วันนี้เรามาแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดตราด อากาศดี ๆ กิจกรรมสนุก ๆ ภายในงบ 2,100 บาท ใครที่กำลังหาที่เที่ยวอยู่มามุงด่วนนนน! หลังจากที่กลับจากทริปนี้ ก็อดใจไม่ไหว นี่เป็นทริปดี ๆ ที่อยากมาบอกต่อทุกคน เพราะว่าผู้คนในชุมชนนี้อบอุ่นมาก ๆ ทุกคนห้ามพลาดเลย! พูดอีกก็อยากไปอีก
วันนี้เราเลยอยากจะมาเล่าประสบการณ์ดี ๆ ที่ได้เจอมาเกี่ยวกับทริปที่เราไปตั้งแต่เริ่มวางแผนกันเลย > . < เราจะพาทุกคนไปเที่ยวผ่านบทความนี้กัน! ลุยยยย
Day 0
เราเริ่มมีการพูดคุยกันในกลุ่ม หาที่ท่องเที่ยวกัน ซึ่งเราปักไว้หลายจังหวัดมาก อย่างเช่น จันทบุรี นครสวรรค์ ตราด หรือกำแพงเพชร เราเลยลองหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยว ชุมชน หรืออื่น ๆ
เราได้เปิดไปเจอชุมชนบ้านน้ำเชี่ยวในเว็บ CBT Thailand ซึ่งเป็นชุมชนที่น่าสนใจมาก ๆ จะมีกิจกรรมหลากหลายที่มีจุดเริ่มต้นมาจากจังหวัดตราด เช่น การทำงอบใบจาก การทำขนมทองกรอบดอกไม้ และอื่น ๆ อีกมากมาย อาหารพื้นบ้านในชุมชน รวมถึงการได้เข้าไปอยู่กับผู้คนในชุมชน ได้พักที่โฮมสเตย์ที่เจ้าของบ้านเป็นคนในชุมชน ซึ่งเราก็เลยตัดสินใจเลือกให้ Backpack Trip ของเราเป็นชุมชนบ้านน้ำเชี่ยว จังหวัดตราดนั่นเองงง yayyyy! > <
เราเริ่มติดต่อไปยังชุมชนบ้านน้ำเชี่ยวเพื่อพูดคุยรายละเอียด อย่างเช่น กิจกรรม เวลาในการทำกิจกรรม และค่าใช้จ่าย ซึ่งราคาอยู่ที่ 1,290 บาท/คน เป็นเวลา 2 วัน 1 คืน จะรวมทั้งค่าที่พัก อาหาร และกิจกรรมภายในชุมชน เมื่อเราได้ข้อมูลเกี่ยวกับกิจกรรมแล้วเราก็เริ่มวางแผนตารางกิจกรรมในแต่ละวัน
เราพูดคุยกันถึงเรื่องรถที่จะนั่งไปตราด ซึ่งจะมีเป็น Bus ใหญ่ เดินทาง 6 ชั่วโมง 30 นาทีกับราคา 700 บาทต่อคน และ Mini Bus เดินทาง 5 ชั่วโมง 30 นาทีกับราคา 362 บาท เมื่อลองเทียบราคาและเวลา เรารู้สึกว่า Mini Bus คุ้มกว่าและใช้เวลาน้อยกว่า เราเลยเลือกเป็น Mini Bus
-----------------------------------------------------------------------------
เราวางแผนกันว่าเราจะนัดเจอกันตอนตี 5 ที่มจธ. เพื่อไปยังสถานีเอกมัยพร้อมกัน โดยจะมีผู้ปกครองไปส่ง และคำนวนเวลาการเดินทางแล้ว รถบัสออก 7.15 น. เดินทางไปจังหวัดตราด 5 ชั่วโมง จะถึงจังหวัดตราดประมาณเกือบบ่ายโมง และเดินทางต่อไปยังชุมชนบ้านน้ำเชี่ยวให้ทันภายใน 14.00 น. ตอนแรกก็ไม่แน่ใจว่าจากสถานีขนส่งตราดจะมีรถให้ไปยังบ้านน้ำเชี่ยวมั้ย เราเลยได้ทักไปถามกับทางชุมชนบ้านน้ำเชี่ยว เขาก็ได้แนะนำรถสองแถวที่จะนั่งจากสถานีขนส่งตราดไปบ้านน้ำเชี่ยว ค่าใช้จ่ายจะอยู่ที่ 150 บาท สำหรับการเหมารถ 7 คน คุ้มแถมสะดวกมาก ๆ !
