สวัสดีเพื่อนๆพี่ๆน้องๆ ทุกคน
วันนี้ผมจะมาแชร์ประสบการณ์ Backpack เที่ยวเกาะฟู้โกว๊ก ประเทศเวียดนามคนเดียวซึ่งมีเรื่องราวที่น่าตื่นเต้น และ ความประทับใจมากมายในทริปครั้งนี้
จขกท.ไปมาวันที่ 11-15 พย. 2023 ที่ผ่านมา จริงๆเกาะฟู้โกว๊ก ไม่เคยได้ยินชื่อสถานที่นี้มาก่อนจนกระทั่งไปเห็นมาจากสายการบินทำการโปรโมท พอเห็นครั้งแรกก็ได้ทำการปักมุดรอไว้เลย
ว่าต้องไปให้ได้นะ จะขอ Review แบบละเอียดเลยครับ
1.จองตั๋วเครื่องบิน
จขกท.ใช้บริการสายการบินของ Vietjet ได้ราคาไป-กลับ 5,000 กว่าบาท
2.การเดินทางบนเกาะฟู้โกว๊ก
มี 2 ทางเลือกคือ
2.1 รถบัส
บนเกาะฟู้โกว๊กคือนั่งฟรีทุกสายไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ จขกท. สัณนิษฐานว่าน่าจะเป็นแผนกระตุ้นการท่องเที่ยว หรือ ไม่ก็ดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามาบนเกาะ
เพราะว่าบนเกาะนักท่องเที่ยวถือว่ายังค่อนข้างน้อย ซึ่งต่างจากรถบัสที่เมืองโฮจิมินท์ และ ฮานอย ที่เวลาขึ้นรถบัสต้องเสียตังค์ และ ที่เมืองดานัง ไม่มีรถบัสให้บริการเลย ต้องเรียกแต่ GRAB อย่างเดียว
ซึ่งที่เกาะฟู้โกว๊กแทบจะไม่เสียค่าเดินทางเลย Save ได้เยอะมาก
1.1 Vin Bus Application โหลดติดตัวไว้เช็คเส้นทางเดินรถ และ เวลา แต่ขอบอกว่าตารางเวลาก็มี Late บ้างเหมือนกัน
2.2 GRAB Taxi
ถ้าใครไม่อยากรอรถบัสนาน ก็สามารถทำเวลาด้วยการเรียก Grab แทนครับเป็นอีก 1 ทางเลือก
3. Sim Card
หาซื้อได้ที่สนามบิน หรือ เปิด Roaming มาจากที่ไทยเลย
4.ที่พัก
วันที่ 11-13 พักที่ Hanz Sunset TeddyyHouse ราคาคืนละประมาณ 600 บาท เท่านั้น
วันที่ 13-15 พักที่ Amorii Hotel ราคาคืนละประมาณ 600 บาท เช่นกัน
ค่าเสียหายทั้งหมดประมาณ 2,400 เท่านั้น ราคาอ่อนโยนเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมครับ แถมได้ห้องใหม่ แอร์เย็น เตียงนุ่มๆ หลับสบายมากครับ
เซลฟี่สวยๆ ก่อนขึ้นรถบัส
รถบัสสีเขียวจากสนามบินเข้าเมือง
ขออนุญาติเริ่ม Review เลยครับ
วันที่ 1
หลังจากเครื่อง Landing ถึงสนามบินก็เดินออกไปตามทาง พอมาถึง ตม. ยื่น Passport เจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้ถามอะไรเลย ผ่านตม.มาอย่างง่ายดาย
หลังจากนั้นซื้อ Sim Card ตรงทางเดินราคา 300 บาท ได้ 50 G แล้วก็เดินออกมาหน้าสนามบินเพื่อตามหารถบัสสีเขียวฟรี ก่อนขึ้นรถบัสก็ทำการถ่ายรูปสวยๆ ซะหน่อยว่ามาถึงแล้ว
พอขึ้นรถบัสมาเสร็จ รถบัสมุ่งหน้าจากสนามบินไปที่ Grand World ระยะทางประมาณ 30 KM ใช้เวลาประมาณ 50 นาทีได้ ในขณะที่นั่งบนรถบัสก็ชมวิวบรรยากาศ 2 ข้างทางไปเพลินๆ ไม่มีง่วงเลยสักนิด
