อย่าวางใจ อายุเท่าไหร่ ก็มีเนื้องอกได้!

 
อย่าวางใจ อายุเท่าไหร่ ก็มีเนื้องอกได้!

เมื่อผู้หญิงเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ หมายถึงวัยที่เริ่มมีประจำเดือน ทุกคนมีโอกาสที่จะเกิดโรคทางนรีเวชได้ เช่น เนื้องอกมดลูก หรือเนื้องอกในรังไข่อย่างโรคเนื้องอกในรังไข่ สามารถเกิดขึ้นได้ 3 ชนิด ได้แก่ ชนิดที่เป็นถุงน้ำหรือซีสต์ในรังไข่ , ชนิดเนื้องอกธรรมดา และชนิดเนื้องอกที่เป็นเนื้อร้าย หรือมะเร็งรังไข่ โดยอาจมีสัญญาณเตือนจากอาการผิดปกติ ได้ ดังนี้

- ปวดท้องประจำเดือนมากผิดปกติ
-ในบางรายอาจมีท้องโตผิดปกติ 
-ประจำเดือนมาผิดปกติ
-ปัสสาวะบ่อย ซึ่งอาจเกิดจากที่ก้อนกดทับกระเพาะปัสสาวะ
-ท้องผูก หรือถ่ายอุจจาระลำบาก ซึ่งอาจเกิดจากที่ก้อนกดทับลำไส้ใหญ่และอาจมีภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ ได้อีก

ดังนั้น หากพบว่ามีความผิดปกติเกิดขึ้น ควรพบแพทย์เฉพาะทางในทันที เพื่อวินิจฉัยอย่างละเอียด ด้วยการตรวจภายในและการอัลตร้าซาวด์ 
เมื่อตรวจเจอว่าเป็นเนื้องอกมดลูก อย่าเพิ่งตกใจจนทำอะไรไม่ถูก เพราะในทางการแพทย์มีทางเลือกในการรักษาหลายวิธี


1. ติดตามอาการและขนาดของก้อน  ในเนื้องอกที่ยังไม่มีภาวะแทรกซ้อน และเนื้องอกไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่เป็นอันตราย สามารถติดตามอาการโดยการอัลตราซาวน์เป็นระยะ ทุก 3-6 เดือนได้

2.ใช้ยาเพื่อคุมอาการ เช่น ยาคุมกำเนิด เพื่อลดปริมาณประจำเดือน ลดการปวดประจำเดือน แต่จะไม่ลดขนาดของก้อนเนื้องอก รูปแบบยาคุมกำเนิด อาจเป็นยาเม็ดชนิดฮอร์โมนต่ำ ยาฉีดคุมกำเนิด ยาฝัง หรือการใส่ห่วงคุมกำเนิดชนิดที่มีฮอร์โมน
3.ยากินลดขนาดของเนื้องอก ชื่อว่า Ulipristal (ยูริพริสตอล) เป็นยาที่ออกฤทธิ์ต่อฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน สามารถลดอาการประจำเดือนออกมากได้ถึง 90% เพิ่มความเข้มข้นเลือด และลดขนาดของเนื้องอกได้ประมาณ 20%

4.ยาฉีดกลุ่ม GnRH agonist เป็นยาฉีดเพื่อลดขนาดและเลือดที่ไปเลี้ยงเนื้องอก ออกผลต่อฮอร์โมนจากต่อมใต้สมอง ที่จะมาควบคุมฮอร์โมนจากรังไข่อีกที แต่ไม่ควรใช้ต่อเนื่องนานเกิน 6 เดือน เพราะจะทำให้มวลกระดูกบางลงได้ ดังนั้นจึงมักใช้ยานี้เพื่อลดขนาดเนื้องอกก่อนที่จะผ่าตัด เพื่อลดการเสียเลือดตอนผ่าตัด

5.การผ่าตัด อาจเป็นการตัดแต่เนื้องอก หรือการตัดมดลูก ในคนที่ยังต้องการมีบุตร แพทย์จะพยายามเก็บมดลูกไว้ โดยตัดแค่เนื้องอกออก แต่บางครั้งเนื้องอกมีขนาดใหญ่ อยู่ในตำแหน่งที่เลือดออกได้ง่าย การผ่าตัดเนื้องอกจะมีความเสี่ยง แพทย์อาจให้คำแนะนำเรื่องการตัดมดลูก เทคนิคในการผ่าตัดนั้น ทำได้ทั้งการผ่าตัดเปิดหน้าท้อง และการผ่าตัดส่องกล้อง การผ่าตัดส่องกล้องมีข้อดี คือ แผลเล็ก เจ็บแผลน้อย และใช้เวลาในการพักฟื้นน้อยกว่า การผ่าตัดส่องกล้อง ยังมีทั้งการส่องกล้องทางหน้าท้อง และส่องกล้องแบบไม่มีแผล (NOTES) แต่ละวิธีเหมาะสมกับผู้ป่วยแตกต่างกันไป จึงควรปรึกษาแพทย์ผู้ผ่าตัด เพื่อหาวิธีที่เหมาะสมกับตัวเอง

6.การรักษาอื่น ๆ เช่น การอุดเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงเนื้องอก เป็นวิธีจำเพาะ ต้องทำร่วมกับรังสีแพทย์ และไม่สามารถทำได้ทุกกรณี

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่