ขาไปเราเริ่มจองรถทัวร์กันแบบออนไลน์ ก่อนวันจริงประมาณ 1 อาทิตย์ เพราะกลัวที่นั่งเต็มก่อน ซึ่งเราจองในเว็บ 12Go จากสถานีเอกมัยไปสถานีขนส่งตราด ในส่วนนี้จะอยู่ที่ราคาคนละประมาณ 362 บาท จริง ๆ แล้วราคาจะอยู่ที่ 290 บาท แต่เราจองกันผ่านเว็บทำให้มีภาษี 72 บาท เราจองรอบรถบัสตอน 7.15 น.
Day 1
และแล้วก็ถึงวันที่เราจะได้ไปเที่ยวแล้ววว เย้!~
ตื่นกันตั้งแต่ไก่ยังไม่ขัน เพราะว่าไม่มีไก่ หยอกกก เราทำตามแพลนที่วางไว้ แต่เกิดปัญหานิดหน่อยก่อนที่จะออกจากมจธ. ทำให้ไปช้ากว่าเวลาที่กำหนด แต่สุดท้ายพวกเราก็ไปถึงตามเวลาที่แพลนไว้ เรา ซึ่งจะไปถึงตอนประมาณ 6.00 น. เราไปถึงก่อนเวลาเป็นชั่วโมงเลย (ง่วงมาก ๆ T . T)
ในรถจะมีประมาณ 6 แถว เราแนะนำให้นั่งเดี่ยวดีกว่า เพราะว่าพื้นที่ในรถค่อนข้างแคบมาก ๆ เบาะก็ไม่สามารถปรับเอนได้ แต่ในแต่ละที่นั่งจะมีจุดให้ชาร์จแบตได้ ซึ่งเราคิดว่ามันดีมาก ๆ แต่ว่ารถที่เราไปไม่มีที่เก็บของใต้รถ เพราะเป็น mini bus ทำให้ของทั้งหมดจะถูกมัดไว้อยู่แถว ๆ ประตูทางขึ้น
เราใช้เวลาเดินทางจากกรุงเทพไปตราดประมาณ 5 ชั่วโมง ระหว่างทางก็จะมีผู้โดยสารคนอื่น ๆ ลงตามสถานที่ต่าง ๆ พอเดินทางไปประมาณ 3 ชั่วโมงแล้วก็จะมีการจอดพัก 15 นาทีเข้าห้องน้ำ หรือหาอะไรกินเผื่อหิว แล้วก็กลับมาเดินทางกันต่ออีก 2 ชั่วโมง
รถคันนี้นั่งแล้วค่อนข้างปวดหลังปวดคอ T __ T
***ใครที่ต้องเดินทางด้วย mini bus อย่าลืมเตรียมหมอนรองคอมาด้วยนะ !***
ก่อนที่จะไปบ้านน้ำเชี่ยวเราก็ได้มีการแวะที่โลตัสก่อน เพื่อหาอะไรกินกัน เพราะว่าในกิจกรรมจะเริ่มตอน 14.00 น. พอซื้อของอะไรกันเรียบร้อยแล้ว ก็ขึ้นรถสองแถวไปยังวิสาหกิจชุมชนบ้านน้ำเชี่ยวกันเล้ยยย
เมื่อมาถึงชุมชนบ้านน้ำเชี่ยวแล้ว คนในชุมชนออกมาต้อนรับเราอย่างอบอุ่น มีการเสิร์ฟน้ำอัญชันผสมมะนาวให้ดื่มก่อน และให้เวลาเรากินอาหาร ซึ่งทางชุมชนก็กำลังกินอาหารเหมือนกัน เขาก็ได้มีการแบ่งให้เรากินก๋วยเตี๋ยวผัดพื้นบ้านน้ำเชี่ยว และเมี่ยงผ้าปลาโค่ ซึ่งสองเมนูนี้เป็นอาหารประจำพื้นบ้านชุมชนบ้านน้ำเชี่ยวเลย
ก๋วยเตี๋ยวผัดพื้นบ้านกุ้งมีรสชาติที่ออกหวาน เปรี้ยว และเผ็ดเล็กน้อย ตัวเส้นมีความนุ่ม หอมกลิ่นพริกเผา และเมี่ยงผ้าปลาโค่ จะมีตะไคร้ ผักโขม ใบสาระแน กะหล่ำปลีผสมกันให้เราหยิบใส่ ขาดไม่ได้เลยคือปลาโค่ และน้ำพริก เมื่อกินแล้วจะได้กลิ่นหอมของผักและน้ำจิ้มมีรสชาติที่ครบรส เปรี้ยว หวาน เค็ม กินง่ายมาก ๆ แถมมีประโยชน์เพราะพวกผักจะเป็นสมุนไพรที่ทางชุมชนปลูกขึ้นเอง