ในขณะที่ชมวิวอยู่นั้นก็มีผู้โดยสารขึ้นมานั่งข้างๆ ด้วย เป็นน้องผู้หญิงคนหนึ่งถือของขึ้นมาเยอะเลย แล้วบังเอิญน้องเค้าทำถุงผลไม้หล่นไปที่พื้น ผมก็เลยรีบเก็บให้ น้องเค้าก็ยิ้มๆ ให้ (คงคิดในใจพี่เก็บให้ทำไม 555)
พอรถบัสถึง Grand World ผมก็ลงรถแยกย้ายกับน้องเค้า คงคิดว่าไม่มีทางได้เจอกันอีกแล้วคงเป็นแค่ฉากหนึ่งในละครแค่นั้น
ผมก็เดินหาที่พักในวันแรกชื่อ Hanz Sunset TeddyyHouse เปิด Google Map แหละครับ เดินวนหลายรอบไม่เจอครับ อากาศค่อนข้างร้อนด้วย ก็เลยเข้าไปนั่งทานชานมที่ร้านๆ หนึ่ง ผมก็ขอความช่วยเหลือถามคนในร้านเค้าก็บอกทางให้
จนกระทั่งเจอรร. และเข้าไป Check In ถามเจ้าของโรงแรมว่าตอนจองทำไมเป็นชื่อ Hanz Sunset TeddyyHouse นี้ แต่พอไปถึงกลับเป็นชื่อ Sofia Hotel เจ้าของตอบว่าเป็นที่เดียวกันแต่มี 2 ที่ อ้าวแบบนี้ Google Map ไม่ได้ผิดนี่ๆ
เจ้าของโรงแรมพูดภาษาอังกฤษได้เก่งมาก เก็บข้าวของเสร็จ ก็ออกมาเดินเล่นเลย
ที่แรกที่ไปคือ Grand World ภายในก็มีแหล่งท่องเที่ยวที่ช้อบปิ้ง พิพิธภัณฑ์ และร้านอาหารมากมาย มุมไฮไลท์ของข้างในจะมีคลองตลอด 2 ฝั่ง ซึ่งเป็นเมืองจำลองของเวนิส อิตาลี และเต็มไปด้วยอาคารหลากสีสัน
จขกท.ก็เดินเล่นชิวๆ ถ่ายรูปไปเรื่อยๆ เจอของอร่อยระหว่างทางก็แวะซื้อ จนกระทั่งเดินมาถึงร้านขายน้ำผลไม้ร้านหนึ่งมีน้องผู้หญิงเรียก และ ยิ้มให้มาแต่ไกลเหมือนคนรู้จักกันมาก่อน ผมก็นึกอยู่ว่าใครกันเห็นไกลๆ
สักพักก็อ๋อ น้องผู้หญิงที่เจอบนรถบัสที่เราเก็บถุงผลไม้ให้นี่ๆ บังเอิญจัง เรียกผมขนาดนี้ก็เลยต้องช่วยอุดหนุนน้ำผลไม้ที่ร้านแล้ว และถือโอกาสฝากเนื้อฝากตัวกับคุณแม่ของน้องเค้าด้วยเลย
ขณะที่ทานน้ำผลไม้อยู่ น้องเอาขนุนมาให้ทานด้วย ทำไมใจดีจัง 55 รูปนี้ขอให้น้องเค้าช่วยถ่ายให้ด้วยครับ จากนั้นก็เดินๆ จนกระทั่งมืดก็มีการแสดงโชว์ แสงสีเสียง มีโชว์ศิลปวัฒนธรรมของเวียดนามใกล้ๆ กับ Grand World
สามารถหาซื้อตั๋วได้บริเวณใกล้ๆ ทางเข้าโชว์ จบวันแรกกลับเข้าที่พัก พักผ่อน
วันที่ 2
ตื่นเช้ามาทานอาหารใกล้ๆกับโรงแรมที่พักจากนั้นขึ้นรถบัสเดินทางไปที่สวนสัตว์ Vinpeal Safari ระยะทางจากที่พักประมาณ 3 KM พอรถบัสไปถึงก็เดินรอบๆ หามุมถ่ายรูปสวยๆ วันที่ไปคือวันอาทิตย์นักท่องเที่ยวชาวจีนค่อนข้างเยอะเลยทีเดียว
ผมซื้อตั๋ว Package เข้าของสวนสัตว์ซาฟารี่ + สวนสนุกวินวันเดอร์คู่กันเลย และแถม Voucher อาหาร 1 มื้อในสวนสนุกตามร้านที่ร่วมรายการ โดยซื้อผ่าน Klook มาตั้งแต่ที่บ้านเรา พอไปถึงทางเข้าสวนสัตว์ซาฟารี่แค่ Scan QR Code เข้าได้เลยง่ายดี
