องหยุดนะ ค่ะ กลับค่ะ..
#ขับรถกลับบ้าน
#มาเองกลับเองนักเลงพอ
เจอกันอีกทีพรุ่งนี้ 4ธค.63 08:10 น.
#ตรวจแผล-ทำแผล
#ฟังผลตรวจชิ้นเนื้อ
#อย่าประมาทกับเรื่องสุขภาพ
#ไม่มีใครดูแลเราได้ดีเท่าเราดูแลตัวเอง
ปล. ยาวนิด เพราะว่างเยอะ 🥰🥰