หลังจากที่เรากินอาหารกันเรียบร้อยแล้ว ทางชุมชนก็ได้มีการเล่าประวัติความเป็นมาของชุมชนบ้านน้ำเชี่ยว ว่ามีความเป็นมายังไง ทำไมถึงกลายมาเป็นวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยว และมีการอธิบายถึงกิจกรรมที่เราต้องทำในวันนี้ โดยจะเริ่มจากการทำงอบใบจากกันเลยย
งอบใบจากเป็นหัตถกรรมพื้นบ้านที่ถูกสืบทอดต่อกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ ทำขึ้นเพื่อใช้กันฝน กันแดด ซึ่งในส่วนนี้จะมีแบ่งเป็น 5 ทรง คือ ทรงกระทะคว่ำ ทรงกระดองเต่า ทรงหัวแหลม ทรงกะโหลก และทรงสมเด็จ งอบใบจากนี้ทำขึ้นจากวัสดุธรรมชาติ และสามารถใช้งานได้ถึง 2 ปีเลยนะทุกคน !
การทำงอบใบจากนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลย ใช่ความอดทนสูงมาก ลองถามยายที่มีความเชี่ยวชาญในการทำหมวก คือบอก 2 วัน เต็ม ๆ (ถ้าตั้งใจ และเซียน > <) ก่อนหน้าที่จะเริ่มเย็บก็จะมีการเอาใบจากมาวางทำเป็นกลม ๆ และใช้เข็มทำเป็นวงเวียนเพื่อมาร์กจุดที่จะเย็บ ตอนแรกที่ลองเย็บก็เหมือนเย็บผ้าปกติเลย มีลูกเล่นนิดหน่อย แต่จะโดนเข็มจิ้มเอาถ้าไม่ระวัง หมวกใบใหญ่สุด ๆ เพื่อน ๆ ก็ตั้งหน้าตั้งตาทำเลยขยันสุด พอด้ายหมดคุณยายก็เปลี่ยนด้ายให้เลย (ยายน่ารักมาก ๆ <3 )
หลังจากที่เราทำงอบใบจากเรียบร้อยแล้ว ทางชุมชนก็จะให้เลือกคนละ 1 ใบเป็นของฝากกลับกรุงเทพ และก็ยังให้เวลาเราในการเก็บภาพด้วย คนในชุมชนน่ารักมาก ๆ
-----------------------------------------------------------------
ต่อมาเราก็ได้ทำหอยคราฟต์ต่อเลย กิจกรรมนี้เป็นกิจกรรมที่สนุกเหมือนกันได้ทำเครื่องประดับจากเปลือกหอย อย่างเช่น กิ๊บติดผม สร้อยข้อมือ หรือพวงกุญแจ วิธรทำไม่ยากเลย เราจะเอาเปลือกหอยไปบดและใช้กาวผสมกันออกมาเป็นดินเหนียว เสร็จแล้วทางชุมชนจะมีพิมพ์ให้ เราต้องหยอดออยล์ใส่พิมพ์ก่อน แล้วค่อยนำดินเหนียวมากดใส่ แค่นี้เลยย !
แต่ๆๆๆ ตอนที่ทำเป็นเครื่องประดับ จะมีการติดกาวระหว่างเปลือกหอยกับตัวเหล็ก ก็จะแอบติดมือหน่อย ๆ แต่มีสีให้เลือกหลายสีเลย หลังทำเสร็จก็ได้กลับไปคนละอันเป็นของที่ระลึก (แต่ต้องเสียเงินนะ!) นี่เป็นอีกชิ้นนึงที่เราประทับใจมาก ซึ่งถือว่าเป็นการอนุรักษ์วัฒนธรรมที่ต้องส่งให้รุ่นหลัง ๆ ได้ประยุกต์และใช้ทรัพยากรให้คุ้มค่า ตามหลักของชุมชนบ้านน้ำเชี่ยว
[CR] รีวิวเที่ยวตราดในงบ2,100
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้