เข้าไปก็เจอสัตว์มากมายแต่ที่เห็นแล้วชอบมากคือ Baby Lion ที่นอนเรียกกันเเป็นแถวๆ น่ารักมาก และก็มียีราฟที่บรรรดานักท่องเที่ยวจะซื้ออาหารมาป้อนให้ อากาศค่อนข้างร้อนมากวันที่ไป อยู่ในสวนสัตว์ประมาณ 2 ชม.กว่าก็ดูสัตว์ครบแล้ว
จากนั้นก็ออกจากซาฟารี่ขึ้นรถบัสไปสวนสนุก VinWonder ต่อ ที่นี้ก็อยู่สวนสนุกยาวๆ เลย
Baby Lion นอนสบายกันเลยๆ
ไปถึงสวนสนุกหมดแรงมากกองทัพต้องเดินด้วยท้องว่าแล้วก็ใช้ Voucher อาหารซะเลย จัดเมนูไก่ทอดบาร์บีคิวไป + เฟรนฟรายไป พอทานเสร็จก็เดินเล่นแล้วจุดที่ไปที่แรกคือปราสาทซึ่งเป็นจุดไฮไลน์ของที่นี่เลย ตอนเห็นในรูปว่าสวยแล้ว พอมาถึงสถานที่จริงมาเห็นด้วยตาตัวเองยิ่งสวยกว่า
ปราสาทใหญ่แบบอลังการมากครับเหมือนหลุดเข้ามาอยูในโลกการ์ตูน Disney ยังไงยังงั้น เครื่องเล่นก็มีให้เลือกหลากหลายมีหลายโซนเลยทีเดียวที่พลาดไม่ได้คือชิงช้าสวรรค์เพราะจะได้เห็นมุม Bird's eye view ของที่นี้ บรรยากาศติดริมทะเลเลยครับ และก็ยังมีรถไฟเหาะที่มาถึงแล้วต้องเล่นให้ได้
ในสวนสนุกจะมีโซนสวนน้ำในนั้นด้วย สวนน้ำทำออกมาได้ค่อนข้างดีคล้ายๆ กับสวนน้ำที่พัทยาบ้านเราเลย มีหาดทรายจำลอง มีสไลเดอร์ให้หวาดเสียวน่าเล่นมาก ใครที่มีลูกหรือเด็กเล็ก พาไปที่นี้รับรองต้องชอบแน่ๆ
เดินเล่นในสวนสนุกเหนื่อยๆ ก็แวะเข้ามาตากแอร์ชมการแสดงโชว์นางเหงือกที่พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ (Vinpeal Sea Shell Aquarium) นางเหงือกว่ายน้ำไปกับบรรดาปลาทั้งหลายสร้างความตื่นตะลึงให้กับผู้ชมมากสำหรับโชว์นี้ เต็ม 10 ให้ 10 เลยโชว์นี้
อยากจะดูซ้ำอีกรอบ
หลังจากเที่ยวสวนสนุกเสสร็จแล้วตกเย็นอย่าพึ่รีบกลับเพราะจะมีการแสดงแสงสีเสียงที่บริเวณปราสาทในเวลา 19.00 น. ผมก็รีบไปจับจองพื้ที่เพื่อชมการแสดง ทำออกมาได้ค่อนข้างดีในเรื่องของแสงสี เอฟเอ็กในการแสดง แต่เนื้อเรื่องเค้าบรรยายเป็นภาษาเวียดนามหมดเลย ไม่มีซับอังกฤษเลยครับ แต่ไม่เป็นไรก็ชมแต่แสงสี และ ก็บรรรยากาศก็คุ้มแล้ว โชว์ประมาณ 20 กว่านาที จากนั้นก็ขึ้นรถบัสกลับโรงแรมตกอยู่ในสภาวะทิ้งตัวของพี่แดน D2B
พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ (Vinpeal Sea Shell Aquarium)
โชว์นางเหงือกที่พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ (Vinpeal Sea Shell Aquarium)
Bird's eye view ของที่นี้ บรรยากาศติดริมทะเล
