พรหมลิขิต : หมื่นมหาฤทธิ์ ความแตกต่างของบทละครกับนิยาย และเนื้อหาบางส่วนที่เราเสียดาย จึงขออธิบายเพิ่มเติม

เราเป็นแฟนนิยายพรหมลิขิต อ่านไม่ต่ำกว่า 10 รอบได้ เฝ้ารอบทนี้มานานมาก 
พอทำเป็นละครยอมรับว่า "หมื่นมหาฤทธิ์" แตกต่างจากหนังสือมากพอสมควรจนบางครั้งยังแอบคิดว่า 
พ่อริดในละคร นี่ใช่คนเดียวกันกับที่เราอ่านในหนังสือรึเปล่า เข้าใจว่าปรับบท แต่ไม่คิดว่าจะปรับกันขนาดนี้
 

พ่อริด

บทละคร 
          เวลาทำงานจริงจัง สมกับการเป็นลูกชายพระยาวิสูตรสาครมีความสุขุมเป็นผู้ใหญ่ แต่เรื่องความรักกลับเป็นอีกแบบ เป็นหนุ่มน้อยแสนงอน งอนเกือบทุกตอน กวนออกหน้า ดื้อตาใส ไม่ค่อยเก็บอะไรไว้ในใจ ทุกข์ใจเมื่อไหร่เหมือนคนรู้ทั้งเรือน หัวสมัยใหม่เหมือนแม่ กวนน้องแต่เคารพพี่ชาย เหมือนเป็นหนุ่มเจ้าอารมณ์นิดๆ แต่เราพยายามเข้าใจนะว่า ก็หนุ่มหล่อ บ้านรวย หน้าที่การงานดี คงเอาแต่ใจอยู่ไม่น้อย เพราะคนขัดใจแทบไม่มีเลยจริงๆ 
 
บทนิยาย (เราขอยกตัวอย่างประกอบด้วยเพื่อให้ทุกคนเข้าใจมากขึ้น)
          หมื่นมหาฤทธิ์ คือ หนุ่มเจ้าเสน่ห์ เจ้าเล่ห์ ร้ายลึก ริดไม่ใช่คนร้ายออกหน้า แต่ร้ายในแววตา หลอกด่านางเอกยังทำมาแล้ว
ยกตัวอย่างการด่าแบบพึมพำ “ไร้มารยาท พูดจากยอกย้อน วาจาหยาบกร้านเสียจริงนางผู้นี้” อันนี้ที่ด่าแบบพึมพำนะ 
         ถ้าวางแผนอะไรสักอย่าง ริดจะบ่ายหน้าซ่อนความคิดแต่แววตามีเล่ห์เหลี่ยม ทุกอย่างถูกวางแผนมาแล้วอย่างแนบเนียน เช่น เอาสมุดข่อยให้พี่ชายไปเมืองพิษณุโลก
          คือ พี่ชายออกเดินทางไปพ้นเมือง ค่อยมาหาพุดตาน สาวถามถึงสมุดก็บอกตามตรงว่าให้พี่ชายไป พุดตานโกรธ ก็ง้อเขาด้วยให้ม้าเร็วตามไปซึ่งตามวันนั้นเลย ระหว่างรอสมุดข่อยรู้ว่าพุดตานจะไปตลาด ก็อาสาพาไป ทำเหมือนสำนึกผิดที่ทำให้นางเองพลัดที่นาคาที่อยู่ แต่ความเป็นจริงแล้วมันคือแผนของริด เพราะต่อให้ม้าเร็วตามไป ยังไงก็ไม่ทัน ริดรู้แต่พุดตานไม่รู้ เมื่อกลับมาจากตลาด ไม่ได้สมุดข่อย ก็ทำทีเป็นเห็นใจ และเสนอตัวเองว่าจะคอยดูแลตลอดระยะเวลาที่อยู่ที่นี่ จุดเริ่มต้นมาบ้านสาวบ่อยๆจึงเริ่มขึ้น

