กรมสรรพากรออกคำสั่งกรมสรรพากรที่ ป. 162/2566 เพื่อยกเว้นเงินได้ที่เกิดขึ้นจากแหล่งในต่างประเทศก่อนปี 2567 จะได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีถ้ามีการนำกลับเข้าในไทยตั้งแต่ปี 2567 เป็นต้นไป
จากผลของคำสั่ง ป. 162/2566 นักลงทุนที่ได้โอนเงินไปลงทุนในต่างประเทศ จะไม่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในประเทศไทยหากถ้ามีการนำเงินได้พึงประเมินที่เกิดขึ้นจากแหล่งเงินได้ในต่างประเทศที่เกิดขึ้นก่อนปี 2567 กลับเข้ามาในปี 2567 เป็นต้นไป ไม่ว่าจะนำเข้ามาในปีใดก็ตาม
ดังนั้น ถ้าผมเป็น ดร.นิเวศน์ หรือเซียนโจ ลูกอีสาน หรือเซียนมี ทิวา ชินธาดาพงศ์ ฯลฯ ที่มีการโอนเงินไปลงทุนในต่างประเทศจำนวนมาก ผมจะขายหุ้นในพอร์ตทั้งหมดเพื่อให้เกิดการรับรู้กำไรก่อน (หรือจะเป็นการรับรู้ขาดทุนก็แล้วแต่)
ทั้งนี้ เพื่อให้เงินได้ดังกล่าวเกิดการ realized ในปีนี้ ก่อนที่จะถึงวันที่ 1 มกราคม 2567 ดังนั้น หากผมนำเงินได้จากการขายเข้ามาในประเทศไทยคนละปีภาษี คือนำเข้ามาในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2567 เป็นต้นไป ผมก็จะไม่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามคำสั่งกรมสรรพากรที่ ป. 161/2566
หรือหากผมต้องการนำเงินดังกล่าวกลับไปลงทุนใหม่ในตลาดหุ้นต่างประเทศ ผมก็จะต้องจัดเตรียมหลักฐานเอกสารให้ปรากฏเพื่อใช้ในการพิสูจน์ต่อเจ้าหน้าที่สรรพากรในภายหลังว่า เงินทั้งหมดที่ผมนำไปใช้ลงทุนใหม่ เป็นเงินได้ที่เกิดจากการขายหุ้นทั้งหมดในต่างประเทศก่อนปี 2567 ก็แสดงว่า เงินที่ผมใช้ลงทุนใหม่นี้เป็นต้นทุนทั้งหมด ซึ่งหากมีการขายหุ้นในอนาคต ผมก็จะรับรู้เงินได้เฉพาะกำไรใหม่ (ส่วนต่างระหว่างราคาขายในอนาคต-ต้นทุนซื้อหุ้นในวันนี้) ที่เกิดขึ้นจากการขายหุ้นในอนาคต ซึ่งถ้ามีการนำเงินได้จากการขายหุ้นเข้ามาในไทย ผมก็จะเสียภาษีเฉพาะส่วนที่เป็นกำไร (ซึ่งคราวนี้ผมสามารถจะพิสูจน์ได้ชัดเจนแล้วเพราะได้มีการเตรียมเอกสารหลักฐานในการซื้อขายหุ้นไว้ก่อนแล้ว จากแต่เดิมที่ผมไม่เคยจัดเตรียมเอกสารหลักฐาน เพราะคิดมาตลอดว่าเงินได้จากการขายหุ้นจะไม่ต้องเสียภาษีในประเทศไทยหากมีการนำกลับไปคนละปีภาษี)
กรมสรรพากรออกคำสั่งกรมสรรพากรที่ ป. 162/2566 เพื่อยกเว้นเงินได้ที่เกิดขึ้นจากแหล่งในต่างประเทศก่อนปี 2567ไม่ต้องเสียภาษี
จากผลของคำสั่ง ป. 162/2566 นักลงทุนที่ได้โอนเงินไปลงทุนในต่างประเทศ จะไม่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในประเทศไทยหากถ้ามีการนำเงินได้พึงประเมินที่เกิดขึ้นจากแหล่งเงินได้ในต่างประเทศที่เกิดขึ้นก่อนปี 2567 กลับเข้ามาในปี 2567 เป็นต้นไป ไม่ว่าจะนำเข้ามาในปีใดก็ตาม
ดังนั้น ถ้าผมเป็น ดร.นิเวศน์ หรือเซียนโจ ลูกอีสาน หรือเซียนมี ทิวา ชินธาดาพงศ์ ฯลฯ ที่มีการโอนเงินไปลงทุนในต่างประเทศจำนวนมาก ผมจะขายหุ้นในพอร์ตทั้งหมดเพื่อให้เกิดการรับรู้กำไรก่อน (หรือจะเป็นการรับรู้ขาดทุนก็แล้วแต่)
ทั้งนี้ เพื่อให้เงินได้ดังกล่าวเกิดการ realized ในปีนี้ ก่อนที่จะถึงวันที่ 1 มกราคม 2567 ดังนั้น หากผมนำเงินได้จากการขายเข้ามาในประเทศไทยคนละปีภาษี คือนำเข้ามาในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2567 เป็นต้นไป ผมก็จะไม่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามคำสั่งกรมสรรพากรที่ ป. 161/2566
หรือหากผมต้องการนำเงินดังกล่าวกลับไปลงทุนใหม่ในตลาดหุ้นต่างประเทศ ผมก็จะต้องจัดเตรียมหลักฐานเอกสารให้ปรากฏเพื่อใช้ในการพิสูจน์ต่อเจ้าหน้าที่สรรพากรในภายหลังว่า เงินทั้งหมดที่ผมนำไปใช้ลงทุนใหม่ เป็นเงินได้ที่เกิดจากการขายหุ้นทั้งหมดในต่างประเทศก่อนปี 2567 ก็แสดงว่า เงินที่ผมใช้ลงทุนใหม่นี้เป็นต้นทุนทั้งหมด ซึ่งหากมีการขายหุ้นในอนาคต ผมก็จะรับรู้เงินได้เฉพาะกำไรใหม่ (ส่วนต่างระหว่างราคาขายในอนาคต-ต้นทุนซื้อหุ้นในวันนี้) ที่เกิดขึ้นจากการขายหุ้นในอนาคต ซึ่งถ้ามีการนำเงินได้จากการขายหุ้นเข้ามาในไทย ผมก็จะเสียภาษีเฉพาะส่วนที่เป็นกำไร (ซึ่งคราวนี้ผมสามารถจะพิสูจน์ได้ชัดเจนแล้วเพราะได้มีการเตรียมเอกสารหลักฐานในการซื้อขายหุ้นไว้ก่อนแล้ว จากแต่เดิมที่ผมไม่เคยจัดเตรียมเอกสารหลักฐาน เพราะคิดมาตลอดว่าเงินได้จากการขายหุ้นจะไม่ต้องเสียภาษีในประเทศไทยหากมีการนำกลับไปคนละปีภาษี)