ตอนกลางคืนรอชมการแสดงแสงสีเสียงที่ปราสาทกัน ต้องรีบมาจับจองพื้นที่
วันที่ 3
Check Out ออกจากที่พัก เจ้าของโรงแรมอยู่กับแม่ 2 คน เห็นทำเองทุกอย่างเลยตั้งแต่ทำความสะอาดห้อง เปลี่ยนผ้าปูที่นอน ไม่ได้จ้างคนช่วยเลย อยู่กันแบบครอบครัวจริงๆ จากนั้นมุ่งหน้าไปขึ้นรถบัสที่อยู่ใกล้ๆ รร. ไปทางตอนใต้ของเกาะ
รถบัสไปส่งถึงที่เลย ชื่อ รร.ว่า Amorii Hotel ทำการ Check in เก็บของเข้าที่พักจากนั้นเรียก Grab ไปที่อุทยานธรรมชาติซันเวิลด์ฮอนเทิม (Sun World Hon Thom Nature Park) รอบนี้ไม่มีรถบัสผ่าน จึงจำเป็นต้องเรียก Grab ไป
พอไปถึง Cable Car ปิดปรับปรุงจะเปิดทำการอีกทีเดือนธันวาคมโน้นเลย น่าเสียดายมากที่ไม่ได้นั่ง Cable Car ข้ามไปอีกเกาะหนึ่งที่ลง Guinness World Records ว่าเป็นกระเช้าที่ยาวที่สุดในโลกที่ 7 กิโลกว่าๆ แต่ตรงจุดนี้มีสถานที่สวยๆ จุดชมวิวให้เดินเล่นอยู่ครับ
เดินลงไปด้านล่างจะเจอชายหาด และ เจอกับตึกอาคารบ้านเรือนที่มีมุมอาร์ทๆ ให้ถ่ายรูปเยอะมาก ใครเป็นสายถ่ายรูปต้องไม่พลาดตรงจุดนี้ วันที่ผมไปเห็นมีคนมาถ่าย Pre-Wedding อยู่หลายคู่เลย และ ยิ่งตอนกลางคืนเปิดไฟก็จะดูสวยไปอีกแบบ
[img]
https://f.ptcdn.info/373/082/000/s4csfkzp27AnyXT1mPu4-o.jpg
[CR] แบกเป้เที่ยวเกาะฟู้โกว๊ก คนเดียวที่เวียดนาม
วันนี้ผมจะมาแชร์ประสบการณ์ Backpack เที่ยวเกาะฟู้โกว๊ก ประเทศเวียดนามคนเดียวซึ่งมีเรื่องราวที่น่าตื่นเต้น และ ความประทับใจมากมายในทริปครั้งนี้
จขกท.ไปมาวันที่ 11-15 พย. 2023 ที่ผ่านมา จริงๆเกาะฟู้โกว๊ก ไม่เคยได้ยินชื่อสถานที่นี้มาก่อนจนกระทั่งไปเห็นมาจากสายการบินทำการโปรโมท พอเห็นครั้งแรกก็ได้ทำการปักมุดรอไว้เลย
ว่าต้องไปให้ได้นะ จะขอ Review แบบละเอียดเลยครับ
1.จองตั๋วเครื่องบิน
จขกท.ใช้บริการสายการบินของ Vietjet ได้ราคาไป-กลับ 5,000 กว่าบาท
2.การเดินทางบนเกาะฟู้โกว๊ก
มี 2 ทางเลือกคือ
2.1 รถบัส
บนเกาะฟู้โกว๊กคือนั่งฟรีทุกสายไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ จขกท. สัณนิษฐานว่าน่าจะเป็นแผนกระตุ้นการท่องเที่ยว หรือ ไม่ก็ดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามาบนเกาะ
เพราะว่าบนเกาะนักท่องเที่ยวถือว่ายังค่อนข้างน้อย ซึ่งต่างจากรถบัสที่เมืองโฮจิมินท์ และ ฮานอย ที่เวลาขึ้นรถบัสต้องเสียตังค์ และ ที่เมืองดานัง ไม่มีรถบัสให้บริการเลย ต้องเรียกแต่ GRAB อย่างเดียว
ซึ่งที่เกาะฟู้โกว๊กแทบจะไม่เสียค่าเดินทางเลย Save ได้เยอะมาก
1.1 Vin Bus Application โหลดติดตัวไว้เช็คเส้นทางเดินรถ และ เวลา แต่ขอบอกว่าตารางเวลาก็มี Late บ้างเหมือนกัน
