หัวหน้าแอบกระซิบบอกเราว่า มีเพื่อนร่วมงานนินทาเราว่า.....

เราคิดว่าการโดนนินทาเป็นเรื่องปกติ แต่เราสงสัยมากกว่า ว่าหัวหน้ามาบอกเราทำไม

วันหนึ่งเรากำลังจะออกจากห้องทำงาน เพื่อไปกินข้าวเที่ยง หัวหน้าก็เดินตามเราออกมา แล้วเขาก็คว้าแขนเราไปกระซิบบอกอะไรบางอย่าง

หัวหน้ากระซิบบอกเราว่า มีเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งที่นั่งโต๊ะทำงานใกล้เรา อายุมากแล้ว แอบรวมหัวกับเพื่อนร่วมงานอีกคน แล้วนินทาเรา หัวหน้าไปแอบเห็นแชทไลน์ที่พวกเขาสนทนากัน พวกเขานินทาเราเรื่องที่เรากินข้าวเช้ากับข้าวเที่ยงในเวลาทำงาน 

แต่อ่านถึงแค่นี้แล้วอย่าเพิ่งด่าเรา เวลาเริ่มงานของเราคือ 8.30 น. เราจะเดินทางไปถึงที่ทำงานเวลา 8.00 น. แล้วเราก็จะนั่งกินข้าวที่โต๊ะทำงาน เรากินข้าวค่อนข้างช้า ทำให้เวลากินลากยาวไปจนถึงเวลาเริ่มงาน และอาจลากไปจนถึง 9.00 น. แต่.....ระหว่างที่เรากำลังกิน เราก็ทำงานไปด้วย ตอบอีเมลลูกค้า พิมพ์งานส่งหัวหน้า รับโทรศัพท์ลูกค้า ฯลฯ และเราก็นั่งกินแบบเงียบๆ ไม่ได้ส่งเสียงดัง ที่เราทำแบบนี้ก็เพราะหัวหน้าไม่ได้ว่าอะไร บางครั้งหัวหน้าก็กินข้าวในเวลางานเหมือนกัน และเพื่อนร่วมงานบางคนก็ทำแบบเราด้วย บางคนเดินออกไปซื้อขนมในเวลางาน หัวหน้าเคยพูดหลายครั้งว่าเขาค่อนข้างให้อิสระเรื่องพวกนี้ แต่งานต้องเสร็จ และเวลาเลิกงานของเราคือ 16.30 น. แต่เรามักจะอยู่ทำงานจนถึง 17.00 น. หรือ 17.30 น. แล้วค่อยออกไป ไม่ได้ค่าโอที เราจึงคิดว่าเรื่องกินข้าวของเราไม่ใช่เรื่องผิด

ส่วนเรื่องกินข้าวเที่ยง บางวันเราทำงานเพลิน ก็จะไม่ได้ออกไปพักเที่ยงตรงเวลาเป๊ะ แต่อาจออกไปตอนเที่ยงครึ่ง แล้วเราก็ไปซื้อข้าวมานั่งกินที่โต๊ะทำงาน ซึ่งก็นั่งกินเงียบๆ และอาจใช้เวลากินไปจนถึงเวลางานช่วงบ่าย เช่น เราออกไปซื้อข้าว 12.30 ก็อาจใช้เวลากินข้าวจนถึง 13.30 น. แต่เวลาเริ่มงานช่วงบ่ายคือ 13.00 น. ซึ่งพอถึงเวลา 13.00 น. เราก็จะเริ่มทำงานไปด้วย ถึงจะยังกินข้าวไม่เสร็จก็ตาม ซึ่งเราก็ไม่ได้มองว่าผิด เพราะหัวหน้าไม่ได้ห้าม และเราไม่ได้ต้องทำงานร่วมกับใคร ไม่ได้มีประชุมหรือต้องออกไปทำงานนอกห้อง 