          แต่ถ้าไม่ได้ดั่งใจสีหน้าของริดจะเย็นชาขึ้นมาทันที 

          ความน่ากลัวของหมื่นมหาฤทธิ์ คือ อยากได้สิ่งใดต้องได้สิ่งนั้น ต่อให้เป็นย่าก็เถอะห้ามไม่ได้ ซึ่งย่าก็รู้ว่าจัดการอะไรกับริดไม่ได้จริงๆ ขนาดคุณหญิงการะเกดยังกลุ้มใจแทนพุดตาน เพราะรู้จักนิสัยลูกชายดีว่า "พ่อริดสามารถทำได้ทุกทิศทางเพื่อให้ทุกสิ่งออกมาดังใจปรารถนา"  ริดน่ากลัวตรงนี้
          เห็นตัวอย่างว่าขุนหลวงจะพระราชทานแพรจีนให้เป็นเมียพ่อริด แต่ในหนังสือพ่อริดทำให้พุดตานกลายเป็นเมียพระราชทานของตัวเอง
แล้วคิดว่าริดร้ายไหมค่ะ 
          เป็นคนอวดพ่อ อวยแม่ อวดว่าพ่อตัวเองพัฒนาตลาดจนไม่มีเรือล่ม อวยแม่ที่เป็นคนทำอาหารอร่อย สอนคำใหม่ๆ ซึ่งคุณหญิงการะเกดก็อวยลูกชายเหมือนกันว่า หล่อ น่ารัก ยิ้มเก่ง เรียกว่าบ้านนี้อวยกันเองเป็นที่สุด

          และอย่าให้ริดได้เริ่มจีบ เพราะจีบได้โหดมากได้เขินตายไปข้างหนึ่ง ซึ่งเราจะมาติดตามดูกันว่าในละครกับหนังสือ หมื่นมหาฤทธิ์เวอร์ชั่นไหนจีบโหดกว่ากัน.....
 
ทั้งหมดที่เล่ามา แค่ครึ่งเล่ม มารอดูกันว่าช่วงหลังริดจะกลับมาเส้นเรื่องเดิมไหม หรือ จะฉีกไปเลยจริงๆ
 
ขอใช้บทนินายขยายบางส่วนด้วยบทในหนังสือ ซึ่งมีส่วนเสริมที่สำคัญ 


     
เรื่องสร้อย
               พุดตานรักสร้อยเส้นนี้มาก เพราะนี่เป็นตัวแทนของพ่อแม่ที่พุดตานรู้ว่า 2 คนนี้รักตัวเองแน่ๆ แต่ไม่ผูกพัน ก่อนจะเอาไปจำนำกับยายกุยก็มีท่าทีกังวลใจให้อารมณ์เหมือนขาดที่พึ่งทางใจ แต่ก็ต้องยอมเพราะอยากได้เงินมาใช้จ่ายและลงทุน
               เมื่อสร้อยหาย ทำให้พุดตานโกรธมาก เพราะนี้คือ สิ่งเดียวที่ทำให้ไม่รู้สึกโดดเดี่ยว ลองคิดดูว่าทั้งชีวิตไม่มีใครดีกับเรา ป้าก็เลี้ยงตามหน้าที่ ไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับพ่อแม่ก็จริง แต่มีความผูกพันกับภาพพ่อแม่และเรื่องเล่าที่ป้าบอกว่า พ่อแม่ตามใจทุกอย่าง ทำให้พุดตานเป็นเด็กนิสัยแบบนี้
               ดังนั้นเมื่อหายไป พยายามตัดใจด้วยการใช้ธรรมมะเข้าข่ม แต่ก็ข่มไม่ได้ค่อยอยู่ ลองนึกว่าเราใส่สร้อยมาตั้งแต่ 9 ขวบจนอายุ 20 ปี แล้วของหายไป คนเราใจหายแน่ๆ และคนที่เอาของที่เรารักมากมาคืนให้คือ หมื่นมหาฤทธิ์ นี่คือความประทับใจแรกของนางเอก
 