2.2 GRAB Taxi
ถ้าใครไม่อยากรอรถบัสนาน ก็สามารถทำเวลาด้วยการเรียก Grab แทนครับเป็นอีก 1 ทางเลือก
3. Sim Card
หาซื้อได้ที่สนามบิน หรือ เปิด Roaming มาจากที่ไทยเลย
4.ที่พัก
วันที่ 11-13 พักที่ Hanz Sunset TeddyyHouse ราคาคืนละประมาณ 600 บาท เท่านั้น
วันที่ 13-15 พักที่ Amorii Hotel ราคาคืนละประมาณ 600 บาท เช่นกัน
ค่าเสียหายทั้งหมดประมาณ 2,400 เท่านั้น ราคาอ่อนโยนเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมครับ แถมได้ห้องใหม่ แอร์เย็น เตียงนุ่มๆ หลับสบายมากครับ
เซลฟี่สวยๆ ก่อนขึ้นรถบัส
รถบัสสีเขียวจากสนามบินเข้าเมือง
ขออนุญาติเริ่ม Review เลยครับ
วันที่ 1
หลังจากเครื่อง Landing ถึงสนามบินก็เดินออกไปตามทาง พอมาถึง ตม. ยื่น Passport เจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้ถามอะไรเลย ผ่านตม.มาอย่างง่ายดาย
หลังจากนั้นซื้อ Sim Card ตรงทางเดินราคา 300 บาท ได้ 50 G แล้วก็เดินออกมาหน้าสนามบินเพื่อตามหารถบัสสีเขียวฟรี ก่อนขึ้นรถบัสก็ทำการถ่ายรูปสวยๆ ซะหน่อยว่ามาถึงแล้ว
พอขึ้นรถบัสมาเสร็จ รถบัสมุ่งหน้าจากสนามบินไปที่ Grand World ระยะทางประมาณ 30 KM ใช้เวลาประมาณ 50 นาทีได้ ในขณะที่นั่งบนรถบัสก็ชมวิวบรรยากาศ 2 ข้างทางไปเพลินๆ ไม่มีง่วงเลยสักนิด
ในขณะที่ชมวิวอยู่นั้นก็มีผู้โดยสารขึ้นมานั่งข้างๆ ด้วย เป็นน้องผู้หญิงคนหนึ่งถือของขึ้นมาเยอะเลย แล้วบังเอิญน้องเค้าทำถุงผลไม้หล่นไปที่พื้น ผมก็เลยรีบเก็บให้ น้องเค้าก็ยิ้มๆ ให้ (คงคิดในใจพี่เก็บให้ทำไม 555)
พอรถบัสถึง Grand World ผมก็ลงรถแยกย้ายกับน้องเค้า คงคิดว่าไม่มีทางได้เจอกันอีกแล้วคงเป็นแค่ฉากหนึ่งในละครแค่นั้น
ผมก็เดินหาที่พักในวันแรกชื่อ Hanz Sunset TeddyyHouse เปิด Google Map แหละครับ เดินวนหลายรอบไม่เจอครับ อากาศค่อนข้างร้อนด้วย ก็เลยเข้าไปนั่งทานชานมที่ร้านๆ หนึ่ง ผมก็ขอความช่วยเหลือถามคนในร้านเค้าก็บอกทางให้
จนกระทั่งเจอรร. และเข้าไป Check In ถามเจ้าของโรงแรมว่าตอนจองทำไมเป็นชื่อ Hanz Sunset TeddyyHouse นี้ แต่พอไปถึงกลับเป็นชื่อ Sofia Hotel เจ้าของตอบว่าเป็นที่เดียวกันแต่มี 2 ที่ อ้าวแบบนี้ Google Map ไม่ได้ผิดนี่ๆ
เจ้าของโรงแรมพูดภาษาอังกฤษได้เก่งมาก เก็บข้าวของเสร็จ ก็ออกมาเดินเล่นเลย
ที่แรกที่ไปคือ Grand World ภายในก็มีแหล่งท่องเที่ยวที่ช้อบปิ้ง พิพิธภัณฑ์ และร้านอาหารมากมาย มุมไฮไลท์ของข้างในจะมีคลองตลอด 2 ฝั่ง ซึ่งเป็นเมืองจำลองของเวนิส อิตาลี และเต็มไปด้วยอาคารหลากสีสัน