พอเรารู้จากหัวหน้า ว่ามีเพื่อนร่วมงานนินทาเราเรื่องนี้ เราก็ไม่เข้าใจหรอกว่าพวกเขาไม่พอใจเราเรื่องอะไร คิดว่าเราเอาเปรียบคนอื่นเรื่องเวลาทำงานเหรอ? เราไม่เคยทำแบบนั้น เราทำงานทดเวลาที่เอาไปใช้กินข้าวให้แล้ว เวลากินข้าวก็ทำงานไปด้วย เวลาเลิกงานเราก็เอางานกลับไปทำที่บ้าน วันหยุดเราก็เอางานกลับไปทำด้วย ไม่ได้ค่าโอที แถมเรายังต้องช่วยงานคนอื่นด้วย ในขณะที่พวกคนที่นินทาเรานั้น คนนึงชอบแว่บออกไปข้างนอกในเวลางานบ่อยๆ เวลาโทรศัพท์ดังก็ไม่เคยรับสายทันเรา (เรากับเขาใช้เบอร์โทรเดียวกัน แต่เวลาโทรศัพท์ดังเราจะเป็นคนรับสายตลอด ขนาดตอนเรากำลังกิน ก็ยังยกหูรับสายก่อนเขา) ส่วนอีกคนก็ทำงานแย่มากจนโดนหัวหน้าด่าทุกวัน ดังนั้นเราจึงไม่ค่อยอยากแคร์เรื่องที่พวกเขานินทาเราหรอก เพราะพวกเขาก็ไม่ได้ดีไปกว่าเขา อีกอย่างพวกเพื่อนร่วมงานในแผนกเราก็มีนิสัยชอบนินทากันเองอยู่แล้ว

แต่เราเริ่มรู้สึกระแวงหัวหน้า ไม่เข้าใจว่าเขามาเล่าเรื่องนี้ให้เราฟังทำไม ตอนที่เขาเล่าให้เราฟัง เราบอกหัวหน้าไปว่าก็ช่างพวกเขาเถอะ ไม่เห็นต้องสนใจ แต่หัวหน้าก็ขอให้เราปรับตัวเรื่องเวลากินข้าว เขาพูดย้ำว่าเขาไม่ได้มีปัญหากับเรา เพราะเราก็เป็นคนทำงานดี และเขาก็ค่อนข้างให้อิสระเรื่องพวกนี้ แต่เขาไม่อยากเห็นหรือได้ยินเพื่อนร่วมงานสองคนนั้นนินทาเรา เพราะพวกเขานินทาและเสี้ยมกันค่อนข้างแรง ซึ่งเราก็ไม่เข้าใจว่าหัวหน้าจะเดือดร้อนทำไมกับเรื่องนี้ เพราะเพื่อนร่วมงานก็แค่นินทาเราลับหลัง ไม่ได้มาพูดให้เราได้ยินซึ่งๆหน้า เราไม่ได้เดือดร้อน ทำไมเราต้องปรับตัว คนอื่นก็มีข้อบกพร่องแต่ไม่เห็นต้องปรับตัว แล้วทำไมเราต้องปรับคนเดียวเพื่อคนที่นินทาเราด้วย ตกลงใครกันแน่ที่มีปัญหาเรื่องเวลากินข้าวของเรา เพื่อนร่วมงาน หรือหัวหน้า

สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 2
หัวหน้านั้นแหละอยากให้จขกทปรับปรุงเวลากินข้าว แต่เขาใช้วิธีนี้พูดแทน ดูง่ายมาก

เหตุผลของเขาเราอย่าไปเดา อาจจะเป็นเพราะแค่ดูไม่ดี ถ้าคนแผนกอื่น หรือผู้บริหารเห็น อาจจะแค่เพราะไม่อยากให้คนอื่นนินทาจขกททำให้บรรยากาศในทีมเสียบลาๆ

สรุปคือจขกทควรปรับ ถ้ามันไม่ได้ยากเย็น เพราะ"หัวหน้าอยากให้คุณปรับ"
ความคิดเห็นที่ 3
หัวหน้าอยากให้คุณกินข้าวให้ตรงเวลาค่ะ ไม่อยากให้เอาข้าวมานั่งกินไปทำงานไป
แต่หัวหน้าไม่กล้าบอกตรง ๆ (ทำไมก็ไม่รู้เนอะ) เลยอ้างเรื่องเพื่อนเอาคุณไปว่า

คุณควรเลิกกินข้าวในเวลางานค่ะ จะบอกว่าเลิกงานช้า พักช้า มาเร็ว ก็ไม่เกี่ยวกันค่ะ
มันล้วนฟ้องว่าคุณจัดการเวลาไม่เป็น
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่