พุดตานชอบทำอาหารและรักก้อนเงิน
               ที่ชอบทำอาหาร ชอบกิน เพราะพุดตานตกนรกมา คงอดอยากอยู่ไม่น้อยทำให้มีนิสัยชอบกิน ส่วนเรื่องเงิน ทำไมถึงรักเงินจนกล้าทวงเงินกับขุนหลวง เพราะพุดตานอยากได้เงินไปไถ่สร้อยคืนเร็วๆ อีกทั้งตั้งแต่มาอยู่ อึ้งกับเพิ่มดูแลพุดตานดีมาก เรียกว่า ทั้งสองคนดูแลเธอดีที่สุดตั้งแต่เกิดมา ทำให้พุดตานตั้งใจจะไถ่ตัวทั้งคู่ก่อนกลับบ้าน (พุดตานคิดว่าจะได้กลับ) มีการบอกบ่าวทั้งสองให้รู้มาตลอด จนทั้งคู่ก็ไม่อยากได้เงิน แต่อยากให้แม่นายอยู่ด้วยมากกว่า (และริดเป็นคนแรกที่รู้เรื่องนี้ ทำให้มองนางเอกดีขึ้น)
               จึงไม่แปลกที่เราจะเห็นพุดตาน ทำโน่น ทำนี่ขายเยอะไปหมด เพราะเธออยากช่วยทั้งสองคนให้หลุดพ้นจากการเป็นไพร่ของยายกุย อยากให้อยู่อย่างอิสระ อยากช่วยคนที่ดีกับเธอมาตลอด แต่อย่างที่บอกว่าทั้งสองคนนี้ไม่ได้อยากถูกไถ่ตัว แต่อยากให้พุดตานอยู่ด้วยกันมากกว่า


 
พิธีจองเปรียง
               บทนี้ถ้าเล่าให้ละเอียดละครจะสมบูรณ์แบบมากๆ คือให้เริ่มที่พ่อริดไปรับพุดตานถึงที่เรือน พ่ายเรือไปที่งานด้วยกันกับน้อง พาเดินดูชมตลาด มาลอยกระทง รับเสด็จ เสร็จแล้วก็พาไปซื้อขนม ดูพลุสวยๆพร้อมกับการให้ความรู้โดยพ่อริด ยืนตัวติดกัน(ริดแทบสิงพุดตาน)อ้างว่าตลาดคนเยอะจะเดินไปชนเขา  มองสาวด้วยสายตาชวนหลง พุดตานหันมาเจอถึงกลับสะเทิ้นอาย (ลองคิดดูว่าริดจะมองเยิ้มขนาดไหน) พุดตานแค่พูดว่าที่นี่มีขนมด้วย ก็พาสาวไปซื้อขนม พร้อมกับเสนอตัวว่าจะทำให้ขนมให้ทาน เป็นที่มาว่าทำไมถึงไปทำขนมสี่ถ้วยให้พุดตานกิน  ซึ่งรายละเอียดเหล่านี้ ทำให้รู้ว่าริดรุกเต็มที่แล้ว ชนิดที่ใครห้ามก็เอาไม่อยู่ ทั้งชัดเจน หนักแน่น และเปิดเผย

 

ขุนหลวงกับหนุ่มๆอยุธยา
               ขุนหลวงเอ็นดูพุดตาน แต่ไม่ได้ชอบเชิงชู้สาวนะ หนุ่มๆอยุธยาเช่นกัน แต่จะมียั่วให้ริดโมโหหน่อยคือพ่ออิน แหย่ว่าจะให้ขึ้นเรือกลับด้วยกัน เดี๋ยวจะไปส่งด้วยตัวเองบ้าง ซึ่งทั้งหมดถูกขัดขวางโดยพ่อริด จะขึ้นเรือกับพ่ออินก็ให้ขึ้นเรือกับตัวเอง พ่ออินจะไปส่งบ้านก็ไม่ให้ไปอ้างมีธุระจะคุยด้วย เดี๋ยวไปส่งเอง หวงชัดเจน จนพ่ออินก็รู้ชัดว่าพ่อริดพอใจแม่พุดตานเข้าแล้ว และล้อเล่นไม่ได้ด้วย เพราะแววตาและน้ำเสียงจะดุมาก 
  
             
ที่จริงในหนังสือสนุกมากนะคะ แต่บทละครปรับเยอะมากจริงๆ แต่คำพูดตามหนังสือเป๊ะๆ แต่บริบทของละครกลับไม่ใช่

แต่ก็ขอบคุณนะคะที่ทำภาคต่อ และเข้าใจความยากลำบากของการทำงานของนักแสดง
ที่เราตั้งกระทู้นี้เพราะอยากให้บทละครมีความละเอียดเกี่ยวกับพระนางมากกว่านี้ บทละครกระโดดไปมาจนไม่สมูทเลยจริงๆ 

แล้วคุณล่ะคิดยังไง...
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่