จขกท.ก็เดินเล่นชิวๆ ถ่ายรูปไปเรื่อยๆ เจอของอร่อยระหว่างทางก็แวะซื้อ จนกระทั่งเดินมาถึงร้านขายน้ำผลไม้ร้านหนึ่งมีน้องผู้หญิงเรียก และ ยิ้มให้มาแต่ไกลเหมือนคนรู้จักกันมาก่อน ผมก็นึกอยู่ว่าใครกันเห็นไกลๆ
สักพักก็อ๋อ น้องผู้หญิงที่เจอบนรถบัสที่เราเก็บถุงผลไม้ให้นี่ๆ บังเอิญจัง เรียกผมขนาดนี้ก็เลยต้องช่วยอุดหนุนน้ำผลไม้ที่ร้านแล้ว และถือโอกาสฝากเนื้อฝากตัวกับคุณแม่ของน้องเค้าด้วยเลย
ขณะที่ทานน้ำผลไม้อยู่ น้องเอาขนุนมาให้ทานด้วย ทำไมใจดีจัง 55 รูปนี้ขอให้น้องเค้าช่วยถ่ายให้ด้วยครับ จากนั้นก็เดินๆ จนกระทั่งมืดก็มีการแสดงโชว์ แสงสีเสียง มีโชว์ศิลปวัฒนธรรมของเวียดนามใกล้ๆ กับ Grand World
สามารถหาซื้อตั๋วได้บริเวณใกล้ๆ ทางเข้าโชว์ จบวันแรกกลับเข้าที่พัก พักผ่อน
วันที่ 2
ตื่นเช้ามาทานอาหารใกล้ๆกับโรงแรมที่พักจากนั้นขึ้นรถบัสเดินทางไปที่สวนสัตว์ Vinpeal Safari ระยะทางจากที่พักประมาณ 3 KM พอรถบัสไปถึงก็เดินรอบๆ หามุมถ่ายรูปสวยๆ วันที่ไปคือวันอาทิตย์นักท่องเที่ยวชาวจีนค่อนข้างเยอะเลยทีเดียว
ผมซื้อตั๋ว Package เข้าของสวนสัตว์ซาฟารี่ + สวนสนุกวินวันเดอร์คู่กันเลย และแถม Voucher อาหาร 1 มื้อในสวนสนุกตามร้านที่ร่วมรายการ โดยซื้อผ่าน Klook มาตั้งแต่ที่บ้านเรา พอไปถึงทางเข้าสวนสัตว์ซาฟารี่แค่ Scan QR Code เข้าได้เลยง่ายดี
เข้าไปก็เจอสัตว์มากมายแต่ที่เห็นแล้วชอบมากคือ Baby Lion ที่นอนเรียกกันเเป็นแถวๆ น่ารักมาก และก็มียีราฟที่บรรรดานักท่องเที่ยวจะซื้ออาหารมาป้อนให้ อากาศค่อนข้างร้อนมากวันที่ไป อยู่ในสวนสัตว์ประมาณ 2 ชม.กว่าก็ดูสัตว์ครบแล้ว
จากนั้นก็ออกจากซาฟารี่ขึ้นรถบัสไปสวนสนุก VinWonder ต่อ ที่นี้ก็อยู่สวนสนุกยาวๆ เลย
Baby Lion นอนสบายกันเลยๆ
ไปถึงสวนสนุกหมดแรงมากกองทัพต้องเดินด้วยท้องว่าแล้วก็ใช้ Voucher อาหารซะเลย จัดเมนูไก่ทอดบาร์บีคิวไป + เฟรนฟรายไป พอทานเสร็จก็เดินเล่นแล้วจุดที่ไปที่แรกคือปราสาทซึ่งเป็นจุดไฮไลน์ของที่นี่เลย ตอนเห็นในรูปว่าสวยแล้ว พอมาถึงสถานที่จริงมาเห็นด้วยตาตัวเองยิ่งสวยกว่า
ปราสาทใหญ่แบบอลังการมากครับเหมือนหลุดเข้ามาอยูในโลกการ์ตูน Disney ยังไงยังงั้น เครื่องเล่นก็มีให้เลือกหลากหลายมีหลายโซนเลยทีเดียวที่พลาดไม่ได้คือชิงช้าสวรรค์เพราะจะได้เห็นมุม Bird's eye view ของที่นี้ บรรยากาศติดริมทะเลเลยครับ และก็ยังมีรถไฟเหาะที่มาถึงแล้วต้องเล่นให้ได้
ในสวนสนุกจะมีโซนสวนน้ำในนั้นด้วย สวนน้ำทำออกมาได้ค่อนข้างดีคล้ายๆ กับสวนน้ำที่พัทยาบ้านเราเลย มีหาดทรายจำลอง มีสไลเดอร์ให้หวาดเสียวน่าเล่นมาก ใครที่มีลูกหรือเด็กเล็ก พาไปที่นี้รับรองต้องชอบแน่ๆ
เดินเล่นในสวนสนุกเหนื่อยๆ ก็แวะเข้ามาตากแอร์ชมการแสดงโชว์นางเหงือกที่พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ (Vinpeal Sea Shell Aquarium) นางเหงือกว่ายน้ำไปกับบรรดาปลาทั้งหลายสร้างความตื่นตะลึงให้กับผู้ชมมากสำหรับโชว์นี้ เต็ม 10 ให้ 10 เลยโชว์นี้
อยากจะดูซ้ำอีกรอบ
หลังจากเที่ยวสวนสนุกเสสร็จแล้วตกเย็นอย่าพึ่รีบกลับเพราะจะมีการแสดงแสงสีเสียงที่บริเวณปราสาทในเวลา 19.00 น. ผมก็รีบไปจับจองพื้ที่เพื่อชมการแสดง ทำออกมาได้ค่อนข้างดีในเรื่องของแสงสี เอฟเอ็กในการแสดง แต่เนื้อเรื่องเค้าบรรยายเป็นภาษาเวียดนามหมดเลย ไม่มีซับอังกฤษเลยครับ แต่ไม่เป็นไรก็ชมแต่แสงสี และ ก็บรรรยากาศก็คุ้มแล้ว โชว์ประมาณ 20 กว่านาที จากนั้นก็ขึ้นรถบัสกลับโรงแรมตกอยู่ในสภาวะทิ้งตัวของพี่แดน D2B
พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ (Vinpeal Sea Shell Aquarium)
โชว์นางเหงือกที่พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ (Vinpeal Sea Shell Aquarium)
Bird's eye view ของที่นี้ บรรยากาศติดริมทะเล
ตอนกลางคืนรอชมการแสดงแสงสีเสียงที่ปราสาทกัน ต้องรีบมาจับจองพื้นที่
วันที่ 3
Check Out ออกจากที่พัก เจ้าของโรงแรมอยู่กับแม่ 2 คน เห็นทำเองทุกอย่างเลยตั้งแต่ทำความสะอาดห้อง เปลี่ยนผ้าปูที่นอน ไม่ได้จ้างคนช่วยเลย อยู่กันแบบครอบครัวจริงๆ จากนั้นมุ่งหน้าไปขึ้นรถบัสที่อยู่ใกล้ๆ รร. ไปทางตอนใต้ของเกาะ
รถบัสไปส่งถึงที่เลย ชื่อ รร.ว่า Amorii Hotel ทำการ Check in เก็บของเข้าที่พักจากนั้นเรียก Grab ไปที่อุทยานธรรมชาติซันเวิลด์ฮอนเทิม (Sun World Hon Thom Nature Park) รอบนี้ไม่มีรถบัสผ่าน จึงจำเป็นต้องเรียก Grab ไป
พอไปถึง Cable Car ปิดปรับปรุงจะเปิดทำการอีกทีเดือนธันวาคมโน้นเลย น่าเสียดายมากที่ไม่ได้นั่ง Cable Car ข้ามไปอีกเกาะหนึ่งที่ลง Guinness World Records ว่าเป็นกระเช้าที่ยาวที่สุดในโลกที่ 7 กิโลกว่าๆ แต่ตรงจุดนี้มีสถานที่สวยๆ จุดชมวิวให้เดินเล่นอยู่ครับ
เดินลงไปด้านล่างจะเจอชายหาด และ เจอกับตึกอาคารบ้านเรือนที่มีมุมอาร์ทๆ ให้ถ่ายรูปเยอะมาก ใครเป็นสายถ่ายรูปต้องไม่พลาดตรงจุดนี้ วันที่ผมไปเห็นมีคนมาถ่าย Pre-Wedding อยู่หลายคู่เลย และ ยิ่งตอนกลางคืนเปิดไฟก็จะดูสวยไปอีกแบบ
[img]https://f.ptcdn.info/373/082/000/s4csfkzp27AnyXT1mPu4-o.jpg
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้